บทที่ 4 สิ่งที่ตกได้ในครั้งแรก !
บทที่ 4 สิ่งที่ตกได้ในครั้งแรก !
ท่ามแสงจันทร์ที่อ่อนโยน มีชายคนหนึ่งกับไก่ตัวหนึ่งกำลังจ้องหน้ากันด้วยความเคร่งขรึม เป่ยเฟิงมองมันด้วยสีหน้าว่างเปล่าและรู้สึกช็อคทุกครั้งเมื่อเขามองไปที่ไก่ยักษ์ตัวนี้
ในทางกลับกัน ไก่ยักษ์มันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่มันเหมือนปลาที่โดนตกออกมาจากบ่อน้ำโบราณด้วยคนเพียงคนเดียว
'ไก่ตัวนี้แม่มโคตรใหญ่ กว่าจะกินหมดมันใช้เวลานานแค่ไหนเนี่ย มันน่าจะพอทำให้ฉันอยู่ไปได้ทั้งเดือนนะเนี่ย' เป่ยเฟิงกำลังมองไปที่ไก่ผู้โชคร้ายตัวนั่น
"อืม ใช่แล้วอย่างแรกคือต้องเอาตะขอเบ็ดออกซะก่อน"
เป่ยเฟิงค่อยๆจับปากไก่แล้วค่อย ๆ เอาตะขอออกมา สำหรับไก่ตัวนี้แล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะให้ไอ้มนุษย์น่ารังเกียจตัวนี้แตะต้องตัวมัน แต่เพราะมันไม่สามารถขัดขืนได้ที่มันทำได้แค่นอนให้มนุษย์จับปากของมันเท่านั่น หลังจากนั้นไม่นานเป่ยเฟิงก็สามารถเอาตะขอออกมาจากปากไก่ได้
"กุ๊กกกกกกกกกกกกก !!!"
หลังจากที่ตะขอโดนถอนออกจากปากแล้ว ไก่ยักษ์ก็รู้สึกตัวได้ว่าเรี่ยวแรงมันกลับมาแล้ว มันหันหน้าไปมองเป่ยเฟิงแล้วกระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้น
'เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าแรงมันกลับมาแล้ว ถ้าตะขอถูกเอาออก ?!?' เป่ยเฟิงรู้สึกหนาวที่หลังคอของเขา เขากลืนน้ำลายแล้วค่อย ๆ ถอยหลังอย่างรวดเร็ว สำหรับไก่หน้าโง่ตอนนี้มันได้กางปีกขนาดใหญ่ของมันแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขาด้วยความโกรธ
"กุ๊ก กุ๊ก !"
ไก่ยักษ์กระพือปีกของมันด้วยความรวดเร็ว ฝุ่นบนดินขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อมันกระพือปีก
"บัดซบบบบ"
เมื่อมองไปที่ไก่ยักษ์ที่น่าจะหนัก 40-50 จินและมีความสูงเท่าครึ่งหนึ่งของเขา หน้าของเป่ยเฟิงกลายเป็นซีดเซียว เขาหันหลังแล้วรีบวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดของเขาทันที !
มีครั้งหนึ่งเขาเคยไปฟาร์มไก่ แล้วเขาถูกไก่ที่นั่นจิก แต่แค่นั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและกลัวมากพอแล้ว แล้วดูตอนนี้สิ ไก่ตัวนี้มันเป็นตัวที่โคตรใหญ่ จงอยปากที่ดูเหมือนนักอินทรีนั่น แล้วตัวของมันที่ดูแล้วน่าจะมีแรงที่โคตรเยอะ มันคงไม่ใช่ว่าถ้ามันจิกเขามันคงจะเอาเนื้อหนังของเขาไปด้วยหรอกนะ !
"มารดามันเถอะ มันดูโคตรน่ากลัวว"
ในขณะที่เป่ยเฟิงกำลังคิดฟุ้งซ่าน ทันใดนั่นก็มีก้อนหินลอยเข้ามาที่หลังของเขา มันทำให้เขาเกือบจะวิ่งสะดุดล้ม
ความเจ็บปวดที่แผ่ซานจากด้านหลังของเขา มันรู้สึกเหมือนโดนทุบด้วยไม้หน้าสาม เป่ยเฟิงไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าน่าจะมีเลือดออกที่หลังของเขาแล้ว
"กุ๊ก กุ๊กกกกกกก !"
เสียงของไก่ยักษ์ที่ด้านหลังของเขา แต่สิ่งที่เป่ยเฟิงได้ยินเหมือนเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย !
'ฮึ้ม ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะตกต่ำถึงขนาดโดนไก่รังแก !'
ลืมความกลัวไปซะ เป่ยเฟิงหันหน้าไปอีกทางแล้ววิ่งออกไปที่ห้องครัว
ไก่ยักษ์ที่มีความสูงกว่าหนึ่งเมตรวิ่งไล่ผู้ชายตัวโตไปทั่วลานกว้างอย่างคึกคะนอง มันวิ่งไล่และส่งเสียงร้องเหมือนคนบ้าอยู่ด้านหลังของเขา
"มันอยู่ไหน ?!" เป่ยเฟิงพึมพำขณะมองหาของบางอย่างในห้องครัว
"กระต๊ากกก !"
เมื่อมาถึงจุดนี้ไก่ยักษ์กำลังเดินวนอยู่ที่หน้าห้องครัว มันกำลังรอให้เป่ยเฟิงออกมาด้วยตัวเอง มันไม่รีบร้อนที่จะเดินเข้าไปเพราะยังไงซะ เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจนี้ไม่มีทางหลบหนีมันไปได้ หลังจากรอซักพักมันจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องครัว
ในจิตวิญญาณของมัน ตอนนี้มันกำลังมีความสุขมากที่จะได้แก้แค้นเจ้ามนุษย์ตัวนี้ มันเอาปีกสองข้างไว้ด้านหลังแล้วยืดอกด้วยความลำพองทำเสมือนห้องครัวคือที่ของมัน
"เจอแล้ว !" เป่ยเฟิงถือมีดไว้ข้างหลังแล้วหันไปมองไก่ยักษ์ที่ตอนนี้กำลังเดินมาหาเขา
"กุ๊ก กุ๊ก!"
หลังจากเห็นเป่ยเฟิงยืนอยู่ตรงหน้า มันก็ตัดสินใจจบความน่ารังเกียจของเจ้ามนุษย์นี้ซะ มันกระพรือปีกด้วยความเร็วแล้ววิ่งไปข้างหน้าเสมือนจรวดเข้าไปหาเป่ยเฟิง
"ตาย !"
เป่ยเฟิงไม่ได้หลบหลีกใด ๆ เขาง้างมีดที่มีความยาวกว่า 30 เซนติเมตร แล้วพุ่งเข้าไปหาไก่ยักษ์ !
มีดนี้ไม่สามารถหาซื้อได้จากตลาดทั่วไป มีดนี้มันถูกสร้างจากช่างตีเหล็กประจำหมู่บ้าน มันถูกทำมาด้วยเหล็กที่เขาหามาเอง มันจึงมีความกว้างและหนักมากกว่ามีดปกติ
ถึงจะไม่ได้ใช้มานานหลายปีแล้ว แต่ยังคงมองเห็นความคมของมันได้อย่างชัดเจน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือเริ่มมีสนิมตรงที่จับของมันเท่านั้น
"ฟิ้ววว"
ใบมีดลากผ่านคอไก่ยักษ์ จากนั่นก็มีเลือดสาดกระเด็นมาโดนหน้าของเป่ยเฟิง
ไก่ยักษ์ค่อย ๆ ล้มลงมันจะเป็นไปได้ยังไงถ้าจะมีชีวิตอยู่หลังจากที่มันโดนปาดคอ ?
เลือดและขนของมันกระจายไปทั่วห้องครัว หลังจากนั่นก็ค่อย ๆ หยุดนิ่งไป มีแค่ขาของมันเท่านั้นที่ยังกระตุกอยู่
"ชิ ยังไงซะสุดท้ายแกก็จบด้วยการกลายเป็นมื้อเย็นของฉัน ไม่รู้หรือไง ?"
เป่ยเฟิงมองไปที่ไก่ยักษ์ ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่นานมานี้เขาถูกมันไล่ล่าอยู่ที่หน้าบ้าน ขณะเดียวกันเมื่อเขามองไปที่ไก่อีกรอบเขาก็คิดได้ว่า
"ดูเหมือนฉันต้องระวังตัวมากขึ้นถ้าคิดจะตกปลาในบ่อนั่น ขนาดแค่ไก่ตัวเดียวยังทำให้ฉันมีสภาพน่าสมเพชขนาดนี้ ถ้าเกิดมันมีอะไรน่ากลัวว่านี้โผล่มาละก็ ... ไม่อยากจะคิดเลยแหะ"
เป่ยเฟิงค่อย ๆ ลูบแผลบนหลังของเขาและยืนคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องเขาเขาตักน้ำจากบ่อน้ำขึ้นมา แล้วเดินไปหยิบหม้อขนาดใหญ่ค่อย ๆ แล้วทำความสะอาดจากนั่นเดินไปตักน้ำอีกรอบแล้วจึงค่อย ๆ ต้มน้ำให้เดือด
ขณะที่กำลังรอน้ำให้เดือด เป่ยเฟิงก็เริ่มทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์และของในบ้านไปด้วยกัน และเพียงแปปเดียวน้ำในหม้อเดือดแล้ว
เป่ยเฟิงโยนไก่ทั้งตัวลงไปในหม้อนั่น หม้อนี้เป็นหม้อที่ใช้ทำอาหารให้กับคนทั่งหมู่บ้านได้ มันใหญ่เท่ากับอ้างน้ำเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงแบบนั่นเป่ยเฟิงก็ยังใส่ไก่ลงไปไม่หมดทั้งตัว
หลังจากต้มในน้ำเดือดไม่กี่นาที เป่ยเฟิงก็ค่อยๆถอดขนมันออก หลังจากที่ได้ลวกน้ำร้อนแล้วเป็นเรื่องง่ายมากที่จะถอนขนไก่พวกนี้
ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีตอนนี้ก็เหลือแค่ตัวไก่ที่ไม่มีขนแล้ว เป่ยเฟิงค่อย ๆ เก็บขนของมันช้า ๆ เขาเก็บไว้ทำพัดให้ตัวเองในวันข้างหน้า
หลังจากนั่นเขาก็หยิบมีดในห้องครัวค่อย ๆ ชำแหละเอาเครื่องในมันออก ถ้าจะพูดให้ถูกคือเอาไปทิ้งซะมากกว่า เป่ยเฟิงเป็นพวกไม่ชอบกินของพวกนี้เพราะนอกจากเครื่องในของพวกสัตว์ปีกมันทำความสะอาดยากแล้ว หากทำไม่ถูกวิธีมันก็จะทำให้รสชาติที่ได้รับมันห่วยแตก
หลังจากที่เอาเครื่องในออกหมดแล้ว เป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ สับไก่ทีละชิ้นเพื่อเอาพวกมันไปเผาในเตา เพราะตามร่างกายของพวกมันยังมีขนอ่อน ๆ เหลืออยู่
โดยปกติจะต้องนำไก่ทั้งตัวแขวนไว้แล้วค่อย ๆ รนไฟเพื่อเผาขนออกทั้งหมด แต่ยังไงก็ตามไก่ตัวนี้มันมีขนาดใหญ่เกินไปเขาจึงใช้วิธีนี้แทน
ขณะที่กำลังรอไก่สุก เขาก็หันไปทอดผักบางอย่างรวมทั้งเตรียมของแกล้มนิดหน่อย
เป็นเรื่องปกติของเด็กยากจนที่จะต้องรู้วิธีทำอาหารด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นการทำหรือปรุงเพิ่มเข้าไป มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เป่ยเฟิงจะเพิ่มรสชาติบางอย่างเข้าไป สิ่งที่เขาเตรียมไว้กินคู่กับไก่ก็คือแครอทที่เพิ่งไปซื้อมาก่อนจะเข้าบ้าน
จากนั่นเขาจึงนำไก่ย่างมาวางไว้บนจานและของเคียงของมัน นั่นก็คือแครอทมาวางไว้ด้วยกัน
"หืม หวังว่ามันคงไม่แย่นะ !" เป่ยเฟิงค่อย ๆ ใช้ตะเกียบคีบไก่แล้วนำเข้าปาก ทันทีที่มันเข้าไปในปากมันก็ละลายหายไปและให้รสชาติที่แปลกใหม่ในปากของเขา
ปกติแล้วพวกสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มักจะมีหนังที่เหนียวและเคี้ยวยาก ตอนแรกเป่ยเฟิงก็คิดแบบนั่นเช่นกัน แต่ยังไงก็ตามสิ่งที่อยู่ในปากเขามันมีความชุ่มฉ้ำเป็นอย่างมาก เขาจึงค่อย ๆ เคี้ยวเพื่อรับรู้รสชาติของมันมากขึ้น
จากนั่นเขาก็คีบมาอีกชิ้นเข้าปาก หลังจากที่เข้าปากแล้ว เป่ยเฟิงเหมือนผีหิวโหยที่เพิ่งออกมาจากนรกเขาก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมาเข้าปากอย่างต่อเนื่อง
"เอ๊ะ ? หมดแล้ว ?"
เป่ยเฟิงมองไปที่จาน สิ่งที่เหลืออยู่ในจานมีแค่อย่างเดียวนั่นก็คือแครอท
เป่ยเฟิงลูบท้องของเขาด้วยความสุขแล้วคิดกับตัวเองว่าเขาอาจจะกินอีกจาน !
แต่หลังจากคิดดี ๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่กินต่อ เพราะยังไงซะไก่มันก็หนีเขาไปไหนไม่ได้ เพราะงั้นเขาจะกลับมากินมันอีกทีในตอนเช้า
เขาตัดสินใจว่าต้องรีบหาซื้อตู้เย็นขนาดเล็กโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นมันคงไม่ดีแน่ถ้าปล่อยให้พวกอาหารโดนอากาศต่อไปแบบนี้
หลังจากที่ล้างจานเสร็จแล้ว เป่ยเฟิงกลับไปที่บ่อน้ำอีกครั้ง เขาตักน้ำขึ้นมาอาบมันภายใต้ดวงแสงจันทร์ที่อ่อนโยน
น้ำในบ่อมันเย็นตลอดทั้งปี เพราะแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนแต่น้ำในบ่อก็ยังคงเย็นและสดชื่นอยู่ดี
เป่ยเฟิงกลับมาที่ห้องของเขา นอกเหนือจากการทำผ้าปูที่นอนให้สะอาดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนนอนสำหรับเขาก็คือจุดยากันยุง
เพราะนี้เป็นเชิงเขา ในช่วงกลางคืนจะได้ยินเสียงยุงบินวนไปวนมาไม่หยุด ถ้าเขาไม่จุดยากันยุงละก็ เชื่อได้เลยเมื่อเขาตื่นขึ้นมาทั้งตัวคงเต็มไปด้วยจุดแดง ๆ ตั้งแต่หัวถึงเท้าแน่นอน
หลังจากที่ยุ่งมาตลอดทั้งวัน เป่ยเฟิงก็ล้มลงนอนหลับสนิททันทีที่หัวเขาถึงหมอน
ในคืนนั่นเป่ยเฟิงฝันแปลกประหลาดอย่างมาก
เขาฝันว่าเขาเจอพ่อและแม่ของเขา เขาจึงถามว่าทำไมถึงทิ้งเขาไว้ ในขณะที่กำลังจะได้คำตอบ เขาก็ฝันอีกรอบ แต่ฝันนี้คือเมื่อหลายปีก่อน เป็นเมื่อตอนที่เขาตกจากที่สูงเมื่อตอนทำงานก่อสร้างในตอนนั้น
****
ปล. มันเป็นนิยายแบบโลกปัจจุบันนะครับ ถึงจะเป็นนิยายจีนแต่ผมก็ใช้คำว่า ผม ฉัน เธอ หล่อน นาย คุณ แก / แต่ถ้าไปเจอคนในโลกฝึกตนหรือได้เข้าไปสิงร่างอื่น ผมจะเปลี่ยนไปใช้คำว่า ข้า เจ้า กระผม ขอรับ หรือคำย้อนยุคหน่อยนะครับ