บทที่ 45 รู้สึกตัวทัน
บทที่ 45 รู้สึกตัวทัน
กระเป๋าในมือของเขามีค่าถึง 500,000 หยวน เป็นธรรมชาติที่เป่ยเฟิงจะฝากไว้ที่ธนาคาร
ยกเว้นเงิน 20,000 หยวนที่เขาเก็บไว้ในมือ เมื่อเขาฝากเงินในไว้ธนาคารเสร็จแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่ร้านขายจักจั่นเพื่อที่จะซื้อจักจั่นจำนวนมาก
"นี้น้องชาย อย่าว่าฉันจู้จี้เลยนะ แต่คุณซื้อมันไปเยอะแยะทำไมกัน ?"
เถ้าแก่รู้สึกงงงวย ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งมาซื้อจักจั่นจำนวนมากในช่วงสั้น ๆ ในไม่กี่วันมานี้เขาขายให้เป่ยเฟิงเท่ากับจำนวนเงินที่เขาขายของได้ทั้งเดือนไปแล้ว
"เอ๊ะ ฮ่าฮ่า คุณมีพวกมันอีกไหม ?" เป่ยเฟิงส่ายหัวแล้วหัวเราะเพื่อหลบคำถามที่น่าอึดอัด
"แน่นอน ต้องการแค่ไหน ?"
นับตั้งแต่เป่ยเฟิงไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยเหตุผลของเขา เถ้าแก่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่อยากรู้เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรหากไม่ได้คำตอบ มันไม่สำคัญเท่ากับที่เป่ยเฟิงนำเงินมาให้เขาหรอก ...
"หืมม ผมเอาซัก 20,000 ตัว"
จักจั่น 20,000 ตัวน่าจะมีประโยชน์อย่างมากในการเร่งการเติบโตของต้นผีดูดเลือด
ถ้าเขาไม่กังวลว่าต้นผีดูดเลือดที่โตเร็วเกินไปจะส่งผลต่อผลเลือดต้นกำหนด เป่ยเฟิงคงไม่ต้องซื้อจำนวนแค่นี้ เขาคงจะซื้อจักจั่นที่มีทั้งหมดแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าของต้นผีดูดเลือดในทีเดียว !
มันเป็นเรื่องยากที่จะนับจักจั่น 20,000 ตัวในทีเดียว มันจะต้องใช้เวลานานอย่างมาก
สิ่งที่เถ้าแก่ทำก็แค่คว้าจักจั่นแล้วชั่งน้ำหนักแทน ด้วยเหตุนี้เขาสามารถกำหนดจำนวนของจักจั่นได้เมื่อเขารู้น้ำหนักรวม
สำหรับเขา สิ่งที่ทำอยู่อาจจะได้กำไรหรือขาดทุนก็ได้ ยังไงซะมันก็บอกไม่ได้อยู่แล้ว
"น้องชาย นายซื้อพวกมันไปหมดเลยคนเดียว... ถ้านายต้องการจักจั่นอีก ฉันกลัวว่านายจะต้องรออีกสองถึงสามวันกว่าที่เราจะหามาเพิ่มได้" เถ้าแก่พูดอย่างขมขื่น
จักจั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถผลิตจำนวนมากได้
แม้ว่าจะมีคนเลี้ยงฟามจักจั่นก็ตาม แต่มันยังคงห่างไกลจากความต้องการของตลาดมากพอสมควร !
จักจั่นส่วนใหญ่ในตลาดถูกจับมาจากในป่า มันสามารถบอกได้ถึงความขาดแคลนของมันได้ดี ยิ่งกว่านั่น จักจั่นส่วนใหญ่จะมีราคาสูงมาก นอกจากนี้เมื่อมันไปอยู่ในโรงแรมระดับสูงหรือร้านอาหาร มันจะถูกเพิ่มราคาเป็นตัวเลขสามหลักเลยทีเดียว
"ถ้าอย่างงั้น คุณมีนามบัตรหรือเปล่า ผมจะได้ให้หมายเลขโทรกลับของผม เมื่อคุณมีของ โปรดโทรหาผม คุณสามารถนำมันมาส่งที่บ้านผมได้ตลอดเวลา ผมจะโอนเงินให้ทันทีที่ได้รับจักจั่นแล้ว"
เป่ยเฟิงรู้สึกลำบากที่จะต้องเดินทางไปมา ทุก ๆ สองถึงสามวัน
"ได้สิ" เถ้าแก่พยักหน้าแล้วส่งนามบัตรให้เป่ยเฟิง
หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เป่ยเฟิงก็กลับไปที่บ้านพร้อมกับคนขับรถ
***
"หึ ฉันไม่เหมือนไอ้โง่ Ol 'Black เจ้านั้นมันก็แค่เอาปืนกระโดดไปมาเท่านั้น มันไม่มีทางที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายเก็บไพ่ตายอะไรซ่อนไว้ได้หรอก"
เจียงเหลียงหัวเราะเยาะ สำหรับ Ol 'Black ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่ามือสมัครเล่นเลย เขาก็แค่พยายามที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงความสามารถของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเขาเองก็ตาม
เจียงเหลียงกำลังนอนคว่ำอยู่บนยอดเขาสูงที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ที่มีใบปกคลุมอยู่
ที่ราบว่างเปล่าอยู่ตรงหน้าเขา นอกจากนี้ยังสามารถเห็นทางคดเคี้ยวของถนนหลักจากระยะไกลได้
ปืนไรเฟิลยาวติดตั้งอยู่ข้าง ๆ เขา ตัวลำปืนและกล้องซ่อนอยู่ในเงา มันไม่สำคัญว่าเขาแบกอาวุธพวกนี้มาได้ยังไง
เขาใช้กล่องส่องทางไกลเพราะสังเกตถนนสายหลัก และอดทนเหมือนอินทรีที่กำลังรอเหยื่อ
เป่ยเฟิงนั่งอยู่ในรถบรรทุก ในมือของเขากำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ ในขณะที่เขาคุยส่ง ๆ กับคนขับรถ ด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจของเขา ราบกับกำลังมีเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับเขา
'เกิดอะไรขึ้น ? ความรู้สึกไม่สบายใจนี้มันอะไรกัน ?'
ร่องรอยความวิตกกังวลปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
"มันเป็นไปได้ไหมว่ามีใครบางคนกำลังจะทำอะไรฉัน ?" เป่ยเฟิงพึมพำตัวเองในขณะที่คิดถึงความเป็นไปได้
นับตั้งแต่ความรู้สึกทั้งห้าของเขาเฉียบคมขึ้น มันเพิ่มสัญชาตญาณของเขามากขึ้นด้วย
บางครั้ง หากคนที่เรารักกำลังจะตาย ผู้คนก็จะรู้สึกถึงบางอย่างที่เกิดขึ้นได้ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก และตอนนี้เป่ยเฟิงก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
"หยุดรถ !"
เมื่อเข้าใกล้โค้ง ในขณะที่รถบรรทุกกำลังจะเลี้ยว เป่ยเฟิงก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความกระวนกระวายในใจของเขาได้
"เอี๊ยดด !"
คนขับรถเหยียบเบรคแล้วหันไปรอบๆ "เกิดอะไรขึ้น ?"
"ไม่มีอะไร ผมแค่รู้สึกเมารถนิดหน่อย คุณสามารถขับล่วงหน้าไปได้เลย" เป่ยเฟิงกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ เขาไม่สามารถบอกกับคนขับรถได้ว่าเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างมันดูเหมือนจะเป็นลางไม่ดี ใช่ไหม ? บางทีเขาอาจจะคิดว่าเป่ยเฟิงเป็นบ้าไปแล้วก็ได้
แม้แต่ตอนนี้ เป่ยเฟิงก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอันตรายยังไง
"ก็ได้"
คนขับรถพึมพำบางอย่างเกี่ยวกับคนบ้า แล้วขับออกไป
เป่ยเฟิงเฝ้ามองรถบรรทุกที่ค่อย ๆ เลี้ยวแล้วหายไป จากนั้นเขาก็ได้รีบวิ่งเข้าไปในป่าด้านข้างของถนน
'เอ๊ะ ? ฉันเห็นรถบรรทุกแล้ว แล้วไอ้เด็กเวรนั่นไปไหน ?'
เจียงเหลียงมองผ่านกล้องไรเฟิล ... เขาเห็นที่นั่งว่างเปล่า
"หึ ! ถือว่าแกโชคดีไป !" เจียงเหลียงถ่มน้ำลายแล้วลุกขึ้นมาเก็บอุปกรณ์ของเขา
เป่ยเฟิงผู้วิ่งผ่านป่ามาด้วยความเร็วสูง ชะลอตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากความไม่สบายใจภายในตัวเขาค่อย ๆ จางหายไป
เขาหัวเราะเยาะตัวเขาเอง บางทีเขาอาจจะระแวงมากเกินไป ...
หลังจากเดินผ่านป่าสักพัก เขาก็มาถึงป้ายรถเมย์สายหลัก โดยมีกิ่งไม้อยู่บนเส้นผม และใบหน้าที่ดูหงุดหงิด
"บัดซบ มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ?"
เจียงเหลียงอยู่ในรถ Volkswagen สีเงิน เขาหยุดแล้วมองไปที่เป่ยเฟิงที่กำลังขึ้นรถเมย์อยู่บนถนน เขาค่อย ๆ หยิบปืนออกมาแล้วเล็งไปที่เป่ยเฟิง ทันใดนั้นก็ได้มีรถเมย์มาบังสายตาของเขาพอดี
เจียงเหลียงถอนหายใจในความโชคดีของเป่ยเฟิง เขาดึงหมวกลงมาปิดใบหน้าของเขา
'นี้เป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกแปลก ๆ ! ผู้ชายคนนี้วางแผนที่จะลอบสังหารฉัน !'
การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ถูกจับตามองโดยเป่ยเฟิง เขาจำใบหน้าของเจียงเหลียงได้ทันที
จากนั้นยามก็ได้ไล่ให้เขารีบขึ้นรถเมย์
'โชคดี ที่ฉันถูกรู้สึกตัวทันให้ลงมาจากรถบรรทุก' เป่ยเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก สิ่งที่แย่ที่สุดคือเขาไม่เชื่อสัญชาตญาณของเขา
ในเวลาเดียวกันจิตสังหารของเขาก็สูงขึ้นถึงสวรรค์ สถานการณ์ลำบากเพิ่มมากขึ้นทุกนาที
เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าเพราะอะไรบ้านหลังเก่านี้ถึงดึงดูดคนพวกนี้เข้ามา แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว บางทีมันอาจมีความลับที่ยิ่งใหญ่กว่าบ่อน้ำโบราณอยู่ก็เป็นได้ !
เขาไม่สามารถทำอะไรกับเหว่ยฮุ้ยได้สำหรับเวลานี้ ไข่มุกสะเทือนฟ้าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ระยะในการทำลายล้างของมันกว้างเกินไป มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะมีคนไม่รู้เรื่องถูกผลกระทบของมัน
สำหรับเหว่ยฮุ้ย เขามีแขกที่ไม่คาดคิดสองคนในห้องทำงานของเขาตอนนี้ ด้านหน้าของเขา เป็นชายวัยกลางคนที่ดูอ่อนโยนมาก ๆ
"ประธานเหว่ย ดูเหมือนคุณจะทำได้ดีในช่วงหลายปีมานี้"
เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งลงบนโซฟาหนัง ในขณะเดียวกันก็ยกขาขึ้นมาพาดด้วยพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย ข้างเขามีผู้อาวุโสวัย 50 ปียืนอยู่ข้าง ๆ เขายืนอย่างสงบอย่างมาก
"อ่า ไม่ ไม่ ผมไม่กล้า .. เมื่อเทียบกับนายน้อยแล้ว ชีวิตผมด้อยกว่ามาก"
เหว่ยฮุ้ยใจเต้นอย่างรุนแรงในอกของเขา ทำไมตระกูลของเขาถึงมาที่นี่ ?
"โอ้ ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังพยายามอย่างหนัก ในการวางแผนเกี่ยวกับบ้านบรรพบุรุษของตระกูลหลัก มันทำให้ผมสงสัยจริงว่า .. คุณคงไม่ได้สร้างปัญหาในการเฝ้าระวังของบ้านบรรพบุรุษของตระกูลหลักของเราใช่หรือไม่ " ชายหนุ่มถามอย่างกะทันหันราวกับว่าสิ่งที่เขาถามคือสภาพอากาศ
"นายน้อยยุน มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ! มันเป็นความเข้าใจผิด !" หลังของเหว่ยฮุ้ยเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
"ผมไม่สนใจแผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณหรอกนะ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแผ่นจารึกของตระกูลเนี่ยของเราที่อยู่ในบ้านบรรพบุรุษ ผมบอกได้เลยว่าจะลบล้างตระกูลของคุณทันที เข้าใจใช่ไหม ?"
รอยยิ้มสบาย ๆ ยังคงอยู่บนหน้าของเขา แต่โทนเสียงของเนี่ยยุนเริ่มลดลงหลายองศา
"ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจแล้ว !" เหว่ยฮุ้ยถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยยุน
เนี่ยยุนจ้องมองเหว่ยฮุ้ยอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไปพร้อมกับผู้อาวุโสที่มากับเขา
"นายน้อยยุน เหว่ยฮุ้ยดูเหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เขาพยายามที่จะเป็นเจ้าของบ้านของบรรพบุรษมาหลายปีแล้ว" ชายสูงอายุที่เดินตามหลังเนี่ยยุนกล่าวอย่างฉับพลัน
"วูบู้ คุณไม่ต้องเป๋นห่วง ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานได้ดีในการซ่อนมันไว้ แต่เขาไม่สามารถซ่อนความจริงได้ เขาจะกังวัลทุกครั้งที่เราพูดกับเขา อัตราการเต้นหัวใจของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก เมื่อใดก็ตามที่พูดถึงเรื่องบ้านของบรรพบุรุษ"
เนี่ยยุนยิ้มเบา ๆ เขาเคารพวูบู้อย่างมาก แต่เขาก็มีความมั่นใจในตัวเองดวยเช่นกัน
วูบู้ไม่พูดต่อ เขารู้ว่านายน้อหยุนนั้นเป็นคนที่ฉลาดมาก เขามีแผนการของตัวเองเสมอ