บทที่ 38 ภาวะเงินเฟ้อ !
บทที่ 38 ภาวะเงินเฟ้อ !
"เอี๊ยดดดด !"
เสียงคำรามเหมือนวัวคลั่ง แลมโบกินีสีขาววิ่งเข้ามาในอาคารของ บริษัทชิงเฉิงด้วยเสียงดังสนั่นก่อนจะจอดที่ทางเข้าด้านหน้า
หวังจุนเดินออกจากรถแล้วรีบเข้าไปในตึก ตลอดทางเดินมีหลายคนคำนับเขา บางก็ทักทายในขณะที่เขาเดินผ่าน อย่าลืมว่าหวังจุนคือลูกชายของประธานบริษัท ! เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่สุดท้ายเขาจะกลายเป็นประธานคนต่อไป ในไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นคนเหล่านี้จึงรีบตีสนิทหรือเป็นเพื่อนกับเขา เพื่อให้เขาประทับใจในตัวเอง
"พ่อ ผมกลับมาแล้ว"
หวังจุนรู้สึกว่าจมูกเขาเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อเข้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของหวังเจียน เขารู้อ่อนล้าอย่างมากเมื่อนั่งอยู่หลังโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร
เขาแทบจะนับจำนวนผมสีขาวที่ขึ้นบนหัวของพ่อเขาได้เลยเมื่อเข้าไปใกล้ ๆ เขาจำได้ว่าพ่อเขาเมื่อก่อนนั้นยังดูหนุ่มแน่น และดูสดใสมาก แต่ดูตอนนี้เขานั้นเหมือนคนแก่ไปซะแล้ว
"โอ้ แกกลับมาแล้ว ดีมาก นั่งลงก่อน เดียวอีกสักพักค่อยไปกินข้าวเที่ยงกัน รอฉันทำเอกสารพวกนี้ให้เสร็จก่อน" หวังเจียนเงยหน้ามองลูกชายตัวเอง ด้วยสายตาแห่งความรัก
"ครับ" หวังจุนรู้สึกจุกในลำคอ เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย และนั่งลงบนโซฟา
"หลิวซุย เตรียมเฮลิคอปเตอร์หรือยัง ?" หวังเจียนวางปากกาแล้วเหยียดตัวลงอย่างเฉื่อยชา ขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบนโต๊ะ
"พร้อมแล้วครับ พวกเราไปได้ทุกเมื่อ" หลิวซุยตอบกลับในโทรศัพท์
"มา วันนี้ ฉันจะพาแกไปกินอาหารอร่อย ๆ แสนวิเศษ" หวังเจียนตบมือเรียกลูกชายของเขาด้วยสีหน้ามีความสุข นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลูกชายคนนี้มีเชื่อฟังเขา
"ครับ"
แม้ว่าหวังจุนจะพยักหน้า แต่เขาก็ค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับอาหารที่พ่อของเขาบอก แต่ว่าเพราะเขายังไม่เคยลอง เขาเลยไม่รู้จะพูดยังไงกับพ่อของเขาดี
พ่อและลูกชาย ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปบนชั้นดาดฟ้าซึ้งเฮลิคอปเตอร์กำลังรอพวกเขาอยู่
เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวค่อย ๆ บินขึ้นอย่างรวดเร็ว และค่อย ๆ หายไปในท้องฟ้า
****
ในขณะเดียวกันเป่ยเฟิงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ตอนนี้เขากำลังทำงานร่วมกับไป่เซียงในการแยกกุ้งยักษ์ออกเป็นส่วน ๆ
"บัดซบกุ้งอมตะนี้จัดการยากจริง ๆ" เป่ยเฟิงเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก ตอนนี้มือของเขาเริ่มปวมอย่างหนัก หลังจากที่เลื่อยกุ้งอมตะมาเป็นเวลานาน
เนื้อส่วนหางของกุ้งอมตะนั่นหั่นง่ายเล็กน้อย เขาต้องการตัดมันทั้งหมดเพื่อแยกเก็บไว้อีกส่วน รวมทั้งขากับหัวมันด้วย
นอกจากนี้ ขาแต่ละท่อนของมันยังแบ่งออกได้อีกเป็นห้าท่อน รวมทั้งหมด 30 ชิ้นต่อท่อน ตามความคิดที่เป่ยเฟิงกะไว้ มันเพียงพอที่จะบริการให้ลูกค้าถึง 4 คน !
หลังจากที่ใช้ความพยายามอย่างมหาศาล เป่ยเฟิงและไป่เซียงก็ตัดขาของกุ้งอมตะออกมาได้แล้ว 30 ท่อน แน่นอนไป่เฟิงเอาส่วนที่อร่อยที่สุดของกุ้งอมตะไป นั่นคือไข่ของมัน !
คนส่วนใหญ่คิดว่าส่วนที่อร่อยที่สุดของหอยคือไข่ เช่นเดียวกันกับปู อย่างไรก็ตาม คนส่วนมากไม่รู้ว่ากุ้งนั้นมีค่าเหมือนกัน ! ถึงมันจะมีน้อยจนเรียกได้ว่าแทบไม่เพียงพอในการแทะกิน แต่มันก็มากเกินพอสำหรับคนที่ต้องการกินมัน
อย่างไรก็ตาม กุ้งอมตะนี้แตกต่างจากกุ้งอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นสัตว์อสูรระดับ 1 มันจึงเป็นไข่กุ้งที่เรียกว่ารวมประโยชน์ไว้มากมาย มันให้พลังงานและคุณค่าทางโภชนาการที่ไกลเกินกว่าเนื้อมันจะเทียบได้
แม้ว่ากุ้งตัวนี้จะจัดได้ว่าเป็นสัตว์อสูร แต่กุ้งอมตะนั้นมันไม่แตกต่างจากกุ้งธรรมดาเลย เพราะตำแหน่งของไข่และส่วนอื่น ๆ เหมือนกุ้งปกติ เป่ยเฟิงใช้เครื่องตัดไฟฟ้า ตัดไปที่จุดที่เจอไข่กุ้ง เขาตัดโดยค่อย ๆ เลาะมันออกจากเปลือก
หลังจากผ่านไปหลายนาที ไข่กุ้งสีเหลืองก็โผล่ออกมาให้เห็น
ตรงกันข้ามกับที่เป่ยเฟิงคิดไว้ เขาคิดไว้ว่าไข่กุ้งมันจะต้องแห้งและมีขนาดเท่าไข่ปลา มันไม่น่าจะเหลวเหมือนไข่ปลาหมึก แต่ในความเป็นจริงคือไข่กุ้งนี้มันมีขนาดที่แปลกประหลาดอย่างมาก ถึงขนาดเท่าว่าเขาใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยในการขูดมันออกมาเป็นผงได้ !
แม้ว่าจะมีกลิ่นคาวเหมือนไข่ปลา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจเลย กลิ่นคาวนี้มันเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสดชื่น
เป่ยเฟิงเก็บไข่กุ้งอย่างระมัดระวัง สมบัติชิ้นนี้มันจะต้องเป็นของเขาเพียงลำพัง เขาไม่มีทางที่จะขายให้ลูกค้าของเขา !
สำหรับส่วนที่เหลือที่กินไม่ได้ เขาเอามันไปไว้ให้ต้นผีดูดเลือด เพราะมันไร้ประโยชน์สำหรับเขา
ไม่แปลกใจเลยที่ต้นผีดูดเลือดมันยินดีอย่างมากที่ได้ของขวัญเป็นกุ้งอมตะ รากนับไม่ถ้วนของมันห่อหุ้มเปลือกของกุ้งอมตะทันที
เป่ยเฟิงมองไปที่ฉากการใช้รากทะลุเปลือก มันดูเหมือนหนังสยองอย่างมาก ตอนนี้เป่ยเฟิงคิดว่าต้นผีดูดเลือดอันตรายมากขึ้น !
เสียงฉีกขาดของเปลือกนั้น เมื่อเขามองมัน เขาคิดว่าหากรากทรงพลังแบบนี้เข้าสู่ร่างมนุษย์ มันคงใช้เวลาไม่นานที่จะดูดเลือดคน ๆ นั้นให้แห้งตาย !
เมื่อนึกถึงเหตุการที่ต้นผีดูดเลือดฆ่าคนครั้งล่าสุด เป่ยเฟิงรู้สึกไม่สบายใจ
ผลไม้ที่ได้มาจากการฆ่าคน มันเป็นวัตถุดิบที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากเกี่ยวข้อง แต่มันก็เหมือนกับผัก ผักมันยังอุดมไปด้วยอุจจาระของสัตว์ได้เลย แล้วถ้าหากมีใครคิดแบบเดียวกันนี้ได้ พวกเขาก็คงสามารถกินผลไม้นี้ได้ไม่ต่างจากการกินผักปกติเลย
หลังจากที่รากของต้นผีดูดเลือดกลับไปที่เดิม เป่ยเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องดูเลยว่าเปลือกของกุ้งอมตะตอนนี้มีสภาพเป็นยังไง แน่นอนว่ามันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ถูกทิ้งไว้
งานเลี้ยงนี้ทำให้ต้นผีดูดเลือดพัฒนาไปอีกขั้น มันเรืองแสงสีแดงเหมือนเลือดจาง ๆ สามารถเห็นการเติบโตของมันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ชัด
ลำต้นของมันเริ่มมีความหนาที่ใหญ่กว่าขาผู้ชาย กิ่งไม้ก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น ดอกไม้สีเลือดที่อยู่บนยอดกิ่งเริ่มมีสีสันสดใสยิ่งขึ้น มันดูเปล่งประกายเหมือนหยกเลือดที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม
เป่ยเฟิงมองไปที่เปลือกกุ้งยาวสามเมตรแล้วคิดบางอย่าง ว่ามันน่าจะเอาไปใช้ทำอะไรได้ เขาจึงเรียกไป่เซียงออกมา ทั้งคู่ช่วยกันเอาเศษเปลือกที่เหลือไปไว้ที่ห้องเก็บของ
เขากำลังคิดถึงการเอาเปลือกทั้งหมดมาประกบเข้าด้วยกัน หลังจากที่ทำอาหารส่วนอื่น ๆ บางทีชิ้นส่วนเหล่านี้น่าจะสามารถเอาไปประดับตกแต่งได้ในอนาคต
เป่ยเฟิงใส่ห้าท่อนเล็ก ๆ ของขากุ้งอมตะลงไปในหม้อนึ่งและปิดฝา สองส่วนสำหรับไป่เซียง ในขณะที่อีกสามส่วนสำหรับเขาและหวังเจียน
การนึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำอาหาร เขาแค่นั่งรอเพื่อให้เนื้อมันสุก ขณะเดียวกันเป่ยเฟิงนึกถึงบางอย่างขึ้น เนื่องจากเพราะเขาเพิ่งใช้เงินในการซื้อจักจั่นไปเป็นจำนวนมาก และในตอนนี้เงินของเขาเหลือน้อยมาก !
ในไม่ช้าข้อความที่น่าตกใจก็ปรากฏในกลุ่มสนทนา "การจองโต๊ะเปิดแล้ว สำหรับวันนี้และพรุ่งนี้ ฉันจะรับเพียงแค่ 10 โต๊ะ สำหรับสี่คนเท่านั้น ส่วนราคาของอาหารคือ 6,000 หยวน สำหรับผู้ที่สนใจ ต้องโอนเงินมัดจำ 3,000 หยวนก่อนล่วงหน้า รีบจองละ อย่าพลาด !"
"บัดซบ เถ้าแก่ใจดำ เพิ่มราคาอีกแล้ว !"
ชายหนุ่มร้องตะโกนดังขึ้นเมื่อเขาเห็นข้อความ เขามองมันหลายต่อหลายครั้งด้วยความไม่เชื่อบนใบหน้าของเขา
"@BeifengPrivateRestaurant เถ้าแก่ เราขอถามหน่อยได้ไหม ? ทำไมคุณถึงเพิ่มราคา ?"
มีคนจำนวนมากสแปม "@Beifeng" ถึงเหตุผลที่เขาทำให้เงินเฟ้อ
"ให้ฉันเดา ... ฉันคิดว่าหลังจากที่ฉันตั้งใจทำงานอย่างหนักในเดือนที่ผ่านมา ฉันจะไปลิ้มลองดูว่ามันเป็นอย่างไง แต่ดูเหมือนเวลาถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องออกจากกลุ่มสนทนานี้" ผู้ใช้บางคนรู้สึกโกรธ ขณะเดียวกันเขาก็ร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไปด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นข้อความนี้ จำนวนตัวเลขของผู้ที่ออกจากกลุ่มสนทนาก็เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาที่สูงเกินไป ! มันเกินขีดจำกัดที่พวกเขาจะจ่ายได้
"มันมีเหตุผลในเรื่องของวัตถุดิบอยู่"
เป่ยเฟิงมองไปที่ข้อความ @Beifeng ทั้งหมดด้วยอาการปวดหัว เขาส่งเพียงข้อความเดียวในการตอบกลับ และไม่สนใจข้อความที่เหลืออีกเลย
"ไม่เอาหน่าเถ้าแก่ ! วัตถุดิบอะไรกันทำไมถึงแพงขนาดนี้ ที่คุณเสิร์ฟนี้มันเป็นลิ้นมังกร ? ไข่นกฟินิกส์ ?" ผู้ใช้บางคนกล่าวอย่างแดกดัน
"ลืมมันไปซะ ออกกันเถอะ เถ้าแก่คนนี้คงฝันเกี่ยวกับเงินตลอดเวลา" อีกคนตอบด้วยความผิดหวัง
เป่ยเฟิงไม่ได้สนใจที่จะอธิบายเพิ่มเติม ถ้าพวกเขาอยากออกก็ปล่อยเขาไป มันมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมาลิ้มลองวัตถุดิบชั้นสูงแบบนี้ได้
"พับ พับ พับ พับ!"
เสียงที่ดังสนั่นที่ถูกสร้างโดยเฮลิคอปเตอร์ มันก่อลมวุ่นวายปรากฏขึ้นมาอยู่นอกบ้าน เป่ยเฟิงไม่ต้องคิดอะไรมาก หวังเจียนมาถึงแล้ว เขารีบหยิบโทรศัพท์ของเขาออกไปเพื่อต้อนรับหวังเจียน
"ฮ่าฮ่า พวกเรากลับมากินอาหารฝีมือหลานอีกแล้ว ลุงไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้เลยรอบนี้" เมื่อเป่ยเฟิงเดินมา เขาก็ได้ยินเสียงของหวังเจียน ซึ้งมันมีน้ำเสียงที่ดูสดใสอยู่
ส่วนเจ้าพวกลูกหมาตัวน้อยทั้งสองตัว มันหนีไปนานแล้ว เพราะมันกลัวเสียงเฮลิคอปเตอร์
"ไม่ต้องห่วง ผมยอมรับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้เป็นของมัดจำได้" รอยยิ้มโง่ ๆ ปรากฏบนมุมปากของเป่ยเฟิง
"โฮะ โฮะ ไม่มีปัญหา ถ้านายชอบมัน" หวังเจียนตอบกลับอย่างไม่สนใจ
เป่ยเฟิงคิดถึงข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง ในช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็ส่ายหัว
"อา ลืมมันไปซะ ผมไม่สามารถจ่ายค่าบำรุงรักษามันไหวหรอก ..."
"แค่ก แค่ก .. ก็ดี เอาละ แล้วเราจะเริ่มมื้อกลางวันเมื่อไหร่ ? วันนี้ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ! ฮ่าฮ่า ฮ่า งานมันเยอะจริง ๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้มันทำให้ฉันไม่มีเวลาที่จะกินอะไรเลย !"
หวังเจียนรีบเปลี่ยนหัวข้อ เขารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก เป็นไปได้ไหมว่าไอ้เด็กนี้มันจริงจังเรื่องเฮลิคอปเตอร์
หวังจุนผู้ยืนเคียงข้างก็ตกใจเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับพ่อผู้เคร่งขรึมของเขา ? ทำไมเขา คงไม่ใช่ว่าเขาโกรธจนสูญเสียความคิดไปแล้วใช่ไหม ?