บทที่ 28 หลี่ซานผู้น่าสงสาร
บทที่ 28 หลี่ซานผู้น่าสงสาร
'บัดซบ ไอ้ระบบหลอกลวง ! ทำไมแกถึงไม่เตือนฉันก่อน !'
เป่ยเฟิงรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา สถานการณ์ปัจจุบันของเขาเป็นอันตรายอย่างมาก และตอนนี้พลังภายในธาตุน้ำแข็งก็เป็นเหมือนดาบที่พร้อมจะตัดหัวของเขาทุกเมื่อ !
ปัญหาหลักนั้นคือร่างกายของเป่ยเฟิงนั้นอ่อนแอเกินไป สิ่งเดียวที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้นั่นคือผลของผลเลือดต้นกำเนิดที่คอยไหลเวียนเลือดภายในร่างของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะผลของมัน เขาคงจะกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งทันทีที่เย็นสุดขั้วเข้าสู่ร่างกายของเขา
ถึงแม้ว่าจะได้ความช่วยเหลือจากผลเลือดต้นกำเนิด แต่อุณหภูมิร่างกายของเป่ยเฟิงก็ยังคงลดลงอย่างมาก มันเหมือนกับว่าเขาได้กลายเป็นสัตว์เลือดเย็นไปแล้ว
นอกจากนี้เขารู้สึกเหมือนว่าร่างกายของเขาหนักขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะเคลื่อนที่ให้น้อยที่สุด มันยังต้องใช้ความพยายามและพลังงานมากกว่าปกติ
หลังจากใช้กำลังอย่างหนัก เป่ยเฟิงรีบกลับไปที่ห้องของเขา คลานเข้าไปในเตียงแล้วดึงผ้าห่มไปคลุมหัวแล้วนอนลงไป
****
เที่ยงคืน 1:00 น. ไม่มีเมฆเลยในท้องฟ้า แสงจันทร์สีขาวส่องปกคลุมไปทั่วภูเขา สิ่งมีชีวิตที่ออกหากินเวลากลางคืนก็ออกมาหากินปกติ
เงาห้าร่าง ใส่ชุดคลุมสีดำ เดินย่องอย่างเงียบ ๆ ไปที่หน้าลานกว้างหน้าบ้านของเป่ยเฟิง เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่ซานและลูกน้องของเขาเมื่อตอนบ่าย
"อ่า เหลียง ไปเปิดประตู" หลี่ซานพูดด้วยเสียงเบา ๆ
"อ่า เชื่อมือผมได้เลย !" เซียงเหลียง พยักหน้าเดินไปที่ประตูหน้าขนาดใหญ่ มีมีดผ่าแตงโมอยู่ในมือของเขา
เขาสอดใบมีดเข้าไปในช่องว่างระหว่างประตูและผลักเบา ๆ สำหรับเสาไม้แบบดั้งเดิมมันจะเป็นแนวนอนที่ติดอยู่กับด้านข้าง มันวางเอาไว้เพราะมันเป็นการล็อคประตูแบบสมัยก่อน
'เราไม่ได้เตรียมพร้อมเมื่อตอนกลางวัน ทำให้เราต้องกลับไปมือเปล่า แต่ตอนนี้เรานำอาวุธมาด้วย ฉันกล้าบอกได้เลยว่าไอ้ยักษ์นั่นต้องไม่กล้าสู้กับอาวุธเราแน่นอน' หลี่ซานคิด
"ปัง !"
"พี่ใหญ่ ประตูเปิดได้แล้ว !" เสียงเบา ๆ ดังขึ้นในคืนเงียบสงบ เซียงเหลียงหันหน้าไปด้วยใบหน้าร่าเริงและพูดเบา ๆ
"ดี เข้าไปข้างใน จำไว้ เป้าหมายของเราคือไอ้เด็กเมื่อตอนบ่าย ถ้าเป็นไปได้อย่าไปทำให้ไอ้ยักษ์ใหญ่นั้นตื่น ปล่อยให้มันอยู่ตัวคนเดียวไป เราค่อยมาจัดการมันทีหลังหลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จในตอนเช้า ฉันอยากเห็นหน้าไอ้ยักษ์นั้นที่ร้องไห้อ้อนวอนฉัน !" หลี่ซานนึกถึงนักเลงตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังของเป่ยเฟิงและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
"เราแยกกันมองหามันกันก่อน เราจะเจอกันอีกครั้งใต้ต้นไทรนี้เมื่อเราหาไอ้เด็กเวรนั้นเจอแล้ว"
กลุ่มชายทั้งหลายเดินไปที่ลานกว้างและคุยกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันตามหาห้องของเป่ยเฟิง
เซียงเหลียงเป็นคนที่ขึ้เกียจมาก เขามองเข้าไปในห้องพักไม่กี่ห้องแล้วรีบกลับมาที่ใต้ต้นไทรทันที
'ไอ๊ เมื่อไหร่วันนี้จะจบ ? ถึงแม้ว่างานนี้จะดูง่าย ๆ แต่มันดันไม่มีค่าจ้างให้เลยนี้สิ ...' เซียงเหลียงบ่นพึมพำด้วยความโกรธ
"ซู๊ว ซู๊ว !"
รากของต้นผีดูดเลือดซึ้งอยู่ไม่ไกลจากเซียงเหลียง ส่ายไปตามสายลมยามค่ำคืน
หลังจากที่รับรู้ถึงสิ่งมีชีวิต รากหลายสิบรากมันก็พุ่งออกมาจากพื้นดินไปที่เก้าอี้หินที่เซียงเหลียงนั่งอยู่
"เป็นยังไง ? พวกแกเจอมันไหม ?"
หลี่ซานถามทั้งกลุ่มทันทีที่เขากลับมาใต้ต้นไทร
"ผมเจอเขา เขาอยู่ห้องสุดท้ายนั่น เขานอนหลับเหมือนท่อนไม้อยู่" หนึ่งในกลุ่มชี้ไปในทิศทางนั่นและพูดออกมา
"ดี ! เราจะต้องทำให้แน่ใจว่าไอ้เด็กนั่นได้บทเรียนในคืนนี้ !" แววตาที่ไร้ปราณีแวบผ่านสายตาของหลี่ซาน ในขณะที่เขาลูบมือด้วยความยินดี
"หืมม ? ชิ หยุดเล่นได้แล้ว !"
หลี่ซานบัดมือไปด้านหลัง
รากของต้นผีดูดเลือดหดกลับเมื่อมันถูกสัมผัส แต่หลังจากนั่น ช่วงเวลาสั้น ๆ มันก็เริ่มฟื้นตัวเลื้อยมาข้างหลังของหลี่ซาน
"แก ... อ๊ากกกกกกกกกก !"
หลี่ซานรู้สึกแปลก ๆ และเมื่อเขาหันกลับไปมอง บางสิ่งบางอย่างดูเหมือนรากกลวง ๆ โผล่ขึ้นมากลางอากาศบนหน้ามันเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมา ในขณะนั่นเขาก็ไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองให้ร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจได้
ต้นผีดูดเลือดก็ตะลึงกับเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองเช่นกัน มันหดตัวเล็กน้อยด้วยความลังเลใจ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้ามันก็เริ่มทำตัวน่ากลัวอีกครั้ง มันพุ่งไปที่หลี่ซาน
"ช่วยด้วย ! ผีหลอกกก !"
อีกสี่คนกำลังกลัวเมื่อพวกเขามองไปดูที่รากนับไม่ถ้วนที่แทงลงบนร่างของหลี่ซาน
"อ๊าาาา ! ฉันจะตัดแกให้ตายย !"
เซียงเหลียงเป็นคนโง่ที่ตอนแรก ในที่สุดเขาก็ได้สติ เขาเริ่มกวาดมีดแตงโมในมือของเขาไปในอากาศ และพุ่งเข้าหารากของต้นผีดูดเลือด
"ปู ชู !"
ของเหลวเหมือนเลือดกระเด็นออกมาจากราก ขณะที่มันพลิกตัวไปในอากาศ มันพ่นไปทั่วหน้าของเซียงเหลียง เมื่อเห็นโอกาศ พวกเขาก็รีบเข้าไปช่วยหลี่ซานและหันไปรอบ ๆ เพื่อหนี !
"มันคือตัวอะไร !"
หลังจากที่พวกเขาวิ่งหนีออกมาไกลแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่บนเส้นทางโคลนแห้ง หลังของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ มีกลิ่นฉุนของปัสสาวะลอยฟุ้งในอากาศ
"มะ .. มันคือตัวบัดซบอะไร แต่ก่อนอื่น ! เร็วเข้าอาการหัวหน้าเป็นยังไง !"
ขาของเซียงเหลียงรู้สึกอ่อนล้าอย่างมาก ถ้าไม่ได้อะดรีนาลินเขาคงจะไม่สามารถจัดการกับรากของต้นผีดูดเลือดได้เช่นกัน เขายังคงขอบคุณพระเจ้าและเทพต่าง ๆ ที่ได้เมตตาปกป้องชีวิตเล็ก ๆ ของเขา ก่อนหน้านี้เขาอยู่ใต้ต้นไทรนานที่สุด ! แม้ว่าเขาจะหนีมาได้แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บ
"เขายังไม่ตาย ! เร็ว ๆ ! พาหัวหน้าไปโรงพยาบาล"
กลุ่มแก๊งอันธพาลรีบวิ่งลงเขาตามทางที่เต็มไปด้วยโคลนแห้ง พวกเขามีใบหน้าสีเขียวและรองเท้าที่เต็มไปด้วยปัสสาวะเต็มไปหมด สิ่งเดียวที่พวกเขาสรุปได้นั่นก็คือ ตึกแถวหลังนี้มันไม่ปกติ !
***
"มันไม่ได้ร้ายแรงมาก เขาแค่ทุกข์ทรมานจากการช็อคและโลหิตจางเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป พวกเราให้ถุงเลือดเขาสองถุง จากนั้นเมื่อคุณกลับไปก็กินอาหารบำรุง"
ในโรงพยาบาล อยู่ดี ๆ ก็มีกลุ่มพวกอันธพาลที่ดูน่ากลัวเข้ามาพร้อมกับชายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด พวกเขาพร่ำเพ้อร้องไห้พูดว่า ผี หรือไม่ก็ ปีศาจ ออกมาจากปากตลอดเวลา หลังจากได้รับการวินิจฉัยเป็นเวลานาน แพทย์จึงได้แจ้งเกี่ยวกับผลลัพธ์ให้ฟัง
เซียงเหลียงและคนอื่น ๆ วิตกกังวลอย่างมาก โรคโลหิตจาง ? ทั้งกลุ่มเมื่อคิดไปถึงหลี่ซานที่เคยมีชีวิตชีวาและสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ กับคำว่า 'โรคโลหิตจาง'
"บางที ... หรือมันจะเป็นผีดูดเลือด ?"
คนเหล่านี้รู้สึกกลัวในใจอย่างมาก ช่วงเวลานี้พวกเขาคิดว่าจะไม่มีวันกลับไปเหยียบบ้านตึกแถวเก่า ๆ นั้นอีก ! พวกเขาไม่ต้องการส่งตัวเองไปสู่ความตาย !
****
เป่ยเฟิงไม่ได้รู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ เลย เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกหนาว ๆ ในหัว
"ฉันกลายเป็นมนุษย์ตู้เย็นไปแล้วใช่ไหม ?" เป่ยเฟิงจับไปที่ผ้าห่มที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและคิดอย่างไม่เชื่อ
เขาส่ายหัวแล้วพับผ้าห่มและเริ่มเดินทางขึ้นเขาปกติ
สิ่งที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นก็คือพวกหนู งู และสัตว์ร้ายอื่น ๆ กำลังหลีกเลี่ยงเขาทันทีที่เห็นเขาเดินผ่าน
เมื่อเขามาถึงด้านบนเขาก็เริ่มฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสงตามปกติ แต่คราวนี้เขารู้สึกแปลก ๆ มันไม่เหมือนเดิมในขณะที่เขาทำท่าเคลื่อนไหว
"ดูเหมือนเพราะน้ำหนักของเย็นสุดขั้วมันทำให้การเคลื่อนไหวของฉันลำบาก โชคดีที่มันไม่ใช่น้ำหนักทั้งหมดของมัน ไม่งั้นฉันคงจัดการมันไม่ไหวแน่ ๆ บางทีร่างกายของฉันอาจจะแบนนาบไปกับพื้นก็ได้ถ้าเป็นแบบนั้น ..." เป่ยเฟิงบอกกับตัวเอง
"จงออกมา !"
"ชวิ้ง !"
เขาเดินไปใกล้ป่าและจากนั้นก็เรียกเย็นสุดขั้วออกมาบนพื้นดิน
หลุมขนาดใหญ่ที่รองรับน้ำหนักของเย็นสุดขั้วไม่ไหว หนึ่งจะต้องรู้ว่าน้ำหนักของเย็นสุดขั้วนั่นคือ 3,600 จิน !
หลังจากที่ได้นำเย็นสุดขั้วออกมาจากร่างแล้ว ความรู้สึกเบาสบายก็กระจายไปทั่วร่างของเป่ยเฟิง ราวกับเขาเพิ่งได้รับอิสรภาพจากภาระอันมหาศาล แม้แต่เลือดภายในร่างของเขาก็ไหลเวียนได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
หลังจากกำจัดภาระเสร็จแล้ว เป่ยเฟิงก็หันไปฝึกซ้อมต่อ
หลังจากฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสง มันก็เริ่มยากขึ้น แม้ว่าจะมีประสบการณ์จากผู้ที่เคยฝึกมาก่อน แต่เป่ยเฟิงก็ยังคงต้องตามหาเส้นทางของตัวเองทีละขั้น
หลังจากนั่นไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ ขึ้นหัว แสงความหนาเท่าดินสอพุ่งเข้าไปในรูจมูกของเป่ยเฟิงขณะนั้นกล้ามเนื้อและกระดูกของเป่ยเฟิงก็กระปรี้กระเปร่าอย่างมาก มันเริ่มดูดซึมอย่างบ้าคลั่ง ชั้นเซลล์ที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกต่าง ๆ โผล่ขึ้นมาด้านบนของผิวเป่ยเฟิง
ความรู้สึกในร่างกายราวกับได้พัฒนาขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกของความสุขที่เกิดขึ้นในใจของเป่ยเฟิง มันเป็นเวลาที่มีความสุขอย่างมาก
เมื่อการฝึกฝนประจำวันเสร็จแล้ว เป่ยเฟิงก็นำเย็นสุดขั้วเข้าสู่ร่างเหมือนเดิม
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้หอกยาวได้ในขณะนี้ แต่เขาก็คิดว่าอีกไม่นานที่เขาจะใช้มันได้ ! เพราะนี้เป็นอาวุธระดับหายาก !
เนื่องจากวันนี้ไม่มีการจอง เป่ยเฟิงจึงมีเวลาว่างอย่างมาก เขาเดินลงไปที่ภูเขาก่อนที่จะอาบน้ำผ่อนคลาย และเดินไปช้า ๆ ที่ตลาดหมู่บ้าน
"นี้เป็นเลือดหมูสดที่ฉันเตรียมไว้สำหรับคุณ อย่ากังวลเลย ฉันไม่ได้ใส่น้ำเพิ่มแม้แต่หยดเดียว !"
ทันทีที่เป่ยเฟิงเข้าไปใกล้ร้านพ่อค้าขายเนื้อ เขาก็จำได้ทันที
"อ่า เดียวผมนำอ่างกลับไปก่อนแล้วจะนำมาคืนให้คุณพรุ่งนี้ โอ้ ช่วยเตรียมเลือดหมูให้ผมอีกในวันพรุ่งนี้ด้วย !" เป่ยเฟิงมองเลือดหมูในอ่างและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
"ไม่มีปัญหา ! ในกรณีนี้ ฉันคิดเงินในราคาต่ำสุดที่ 50 หยวนต่ออ่าง !" พ่อค้าหยักหน้าอย่างมีความสุข ธุรกิจนี้ทำกำไรได้มากกว่าที่เขาขายหมูด้วยซ้ำ
"เยี่ยม ! คุณสามารถหักเงินที่ฝากไว้เมื่อวานนี้ได้เลย เมื่อเงินที่ฝากไว้หมดแล้วบอกผมได้เมื่อถึงตอนนั้น" เป่ยเฟิงยกถังเลือดหมูขึ้น แล้วเดินขึ้นไปตามทางขึ้นเขา
อ่างเลือดหมูหากชั่งน้ำหนัก มันต้องหนักอย่างน้อย 40 จิน ! โดยปกติแล้วมันจะเป็นภาระอย่างมหาศาลสำหรับร่างกายของเขา แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขารู้สึกเบาอย่างมากสำหรับสิ่งที่ถืออยู่ ! ตอนนี้เขารู้แล้วว่าร่างกายของเขาพัฒนาไปมากแค่ไหนในช่วงไม่กี่วันมานี้