บทที่ 36 กุ้งอมตะ
บทที่ 36 กุ้งอมตะ
เป่ยเฟิงรีบจัดท่าทางของเขา เพราะเขามาถึงช้าเขาจึงไม่มีเวลาเตรียมตัวก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น
การเคลื่อนไหวของเขาตอนนี้ มันดูเหมือนหนักมาก มันเหมือนกับว่ามีน้ำหนักพันจินอยู่ข้างหลังของเขา !
เป่ยเฟิงอ้าแขนทั้งสองข้างออกไปบนฟ้า ราวกับเขาพยายามจะโอบกอดดวงอาทิตย์
การเคลื่อนไหวทุกครั้งมันจะมีความลึกซึ้งอยู่ แม้จะดูแปลกประหลาดในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์จะตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเป่ยเฟิง ในขณะที่เขากำลังฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสง ความเร็วในเลือดและพลังภายในของเขาก็หมุนเวียนเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนทะลุเกินขีดจำกัดของมนุษย์ !
เลือดของเป่ยเฟิงไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาด้วยความเร็วที่ทำให้เกิดไอร้อนพุ่งออกมาจากจมูกของอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเมื่อเสร็จสิ้นการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย ดวงอาทิตย์ก็โผล่พ้นก้อนเมฆ และปล่อยลำแสงอาบโลกออกมา !
บางทีอาจเป็นเพราะเป่ยเฟิงเพิ่งฟื้นคืนจากการตกอยู่ในอำนาจปีศาจ ทำให้ความคืบหน้าในการฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสงของเขาก้าวกระโดดทันที แสงสีทองที่มีจุดม่วง ๆ บินตรงเข้ามาที่เป่ยเฟิง
"ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง"
เสียงเหมือนอะไรแตกดังออกมาจากร่างของเป่ยเฟิง มันเหมือนเสียงของประทัดดังอยู่ภายใน !
ลำแสงยิงเข้ามาในร่างของเป่ยเฟิง ทำให้เป่ยเฟิงสูดเอาลมหายใจจากภายในออกมาภายนอก ไอสีขาวเหมือนควันถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องจากร่างของเป่ยเฟิง ทำให้ตอนนี้เขาเหมือนชิ้นหยกสีขาวอย่างมาก !
ในตอนนั่นเองเย็นสุดขั้วก็ได้แผ่พลังภายในธาตุน้ำแข็งจำนวนหาศาลไปทั่วร่างของเป่ยเฟิง นอกจากนี้ ผลของผลเลือดต้นกำหนดที่ยังอยู่ในร่างของเขาก็ช่วยทำให้กล้ามเนื้อของเขาคลายตัวลงด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ทั้งสามกำลังปะทะกันในร่างของเป่ยเฟิง พวกมันทำลาย และฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไปพลังทั้งสามก็ค่อย ๆ หลอมรวมในร่างของเป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงกำลังจินตนาการถึงชิ้นส่วนโลหะที่ถูกพลังงานไม่ซ้ำกันผสมกันมั่วไปหมด จนสุดท้ายมันก็ได้ระเบิดออก มันดูเหมือนเป่ยเฟิงมากในตอนนี้ !
หลังจากที่ของเหลวสกปรกจำนวนมากถูกบังคับให้ออกมาจากร่างกายของเป่ยเฟิง มันได้ทิ้งความกดดันไว้ในร่างของเขา และตอนนี้ร่างกายของเขาก็เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง !
หมอกสีขาวมัว ๆ รอบ ๆ ตัวของเป่ยเฟิง เริ่มแข็งตัวขึ้น ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากความเร็วในเลือดของเป่ยเฟิง มันปล่อยความร้อนที่สูงมากทำให้แผ่ความร้อนมากยิ่งขึ้น !
หลังจากพลังงานทั้งสามได้ผสมเข้ากับเลือดของเป่ยเฟิง ตอนนี้พวกมันได้กระจายไปทั่วร่างกายของเขาแล้ว
พวกมันหมุนเวียนเลือดไปทั่วร่างของเขาถึงหนึ่งร้อยแอดรอบ จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หมุนช้าลง ๆ เหมือนรถที่น้ำมันหมด ในไม่ช้า พวกมันก็ค่อย ๆ หยุดลง แต่เลือดของเขาตอนนี้มีพลังงานภายในมหาศาลอัดแน่นอยู่ !
"ฮู้ว !"
เป่ยเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และคำรามออกมา !
เสียงคำรามดังขึ้นมาในอากาศ มันดูเหมือนมังกรกับเสือที่อยู่บนภูเขา ! ฝูงนกกระจัดกระจายขึ้นฟ้าโดยพร้อมกัน !
"สำเร็จ !"
เป่ยเฟิงร่าเริงทันที เขาเพิ่งสำเร็จขั้นแรกของเคล็ดการหายใจด้วยแสง มันเป็นเวลาที่สั้นมาก มันจึงทำให้เขาประหลาดใจ !
เขารีบเรียกหน้าจอระบบ ในใจของเป่ยเฟิง เพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง !
เผ่ามนุษย์ : เป่ยเฟิง (ชาวประมง ระดับ 1)
ความแข็งแกร่ง : 28
ความเร็ว : 26
พลังจิต : 34
เคล็ดการหายใจด้วยแสง : สำเร็จขั้นแรก !
อาวุธ :เย็นสุดขั้ว(ระดับ 2)
ขาดประสบการณ์เพื่อเข้าถึงชาวประมง ระดับ 2 : 6,900 !
"มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ! ตอนนี้ร่างกายของฉันมันมากกว่าผู้ชายปกติถึงสองเท่า ! นอกจากนี้พลังจิตของฉันก็เพิ่มมากกว่าเดิมถึงสองเท่าด้วยเช่นกัน !"
เป่ยเฟิงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง ! ตอนนี้เขาสามารถฆ่าวัวได้ด้วยเพียงก่อนต่อยครั้งเดียว !
"28 จุดสำหรับพละกำลัง ตอนนี้น้ำหนักของหมัดฉันน่าจะเป็น 250-300 kgF .. หื้ม ความเร็วของฉันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็น่าจะไม่มีปัญหาถ้าจะวิ่ง 100 เมตรภายใน 10 วินาที !"
เป่ยเฟิงประมาณคร่าว ๆ ในใจ เนื่องจากเขาไม่เคยทดสอบความสามารถทางร่างกายของเขาเลย
มันเหมือนกับว่าเขากำลังบินอยู่ เมื่อวิ่งผ่านป่า เขาว่องไวดั่งลิง ต้นไม้และหินเป็นอุปสวรรคเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถก้าวผ่านพวกมันไปได้สบาย
****
"ไอ้ไร้ประโยชน์ ! ทำไมฉันต้องยกโทษให้พวกแก ? แม้แต่งานง่าย ๆ พวกแกก็ทำไม่ได้ แกต้องให้ฉันอดทนกับความโง่ ๆ ของพวกแกอีกนานแค่ไหน !"
เหว่ยฮุ้ยกระแทกโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ทั้งสำนักงานเต็มไปด้วยความเงียบ ทุกคนหวาดกลัวเข้าไปในจิตใจ ขณะเดียวกันพวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก เมื่อต้องยืนอยู่เบื้องหน้าของสัตว์ร้ายที่ดูเหมือนสัตว์ตรงหน้าแบบนี้ ความเย่อยิ่งของพวกเขาหายไป เหลือแต่ความสิ้นหวังที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของเหว่ยฮุ้ย
ยิ่งเหว่ยฮุ้ยคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธ ! เมื่อสักครู่เขาได้รับแจ้งว่า Ol 'Black หายตัวไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย !
"มารดามันเถอะ ! ไอ้บัดซบทำไมแกไม่ตาย ๆ ไปซะ ?! อย่าให้ฉันจับแกได้ละกัน ไอ้เลวเอ้ย !"
เหว่ยฮุ้ยเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาแทบจะกัดฟันบดมันให้เป็นผงละเอียด พวกอันธพาลในตอนแรกที่เขาส่งไป มันก็กลับมาพร้อมกับกลิ่นปัสสาวะในรองเท้าพวกมัน ทุกคนดูกลัวอย่างมาก มันปฏิเสธที่จะเข้าใกล้บ้านหลังนั้น ในเมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงส่งอันธพาลไปอีกกลุ่ม แต่พวกมันก็กลับมาไม่นานโดยมีสภาพแขนขาหัก ในที่สุดแม้แต่มือสังหารที่เขาส่งไป มันก็ยังไม่พอ เขาล้มเหลวที่จะฆ่าเป่ยเฟิง นอกจากนี้เขายังหายตัวไปและไม่มีแม้แต่ว่าเขาหายไปไหน ตั้งแต่นั้นมา !
เหว่ยฮุ้ยไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาให้ลูกน้องจัดการก็เหมือนกับนำความฝันของเขาทิ้งลงท่อไป หลังจากเดินไปเดินมาในสำนักงานสักพัก เหว่ยฮุ้ยก็ตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่สุดคือไปหาเป่ยเฟิงด้วยตัวเอง !
"ยกเลิกการนัดหมายในช่วงบ่าย และเตรียมรถให้ฉันทันที !"
เหว่ยฮุ้ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพูดอย่างรวดเร็ว
"ฉันอยากจะเห็นว่าไอ้เด็กที่กินใจหมีมันจะมีความกล้าที่จะเจอเสือดาวไหม"
เพื่อที่จะให้ธุรกิจของเขารุ่งเรื่องขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เหว่ยฮุ้ยส่วนใหญ่ได้กำไรมาจากการทุบทำลายพวกตึกหรือบ้านแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่เต็มใจที่จะเห็นสิ่งที่พวกเขาสร้างมาพังยับเยิน แต่เพราะเหว่ยฮุ้ยนั่นไร้ยางอายมานานแล้ว เขาจึงมักบังคับให้พวกนั่นยอมขายที่ดินให้เขา แต่เจ้าเด็กเลวนี้ยังคงไม่รู้ตัวและปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะตัดจัดการอุปสรรคนี้ด้วยตัวเอง !
****
ย้อนกลับมาที่บ้านหลังเก่า ๆ เป่ยเฟิงกำลังถูตัวเองเหมือนคนบ้า เขาจะไม่ทำแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งสกปรกที่ออกมามันมากเกินไป ไม่ว่าจะถูไปแค่ไหนมันก็ยังคงหลงเหลือไว้กับผิวหนังของเขา
ในช่วงแรก มีเพียงแค่เสี้ยวสีเทาบาง ๆ ที่ปรากฏออกมาทุกครั้งหลังจากฝึกฝนเสร็จ จากนั้นเมื่อเขาเริ่มฝึกไปเรื่อย ๆ เหงื่อสีเทานี้ก็เริ่มเข้มขึ้น เข้มขึ้น ถ้าจะพูดให้ถูกคือ มันคือของเหลวสกปรกที่ถูกขับจากเลือดของเขาให้ออกมาทางผิวหนัง !
ด้านข้าง ไป่เซียงกำลังมองเป่ยเฟิงด้วยความตกใจ นอกเหนือจากความสกปรกแปลก ๆ บนร่างของเป่ยเฟิง เขาก็ได้แต่ถามว่ากุ้งตัวใหญ่ที่หน้าบ้านมาได้ยังไง !
ถึงเขาจะไม่ใช่คนฉลาด แต่เป่ยเซียงไม่ใช่คนโง่ ! เขารู้ว่ากุ้งที่ยาว 3 เมตรไม่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีกุ้งที่ตัวโตขนาดนี้ในโลก !
ในท้ายที่สุดไป่เซียงก็ไม่ถามเรื่องนี้ เช่นเดียวกับเป่ยเฟิงที่ไม่ได้ถามเรื่องความแข็งแกร่งที่เป็นความลับของเขา เขาก็จะไม่สนใจความลับของเป่ยเฟิงเช่นกัน
"มา ไป่เซียง มาช่วยฉันจัดการกับกุ้งตัวนี้"
เป่ยเฟิงรู้สึกปวดหัวอย่างมาก เมื่อมองไปที่กุ้งยักษ์ตรงหน้าเขา เขาโดยไม่คำนึงถึงขนาดตัว แต่เปลือกของมันโคตรแข็ง ! หลังจากที่จัดการเปลือกของมันได้แล้ว เขาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นกับมันยังไงดีกับกุ้งตัวนี้ !
"ได้ครับ ผมจะทำอะไรก่อน" ไป่เซียงช่วยเป่ยเฟิงทำความสะอาดกุ้งเสร็จ และถาม
"ง่าย ๆ เราไม่ต้องการหัวกับตัว เราเพียงแค่ตัดหลังของมันเป็นชิ้นใหญ่ ๆ แล้วพวกก้ามกับขาของมันเอาไว้กินทีหลังได้" เป่ยเฟิงมองไปที่กุ้งอมตะและกล่าว
ไป่เซียงพยักหน้าและเหวี่ยงแขนขนาดใหญ่ของเขาเพื่อเริ่มตัดตรงจุดที่กันระหว่างคอกับหลัง ด้วยแรงทั้งหมดของเขา
"แก๊ง !"
"ดิ๊ง ดิ๊ง !"
อย่างไรก็ตาม เสียงที่ได้ยินเหมือนโลหะปะทะกับก้อนเนื้อดังออกมาจากทั้งคู่ก้องไปทั่วลานกว้าง เสียงที่ได้ยินคือนั่นเสียงทะลุของเปลือกกุ้งและมันยังบดรวมกับส่วนอื่น ๆ อีก ทำให้เป่ยเฟิงแทบจะล้มหงายไปบนดิน !
"อ้าา ! เจ้านาย คุณไม่สามารถโทษผมได้ เปลือกนี้มันนิ่มเกินไป" ไป่เซียงกล่าวด้วยความใสซื่อบนใบหน้าของเขา
"ฉันยังไม่ได้โทษนายเลย ..."
เป่ยเฟิงมองไปที่กุ้งอมตะ ก่อนหน้านี้เขายังไม่สามารถทำอะไรมันเลยได้ด้วยซ้ำ
"อ๊ากกก ! ฉันไม่เชื่อว่าจะทำอะไรแกไม่ได้ ไป่เซียง ไปที่ร้านขายเครื่องมือในหมู่บ้านละซื้อเลื่อยไฟฟ้ามา !"
เป่ยเฟิงถูกราวกับครอบงำโดยปีศาจ คืนนี้บิดาจะจับแกทำเป็นมือค่ำซะ !
บางทีอาจเป็นเพราะความตกตะลึงของไป่เซียง ทำให้เขารีบกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเลื่อยไฟฟ้าอันเล็กในมือของเขา เป่ยเฟิงมองไปที่กุ้งอมตะ แล้วเขารีบเปิดใช้งานเครื่องทันที
"ชิ๊ !"
เสียงดังไปทั่วบ้าน มันดังไปไกลถึงหมู่บ้าน
ประกายไฟออกมาจำนวนมาก ในขณะที่เป่ยเฟิงเริ่มเลื่อยไปที่เปลือกหนา ๆ ทันที โดยจะเห็นประกายความหวังได้จากในตาของเป่ยเฟิง
หลังจากที่เขาพอใจแล้ว หลังจากสั่งบางอย่างกับไป่เซียงเสร็จแล้ว เขาก็กลับห้องแล้วเปิดทีวีนอนดูมันอย่างสบายใจ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ไป่เซียงก็วิ่งอย่างตื่นเต้นมาที่ห้องของเป่ยเฟิง เขาได้กอดก้ามปูขนาดใหญ่ไว้ที่อกของเขา
หลังจากพูดไม่กี่คำกับไป่เซียง เป่ยเฟิงก็นำก้ามปูขนาดใหญ่ไปที่ห้องครัว เขาอยากรู้เกี่ยวกับรสชาติของกุ้งอมตะตัวนี้อย่างมาก !
เตาแบบตั้งเดิมมันต้องเตรียมการเล็กน้อย แต่สำหรับอาหารชั้นยอดนี้แน่นอนว่าเขายอมเสียเวลา ! เป่ยเฟิงใส่หญ้าแห้งแล้วโยนพวกมันลงไปเผาใต้กะทะอย่างสม่ำเสมอ ในไม่ช้าก็มีไฟมากมายปรากฏอยู่ใต้กระทะ
เขาเทน้ำลงไปในกระทะ จากนั้นก็นำใบไผ่บางส่วนใส่ลงไป แล้วตามด้วยใส่กุ้งอมตะแล้วเปิดไฟให้สุดและปิดฝา
ซอสและเครื่องปรุงรสเตรียมได้ง่ายที่สุด ซอสมีส่วนผสมของถั่วเหลือง พริกขึ้หนู และเครื่องเทศอื่น ๆ เช่นใบผักชี แน่นอนว่าต้องใช้ในปริมาณพอเหมาะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับอาหารทะเลคือความสดของมัน ซอสและเครื่องปรุงรสต้องไม่มากเกินไป หรือไม่ก็ต้องทำให้ความสดกับความหวานของซอสเข้ากันได้ในอาหารทะเลจานนี้ !