บทที่ 278
ภายในกระโจมหลังใหญ่มีเพียงเหมาหนานและเนี่ยฟงนั่งครุ่นคิดบางอย่าง ทั้งห้องมีเพียงความเงียบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาของทั้งสอง เกือบหนึ่งเค่ยเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“เป็นข้าเองที่เป็นเด็กตามคำทำนายที่ท่านกล่าว และเป็นท่านจัวกุ๋ยกู่ที่ส่งข้ามาที่นี่ ส่วนเป้าหมายของข้าท่านคงจะเดาได้ไม่ยาก”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงเป็นเหมาหนานเองที่ต้องขมวดคิ้วก้มหน้าครุ่นคิด
“คงเป็นลิขิตของสวรรค์ แน่นอนข้าต้องช่วยเหลือบุตรชายของเพื่อนข้าอยู่แล้ว ข้าเพียงถามให้แน่ใจเท่านั้น”
“เรื่องที่ท่านทราบ”
เนี่ยฟงถึงกับจ้องมองเหมาหนาน
“แน่นอน เจ้าวางใจเถอะในบรรดาพี่น้องข้าอีกสองคนไม่มีใครทราบเรื่องนี้ เอาเถอะเจ้าคงเหนื่อยจากการเดินทางเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ขอรับ”
เนี่ยฟงก้มคารวะเหมาหนานหลังจากนั้นก็เดินออกมาหน้ากระโจมก็พบกับเหยียนอู่ หลงจวิน และเหมยฟางด้านหน้ากระโจม เหยียนอู่จึงรีบพาเนี่ยฟงไปพักที่กระโจม ในระหว่างทางทั้งสองหาได้กล่าวสิ่งใดเพียงแต่รอบด้านมีแต่คนจ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตา ชั่วน้ำเดือดก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนขวางทางของทั้งสองเอาไว้
“มีสิ่งใดรึถังหนาน”
ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา รูปร่างสูงใหญ่มีมัดกล้ามสวมชุดเกราะก้มคีรษะให้แก่เหยียนอู่พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“ต้องขออภัยขอรับท่านเหยียนอู่ ข้าเพียงแต่ต้องการท้าประลองตามกฎของค่ายเพียงแค่นั้นขอรับ”
เหยียนอู่หันมาจ้องมองเนี่ยฟงที่ตอนนี้แสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เจ้ารับคำท้าหรือไม่”
“แน่นอนขอรับเข้ารับคำท้า”
เหยียนอู่พยักหน้าตอบรับ
“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา”
เหยียนอู่ได้พาเนี่ยฟงเดินออกมาด้านนอกบริเวณลานฝึก แน่นอนผู้คนมากมายมารอกันที่นี่หมดแล้ว เนี่ยฟงก้าวเดินไปหยุดตรงกลางของลานพร้อมกับสะบัดมือขวานำแส้แข็งออกมาถือพร้อมกับโคจรลมปราณเตรียมพร้อม ไม่นานก็มีชายฉกรรจ์นามถังหนานก้าวเดินออกมาพร้อมกับง้าวขนาดใหญ่ในมือ เนี่ยฟงเอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“ที่นี่รับพนันหรือไม่”
“แน่นอนว่าหากเดิมพันของเจ้ามากพอ ข้าอาจจะตกลงก็ได้”
“แขนขวาของท่านและแขนขวาของข้าเป็นอย่างไร”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงผู้คนรอบถึงกับนิ่งเงียบเหยียนอู่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับขมวดคิ้ว
“ท่านท้าประลองข้า ข้าตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด เพียงแค่ข้ากล่าวเดิมพันเหตุใดท่านถึงครุ่นคิดนานยิ่งนักทั้งๆที่ท่านคิดจะสังหารข้าอยู่แล้วไม่ใช่รึ”
ถังหนานถึงกับหน้าแดงก่ำไปด้วยความอับอายกล่าววาจาตอบรับเสียงดังลั่น
“ได้เช่นนั้นข้าเดิมพันชีวิตกับเจ้าเป็นอย่างไรไอ้หนู”
เหยียนอู่ก้าวเดินออกมาหมายเอ่ยวาจาห้ามแต่ก็ถูกเสียงกล่าววาจาดังลั่นออกมาจากด้านหลัง
“เอาสิข้าก็อยากเห็นเช่นกัน หากผู้ใดชนะก็รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ไปได้เลย”
ทหารมากมายแหวกทางเป็นช่องให้เหมาหนาน หลงจวินและเหมยฟางก้าวเดินออกมาด้านหน้า
“ขอให้พวกเจ้าโชคดี หลงจวินเตรียมสุรา”
ในระหว่างที่หลงจวินสั่งการทหารจัดเตรียมโต๊ะให้แก่เหมาหนานถังหนานก็เอ่ยวาจาออกมา
“เป็นโชคของข้าโดยแท้ที่สังหารเจ้าเพียงแค่คนเดียวก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้า น่าเสียดายที่เจ้าต้องจบชีวิตลงที่นี่ไอ้หนู”
เนี่ยฟงแสยะยิ้มกล่าววาจาตอบ
“คนขี้ขลาดเช่นท่านต่อให้เป็นหัวหน้า สุดท้ายคงหลบหนีก่อนเป็นแน่ข้าคิดไม่ออกว่าในระหว่างทางหลบหนีท่านจะคิดคำแก้ตัวอย่างไร ไม่แน่คนเช่นท่านคงคิดคำแก้ตัวตั้งแต่ออกรบแล้ว”
ถังหนานโกรธจนหน้าแดงก่ำหันไปมองรอบด้านเริ่มที่ใครหลายคนเอ่ยวาจาถึงเรื่องที่เนี่ยฟงกล่าวเช่นความจริง ถังหนานหันไปมองเหมาหนานเพื่อเริ่มการประลอง เหมาหนานเมื่อนั่งเก้าอี้ก็ยกมือขวาขึ้นมา
“เริ่มได้”
ถังหนานแสยะยิ้มหันไปมองชายหนุ่มด้านหน้าก็พบว่าหายตัวไปแล้ว เปรี้ยง เนี่ยฟงพุ่งหลบออกมาทางขวาฟาดหวดแส้แข็งในมือไปที่หน้าท้องเสียงดังลั่น ถังหนานถึงกับกระเด็นออกไปด้านหลังคุกเข่ากระอักเลือดออกมา
“หากในสนามรบท่านคงตกตายไปแล้ว”
ทันทีที่ลุกขึ้นได้ถังหนานก็พุ่งเข้าหาชายหนุ่มด้านหน้าอย่างรวดเร็วกวัดแกว่งง้าวในมือ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เพราะความต่างของอาวุธในมือทำให้เนี่ยฟงยากที่จะเข้าประชิด ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนมือซ้ายมาถือแส้แข็งสีดำเข้าปะทะ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เขาใช้ความเร็วพุ่งเข้าประชิดใช้แส้แข็งในมือต้านง้าวที่ฟาดลงมา เร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาซัดฝ่ามือเข้าไปที่ด้านง้าว เปรี้ยง เพราะความแรงจากการปะทะทำให้ง้าวสะบัดออกไปด้านหน้าเปิดโล่ง เนี่ยฟงพุ่งเข้าประชิดทันทีต่อยหมัดขวาออกไป เปรี้ยง มีเกราะสีเขียวปรากฏออกมาต้านรับเอาไว้ เขาจึงถีบเท้าถอยออกมา ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างไม่วางตา
ทันใดนั้นเองเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวาถือแส้แข็งสีขาวอยู่ในมือเร่งโคจรลมปราณพุ่งเข้าหาถังหนาน เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง แส้แข็งสีขาวและสีดำกวัดแกว่งเข้าต้านรับง้าวที่ฟาดหวดเข้ามา ถังหนานเริ่มรู้สึกหวาดกลัวชายหนุ่มด้านหน้าบ้างแล้วทุกครั้งที่เข้าปะทะเขาจะรู้สึกปวดชาไปทั้งแขนทั้งสองข้างง้ามมือทั้งสองเริ่มปริแตก เคร้ง เคร้ง เคร้ง ในที่สุดเนี่ยฟงก็พุ่งเข้าประชิดได้อีกครั้งฟาดหวดแส้แข็งในมือเข้าปะทะเกราะสีเขียวเสียงดังลั่น เปรี้ยง เกราะสีเขียวถูกทำลายลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเหมาหนานถึงกับขมวดคิ้ว ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากแส้แข็งในมือ เนี่ยฟงฟาดหวดแส้แข็งในมืออย่างรวดเร็ว เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง แขนทั้งสองข้างถูกทุบตีจนหักงอ
ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณ เนี่ยฟงยกยิ้มจ้องมองถังหนานที่ถีบเท้าถอยออกไป ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็ฟาดหวดแส้แข็งสีดำในมือซ้ายออกไป มันพุ่งออกไปรัดขาขวาของถังหนานเอาไว้อย่างแม่นยำ
“น่าละอายใจยิ่งนักแม้กระทั่งตอนนี้ท่านก็ยังคิดจะหลบหนี ขอเพียงท่านกล่าวยอมแพ้ข้าก็คิดที่จะปล่อยท่านไป”
เนี่ยฟงกระชากแส้แข็งสีดำในมือพร้อมกับซัดแส้แข็งสีขวาพุ่งออกไป เปรี้ยง แส้แข็งสีขาวพุ่งเสียงไปที่หัวไหล่ด้านซ้าย เลือดสีแดงไหลออกมาจากบาดแผล ครั้งนี้ถังหนานถึงกับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เพราะมีสายฟ้าจากแส้แข็งพุ่งออกมาโจมตี กลิ่นเหม็นเนื้อไหม้โชยออกมาจากถังหนาน เนี่ยฟงสะบัดมืออีกครั้งแส้แข็งสีขาวก็พุ่งทะยานออกมาหมุนวนรอบตัว หลายคนจ้องมองด้วยความตื่นตกใจ เนี่ยฟงหันไปจ้องมองเหมาหนานไม่ถึงสองลมหายใจก็ได้ยินเสียงแว่วดังออกมาทำให้ผู้คนตื่นตกใจไม่น้อย
“เชิญเจ้าจัดการเถอะหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์”
ถังหนานได้ยินเช่นนั้นถึงกับกรีดร้องระเบิดพลังปราณออกมาอย่างรุนแรง ตูม พื้นดินโดยรอบใต้เท้ายุบตัวลงเขารับหันหลังหลบหนี เพียงแต่ว่าถูกบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้ เนี่ยฟงกระชากแส้แข็งสีดำในมืออีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้าหาสะบัดมือขวากำชับมีดสั้นสีดำตวัดไปที่ลำคออย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากบาดแผลประดุจน้ำพุ ถังหนานทำได้แต่นอนกลิ้งไปมาบนพื้นไม่นานก็นอนแต่นิ่ง เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเก็บอาวุธทั้งหมดหลังจากนั้นก็หันมาก้มศีรษะให้แก่เหมาหนาน
“เอาละการประลองจบสิ้นแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตน”
เหยียนอู่ก้าวเดินเข้ามาหาเนี่ยฟง
“เจ้ามีความสามารถไม่น้อยไอ้หนู หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าคงยังไม่ได้ใช้ทุกอย่างที่มีใช่หรือไม่ แน่นอนขอรับ”
ทันใดนั้นเองก็มีทหารนายหนึ่งนั่งหลังพยัคฆ์พุ่งเข้ามาในค่าย มีบาดแผลเต็มร่างกายด้านหลังมีลูกธนูเสียงคาไว้หลายสิบดอก ทันทีที่เห็นเหยียนอู่เขาก็รีบตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“สงหยินจวินกำลังยกทัพมาที่นี่ขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวชายผู้นั้นก็ร่วงลงมาจากหลังพยัคฆ์เหยียนอู่ถีบเท้าเข้าไปรับได้ทันก่อนที่จะตกถึงพื้น เนี่ยฟงที่อยู่ใกล้ถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“ตัวใหญ่เช่นนั้นเหตุใดถึงช่างรวดเร็วนัก”
“เจ้าลองสังเกตที่รองเท้าสิไอ้หนู”
เมื่อหรี่ตาจ้องมองก็พบว่ามีวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวปรากฏที่ใต้ฝ่าเท้า
“เห็นทีข้าคงต้องหาเวลาประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์บ้างแล้ว”
เหยียนอู่ตะโกนเสียงดังลั่นสำหรับส่งคนออกลาดตระเวน เนี่ยฟงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบรับอาสาออกลาดตระเวนด้วยเช่นกัน เนี่ยฟงถูกนำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแบบใหม่เป็นชุดสีเทาตัวเขาเองเลือกที่จะไม่สวมเกราะใดๆเพื่อความสะดวก