บทที่ 32 ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำปั้น !
บทที่ 32 ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำปั้น !
"คุณอยู่ไหน ?" โจวเซียหวาน ถาม
"แถว ๆ โรงหนัง" เป่ยเฟิงตอบเบาๆในโทรศัพท์
"เอาล่ะ รออยู่ที่นั้น ฉันกำลังจะไปเอาบัตรเชิญให้คุณ" โจวเซียหวานกล่าว หลังจากหยุดคิดชั่วครู่
"อืม"
เป่ยเฟิงวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟใกล้ ๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวอายุประมาณ 23 ถึง 24 ปรากฏตัว เธอมอบไปรอบ ๆ หลังจากที่เห็นเป่ยเฟิงผ่านหน้าต่างร้านกาแฟ เธอก็ยิ้มเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปหาเขา
"รอนานไหม ?" โจวเซียหวานถามด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เท่าไหร่" ในขณะนั้น เป่ยเฟิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี
"คุณ ... คุณสบายดีไหม ?" โจวเซียวหวานถาม หลังจากเงียบไปสักครู่
"ก็ดี .. อยู่คนเดียวมันเป็นอะไรที่แปลก ๆ แต่มันก็สบายดี" เป่ยเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
"นี้เป็นบัตรเชิญงานแต่งงาน ฉันหวังว่าคุณจะมาในวันพรุ่งนี้เพื่ออวยพรให้กับพวกเรา ..." ในที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้าเป่ยเฟิง โจวเซียหวาน ไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบการ์ดเชิญสีแดงวางไว้บนโต๊ะ
"อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนนะ เก็บตังด้วย !" เป่ยเฟิงจากไปโดยทิ้งเงินไว้
***
วันรุ่งขึ้นหลังจากฝึกฝนตอนเช้าเสร็จแล้ว เป่ยเฟิงกำลังเดินทางไปที่โรงแรมราชวงศ์แห่งอาทิตย์ด้วยตัวเขาเอง
ที่ห้องจัดงานแต่งงาน โจวเซียหวาน ยืนต้อนรับแขกอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มสูงหล่อ ใบหน้าของพวกเขาถูกมัดด้วยรอยยิ้ม และดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักกันมาก
เป่ยเฟิงมองไปที่พวกเขาสักครู่ เมื่อเขาเห็นว่าพวกนั้นมีความสุข เขาก็รู้สึกโล่งอกที่เห็นว่าเธอมีความสุขดี หลังจากเขานำกล่องสีแดงวางไว้ที่แผนกต้อนรับด้านหน้า เขาก็เดินออกไปก่อนที่พิธีกรจะเริ่มงาน
"ฉันคิดว่าฉันลืมมันไปแล้วจริง ๆ ซะอีก เฮ้อ..."
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเป่ยเฟิงเดินออกมาจากโรงแรม เขารู้สึกมีน้ำไหลออกมาจากตาของเขา หลังจากที่เขาปล่อยให้มันไหลออกมาจนหมด เขาก็ตั้งสติและโคจรพลังภายในร่างของเขา แล้วเดินจากไป
การเดินทางไปเมืองเฉิงตูจากเมืองชิงเฉิงนั้นใช้เวลานานและยากลำบาก แต่การเดินทางกลับนั้นใช่รถไฟเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง คราวนี้ไม่มีโจรมาดักปล้นเขาซักคน
หลังจากนั้นเขาก็นั่งรถกลับไปที่หมู่บ้านชิงหลิง
"เฮ้ ไอ้โง่ แกตัวใหญ่ซะเปล่า ทำไมแกถึงไม่สู้ละ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !"
เมื่อเขามาถึงหน้าประตูทางเข้าบ้านเขา เป่ยเฟิงได้ยินเสียงต้อนรับเป็นเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างดัง
"ฮื้ม"
ใบหน้าของเป่ยเฟิงน่ากลัวทันที มีคนมาหาเรื่องเขาใช่หรือไม่ ?
"แกเป็นใคร มาทำอะไรที่นี้ ?"
ชายที่มีผมสีบลอนด์พึมพำอยู่ใกล้ประตู เมื่อเขาเห็นคนแปลกหน้าเขามาเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนถามเป่ยเฟิง
"แกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันต่างหากที่อยากรู้แกเป็นใคร !"
เป่ยเฟิงชี้ไปที่ไป่เซียงที่กำลังหมอบอยู่กับพื้น เขาโกรธอย่างมาก ไม่มีคำอื่นใด เป่ยเฟิงกำหมัดแล้วต่อยไปที่ชายผมบลอนด์ทันที
"ปัง!"
ชายผมบลอนด์ขดตัวลงกับพื้น เขางอตัวเหมือนกุ้งที่โดนต้ม เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
"ไอ้เลวว แกกล้าทำร้ายลูกพี่ยังงั้นรึ ? พี่น้อง ฆ่ามัน !"
กลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ ไป่เซียงมองเห็นชายผิวขาวนอนกับพื้น พวกเขารีบตะโกนด้วยความโกรธทันที
อะไรคือสิ่งสำคัญในเรื่องนี้ ? มันคือความภักดีและการเอาหน้า !
เมื่อเห็นลูกพี่ตัวเองโดนทำร้าย คนรอบ ๆ ก็หยิบไม้เบสบอลและมีดแตงโมที่วางไว้ข้าง ๆ วิ่งเข้าไปหาเป่ยเฟิง
เกี่ยวกับการต่อสู้ เป่ยเฟิงไม่ได้กลัวเลย เขาเคยทะเลาะกับคนอื่นตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเขาต่อต่อสู้เขาจะไม่กระพริบตาเด็ดขาด เขาจะยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญและไม่กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงฉากนองเลือดเมื่อสองวันก่อน มันทำให้กลิ่นอายของเป่ยเฟิงรุนแรงขึ้นมาก
เป่ยเฟิงมองไปที่มีดแตงโมที่ฟันเข้ามาอย่างใจเย็น เขาหลบไปด้านข้างจากนั้นก็ชกไปที่ชายที่ถือมีด เวลาเดียวกันไม้เบสบอลก็กระแทกที่ไหล่ของเขา แต่เป่ยฟังก็หันมาส่วนด้วยหมัดพุ่งตรงหน้าอกด้วยเสียงดัง ปัง !
ถึงแม้พละกำลังของเป่ยเฟิงจะมากกว่าคนทั่วไป แต่เมื่อเขาถูกตีด้วยไม้เบสบอล มันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ! อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามยังมีอีกสี่คนที่เหลืออยู่ และเขาก็ไม่สามารถปล่อยพวกมันไปได้
ไม้เบสบอลอีกอันกระแทกมาที่ต้นขาของเป่ยเฟิง เขาเดินไปหยุดข้างหน้าและยึดเท้าของเขาเพื่อหยุดไม้เบสบอล จากนั้นเขาก็เตะไปที่หัวเข่าฝั่งตรงข้าม
ไม่กี่วินาทีต่อมาเหลืออันธพาลเพียงคนเดียวต่อหน้าเป่ยเฟิง
"นี้มันคนเหล็กหรือยังไงกัน ? ทำไมมันไม่ล้มลงไปขนาดโดนไปขนาดนั้นแล้ว?"
เกาไค มองไปที่ตัวประหลาดตรงหน้าเขา มีคลื่นความกลัวผ่านเข้ามาในใจของเขา
ทั้งหกคนตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของคนประหลาดที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ! นอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าจะใช้มีดหรือไม้เบสบอล เป่ยเฟิงก็แค่เอารองเท้ารองรับก่อนที่จะสวนกลับมา !
"ฮ๊า อ๊า บอกฉันมาสิ ใครแกส่งมา ?"
ร่างกายของเป่ยเฟิงเจ็บปวดอย่างมาก ไม่มีใครรู้เลยว่าภายใต้เสื้อผ้าของเขานั้นมีรอยสีม่วงและเขียวเต็มไปหมด ถึงเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะล้มได้
"พี่ใหญ่ พวกเราไม่เกี่ยว ! มีคนจ้างเรามา !"
เกาไครู้สึกเข่าของเขาอ่อนแรงอย่างมาก เมื่อได้ยินคำขู่จากเสียงของเป่ยเฟิง เขาเกือบจะคุกเข่าลงไปแล้ว
"ฉันถามว่าใครส่งแกมา !" ความอดทนของเป่ยเฟิงค่อย ๆ ลดลง
"ฉันไม่รู้ ! มีคนมาหาเรา มันบอกว่าถ้าทำให้เจ้าของบ้านหลังนี้ขายบ้านให้เราได้ มันจะให้ส่วนแบ่ง 20% ! เราไม่รู้อะไรจริง ๆ !"
เกาไครู้สึกมีน้ำตาไหลออกมาจากตาตลอดเวลา
"แกจะทำมันด้วยตัวเองหรืออยากให้ฉันจัดการแกเอง ?"
เสียงของเป่ยเฟิงเย็นชา เขาตัดสินใจแล้วว่าพวกอันธพาลที่น่าสงสารนี้ไม่รู้เรื่องจริง ๆ
"ฉัน ฉันจะทำมันเอง !"
เกาไคมองไปที่เป่ยเฟิง เขารู้ความหมายของคำพูดเป่ยเฟิงดี ภายใต้แสงสะท้อนที่ไม่เป็นมิตรของเป่ยเฟิง เกาไคยกไม้เบสบอลขึ้นสูงก่อนที่จะหวดไปที่ขาของตัวเอง !
"ปังง !"
เสียงกระดูกหักที่ได้ยินชัดเจน ดังไปพร้อมเสียงร้องไห้ทั่วบ้าน
'โอ้พระเจ้า ! มันจะหวดแรงไปไหม ?'
แม้แต่เป่ยเฟิงก็ตกใจ เขาคิดว่าความแรงนี้มันไม่ได้มากกว่าเขาทำมันเองงั้นหรอ ?
"มารดามันเถอะ ! ทำไมมันหักง่ายขนาดนี้กัน ?"
เกาไคกอดขาในขณะที่ร้องไห้อย่างบ้าคลั่งบนพื้น เขาร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ถ้าเขารู้ว่าเขาทำมันเองแล้วจะเป็นแบบนี้ เขายอมให้ปีศาจนี้มาทำเขาดีกว่า
"ไปซะ !" เป่ยเฟิงไล่
กลุ่มอันธพาลกลัวอย่างมาก พวกเขารีบคลานออกจากบ้านเก่าๆทันที
'บัดซบ ฉันจะไม่มีที่นี่อีกแล้ว ! ถ้าใครอยากจะมาก็ให้มันมาด้วยตัวเอง !'
คนผมสีบลอนด์เป็นคนที่บาดเจ็บน้อยที่สุด ในขณะที่เขามองฉากอันน่าสยดสยองของคนอื่น ๆ เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หากพวกเขารู้ว่าต้องเสี่ยงชีวิตมารุกรานคนบ้าอย่างเป่ยเฟิง พวกเขาคงจะไม่มีทางรับข้อเสนอนี้แน่นอน !
"ไป่เซียง ! เป็นอย่างไงบ้าง ?"
เป่ยเฟิงทนกับความเจ็บปวดแล้วรีบเข้าไปพยุงไป่เซียงขึ้น
"ผมสบายดี .. หนังของผมมันหนามาก" ไป่เซียงตอบด้วยรอมยิ้มที่ดูใสซื่อ เขาไม่ได้โกรธเลย
"ทำไมนายไม่สู้พวกมัน ?" เป่ยเฟิงมองไปที่ไป่เซียง เขามีร่างกายที่ใหญ่และพละกำลังขนาดนี้ ทำไมเขาไม่ใช้มัน ?
"ผมทำไม่ได้ ! พ่อเคยบอกไว้ว่าห้ามทำร้ายคนอื่น" ไป่เซียงเกาหัวของเขา ส่ายหน้าอย่างแรง
"ในเมื่อนายโดนทำร้ายขนาดนี้ ทำไมนายถึงไม่ตอบโต้ ?"
เป่ยเฟิงตะลึง พ่อแบบไหนกันที่สอนลูกชายที่ห้ามต่อสู้แม้ว่าเขาจะโดนทำร้ายขนาดนี้ ?
"เขาจะตายได้ ถ้าผมสวนกลับไป ..." ร่องรอยความกลัวปรากฏบนหน้าของไป่เซียง
"ไร้สาระ ! ถึงนายจะมีมือที่ใหญ่แค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางที่มันจะตายด้วยแรงนายหรอก !"
เป่ยเฟิงตระหนักได้ว่าเขากำลังจะเป็นคนชั่วร้ายมากขึ้น และตอนนี้เขากำลังสอนไป่เซียงว่าจะสู้คนได้ยังไง
ในขณะที่เป่ยเฟียงกำลังพูด ไป่เซียงก็ลุกออกมาแล้วชกไปที่เครื่องโม่หิน
"ปังง !"
แสงสีทองปรากฏเหมือนกำแพงที่หมัดของไป่เซียง ก่อนที่เครื่องโม่หินจะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และกระจายไปทุกทิศทาง !
"ดูสิ" ไป่เซียงมองอย่างจริงจังไปที่เป่ยเฟิง
"********" เป่ยเฟิงก้าวถอยหลังอย่างกระทันหัน นี้ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ?
เขามองไปที่ไป่เซียงราวกับมองสัตว์ประหลาด แม้กระทั่งวัวก็ไม่สามารถทนต่อหมัดแบบนี้ได้ !
"เอ่อ พูดนายพูดถูก การแก้ปัญหาด้วยปาก มันจะดีกว่าการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ..."
เป่ยเฟิงรีบพูดทันที ที่เขาเห็นพลังหมัดของไป่เซียง มันจะเป็นยังไงถ้าหมัดนี้ทุบหัวคน ?
เป่ยเฟิงมีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อมองไปที่ไป่เซียง ความแข็งแกร่งของเพื่อนคนนี้น่าจะได้รับการยอมรับว่าเหนือมนุษย์ไปแล้ว เขาอาจจะมีอนาคตสดใสมากถ้าหากเขาเข้าหน่วยทหาร แต่เขามาจบลงด้วยสภาพแบบนี้ได้ยังไง ?
ถึงแม้เขาจะอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหน แต่เป่ยเฟิงก็ไม่ถาม ทุกคนมีความลับของตัวเองเสมอ