บทที่ 24 ความน่ากลัวที่แท้จริงของต้นผีดูดเลือด
บทที่ 24 ความน่ากลัวที่แท้จริงของต้นผีดูดเลือด
กลุ่มของโจคังเมื่อตอนติดอยู่บนภูเขานั่น สิ่งที่พวกเขากินได้มีแค่อาหารแห้งและขนมขบเคี้ยวเท่านั้น ทันทีที่เป่ยเฟิงนำอาหารร้อน ๆ อร่อย ๆ พวกเขาทั้งสามก็สูญเสียจิตสำนึกของมนุษย์ทันที พวกเขาแทบจะหลีกเลี่ยงการกัดลิ้นตัวเองไม่ได้เลยเมื่อตอนกินอาหาร
'เขาคนนี้เป็นใครกัน ?' พวกเขาทั้งหมดสงสัย
เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วเสมอ กลุ่มของโจคังหลังจากได้รับการต้อนรับอย่าง 'สุภาพ' พวกเขาก็ออกจากบ้านทันทีที่กินอาหารของพวกเขาเสร็จแล้ว
ขณะกำลังเดินไปตามโคลนแห้ง โจคังรู้สึกขัดแย้งอย่างมากบนใบหน้าของเขา เมื่อเขาได้เจอกับเป่ยเฟิง เขาไม่ได้รู้สึกประทับใจตัวเขาเลย แต่อย่างไรก็ตามในพริบตาเขาก็ถูกพิชิตลงด้วยอาหารที่ถูกทำจากเขา
โจคังค่อย ๆ เดินห่างออกจากบ้านไปช้า ๆ หลังจากเขาหันกลับมาดูบ้านหลังนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว เขาก็ถอนหายใจอย่างหนัก แล้วเดินต่อไป
สำหรับเป่ยเฟิงเขากำลังล้างจานอย่างเงียบ ๆ ถึงมันจะเป็นงานง่าย ๆ แต่เขาก็ยังทำมันอย่างตั้งใจ
'ฮะ ? ทำไมมีหนูตายมากขนาดนี้กัน ?'
เป่ยเฟิงเดินผ่านต้นไทรแล้วเขาก็มาหยุดตรงที่เขาฝังรากของต้นผีดูดเลือดไว้
กลุ่มของหนูเจ็ดถึงแปดตัวมันถูกกองซ้อนขึ้นมา มันดูแห้งเหี่ยวเหลือแต่เนื้อหนังกับกระดูกเท่านั้น
'หนูพวกนี้ไม่ได้ตายที่นี่เมื่อวาน ...'
เป่ยเฟิงมั่นใจอย่างมากในเรื่องนี้ ยังไงก็ตามเท่าที่เขาเห็นเหมือนว่าพวกมันได้ตายไปนานแล้ว !
มันลึกลับอย่างมาก เป่ยเฟิงกำลังมองรากของต้นผีดูดเลือดอย่างรอบคอบ ถ้ามันมีอะไรแตกต่างจากเมื่อวานคงจะเห็นได้จากรากของต้นถูกดูดเลือดที่มันเหมือนได้ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง มาวันนี้มันกลับดูดีขึ้นมาก ! มันมีสีแดงแล้วยังมีจุดที่เหมือนจะมีเลือดไหลออกมานั่นอีก !
'รากของต้นผีดูดเลือดทำมัน ?'
เป่ยเฟิงรีบจับจักจั่น เขาเด็ดปีกของมันแล้ววางไว้หน้ารากของผีดูดเลือด [1]
เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ดี ! ไม่อย่างงั้นเขาคงนอนไม่หลับเมื่อตกกลางคืน
1 นาทีผ่านไป จักจั่นผู้โชคร้ายเริ่มขยับไปมา มันดูเหมือนกำลังร้องไห้ ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ต่อหน้ารากของต้นผีดูดเลือด
สามนาทีผ่านไป จักจั่นโดดเดี่ยวตัวน้อยดิ้นรนอย่างหนัก โดยจะเห็นได้ว่ามีความสิ้นหวังอยู่ในสายตาของมัน
"ดูเหมือนฉันจะระแวงมากเกินไป อุฟ ฮ่าฮ่าฮ่า !"
เป่ยเฟิงไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เนื่องจากเขาคิดว่าที่เขากำลังคิดมันเป็นเรื่องตลก ในขณะที่เขากำลังหัวเราะอยู่ทั่วลานกว้าง ต้นผีดูดเลือดก็เริ่มขยับ !
รากกลวงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากพื้นดินด้วยความไวแสง มันแทงทะลุร่างข้างจักจั่นในพริบตา มันแทงเข้าไปในท้องของจั๊กจั่นที่ถูกแบนราบอย่างเห็นได้ชัด ! [2]
หลังจากกินอาหารว่างเสร็จแล้ว ต้นผีดูดเลือดก็เริ่มส่ายรากของมันด้วยความมีชีวิตชีวาในอากาศด้วยท่าทางมีความสุขและพึงพอใจ
เป่ยเฟิงหรี่ตาของเขาในขณะที่มองรากของต้นผีดูดเลือดด้วยความกังวล จากนั่นเขาก็รีบหยิบจักจั่นมาจากพื้น เขาชั่งน้ำหนักบนฝ่ามือของเขา
'มันดูว่างเปล่า สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเปลือกนอกเท่านั้น นี้มันดูเหมือนกับหนูพวกนั่น !'
เป่ยเฟิงดึงร่างของจักจั่นออกจากกัน และพบว่ามันว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ! นี้ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
'จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ถ้าฉันหลับคืนนี้ !'
เป่ยเฟิงรู้สึกหนาวเหน็บที่หลัง เขารู้สึกอยากจะทำลายต้นผีดูดเลือดอย่างมากในใจของเขา !
เขารีบไปที่ห้องครัว เป่ยเฟิงหยิบห่อหญ้าแห้งและนำมันมากระจายรอบ ๆ ต้นผีดูดเลือด จากนั้นเขาก็เอาไฟแช็คออกจากกระเป๋าเตรียมที่จะเผาหญ้าแห้งไปพร้อมกับต้นผีดูดเลือด
อย่างไงก็ตามในขณะนั่น เป่ยเฟิงเริ่มลังเลใจ มือของเขายังคงถือไฟแช็คอยู่
เป่ยเฟิงกำลังต่อสู้ในใจของเขา ด้านนึงกล่าวว่า "เผามัน ! ฆ่ามันด้วยไฟซะ !"
ในขณะที่อีกด้านนึงกล่าวว่า "อย่าเผามันเลย ! ผลเลือดต้นกำเนิดแค่ผลเดียวยังทำให้นายมาถึงขนาดนี้ได้ แล้วจะเป็นยังไงถ้ามันมีให้นายเต็มคันรถละ ?"
หลังจากต่อสู้ในใจเป็นเวลานาน เป่ยเฟิงก็ตัดสินใจอย่างเต็มที่ "ฉันเลือกทางที่ 2 ! นี้เป็นเพราะผลเลือดต้นกำเนิดจากแกหรอกนะ !"
แม้ว่าเป่ยเฟิงไม่เคยกินโสมอายุร้อยปีมาก่อน แต่เขาก็แน่ใจว่าผลเลือดต้นกำเนิดมันแสดงผลการบำรุงที่ดีกว่าโสมอายุหลายศตวรรษ !
เกี่ยวกับการคุกคามของรากต้นผีดูดเลือด มันไม่สามารถเอาโสมมาเทียบได้ ถึงแม้ว่าจะเริ่มทดลองด้วยหนูกับจั๊กจั่น แต่ใครจะรู้ว่ารากของต้นผีดูดเลือดชอบเลือดมนุษย์หรือไม่ ? และแม้ว่าจะไม่ต้องการ แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่ามันจะไม่มีเปลี่ยนคิดไม่วันใดวันหนึ่ง [3]
หลังจากเผชิญหน้ากับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นเวลานาน เป่ยเฟิงก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจรากของต้นผีดูดเลือดอีกต่อไป เขาลองกล้าได้กล้าเสีย
'ตราบใดที่มันได้อาหารทุก ๆ วัน มันคงไม่เป็นอันตราย ใช่ไหม?' ดวงตาเป่ยเฟิงสว่างขึ้นเมื่อเห็นทางออกที่ยอดเยี่ยม 'อืม.. ฉันไม่รู้ว่าที่ฉันคิดมันถูกหรือเปล่า'
เป่ยเฟิงค่อย ๆ เก็บไฟแช็คของเขาแล้วหันไปรอบ ๆ มองซ้าย มองขวา เขาเดินจากไป เขากลัวว่าหากเขายังอยู่ เขาจะไม่สามารถเพิกเฉยต่อความกังวัลของเขาได้ เขาอาจจะใช้ไฟเผาต้นผีดูดเลือดขึ้นมาก็ได้
หลังจากเอาเรื่องของรากของต้นผีดูดเลือดไฟในส่วนที่ลึกของใจแล้ว เขาก็โพสข้อความของเขาเกี่ยวกับเรื่องการจองโต๊ะของในวันนี้บน WeChat
ในชั่วพริบตาเงินฝากมากกว่า 200 แห่งถูกฝากเข้าบัญชีของเป่ยเฟิง ทำให้เขาต้องเปิดปากด้วยความตกใจ
'ทำไมถึงมีคนขอจองมาเยอะขนาดนี้กัน ?'
เป่ยเฟิงเลื่อนขึ้นและตรวจสอบประวัติการแชท ปรากฏว่าหวังจุนได้รับการยกย่องอย่างมากจากการที่เขาได้ไปทดลองเป็นกลุ่มแรกในการชิมอาหารของเป่ยเฟิงให้ทุกคนได้ฟัง
เขาอัพโหลดภาพของหวังเจียนโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อมาทานอาหารกลางวันที่นี้ มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสับสนวุ่นวายอย่างมากในกลุ่มสนทนา
แม้แต่นักธุรกิจเช่นหวังเจียนยังนั่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวเพื่อมากินอาหารที่นั่น ! นอกจากนี้ หวังเจียนยังนำอาหารที่เหลือขึ้นไปกินบนฟ้าด้วย ที่เป็นผลทำให้ทุกคนร้อนใจจนต้องการไปตรวจสอบด้วยตัวเอง
เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าเขาควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีในสถานการณ์นี้ คนพวกนี้มีศรัทธาในภาพลักษณ์อย่างมาก พวกเขารู้สึกว่าการที่คนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองชิงเฉิงมากินอาหารที่นี่โดยเครื่องบินส่วนตัวแล้ว มันต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมากแน่ ๆ !
'เนื่องจากกิจการกำลังไปได้สวย มันจะเป็นอะไรหรือเปล่าที่จะรับลูกค้าเพิ่มอีกไม่กี่คนต่อวัน ?'
ทันที่ที่ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในใจของเป่ยเฟิง เขาก็สลัดมันทิ้งทันที เขารู้สึกว่าเขาไม่มีเวลามากพอที่จะทำอะไรได้มากนักต่อให้มีแค่ 4 โต๊ะต่อวันก็ตาม
ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว และเขาทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เรื่องค่าใช้จ่ายก็มีแค่เขาตัวคนเดียว ในทางตรงกันข้าม เป่ยเฟิงสนใจเกี่ยวกับการฝึกฝนของเขาซะมากกว่า !
ความรู้สึกของการที่ร่างกายทุเลาลงจากการบาดเจ็บมานาน ทีละน้อย ๆ และจากนั้นก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้แข็งแรงและดีขึ้นกว่าเดิม มันทำให้เขาหมกมุ่นพวกมันอย่างมาก
หลังจากเลือกสุ่มไม่กี่คน เขาก็ยอมรับเงินฝากของพวกเขา เป่ยเฟิงไม่ใส่ใจกับการสนทนาพวกนี้ และจากนั่นเขาก็ออกไปที่หมู่บ้าน
ตอนนี้เวลายังไม่ถึง 9 โมงเช้า และสภาพอากาศก็ค่อนข้างเย็น จึงมีคนจำนวนมากเดินบนถนน
มีคนขายของจำนวนมากที่แสดงสินค้าในตลาดกลางแจ้ง เหล่าคนเดินเท้าก็มักจะแวะไปดูสินค้าของพวกเขา ด้วยสายตาของพวกเขา จะพิจารณาและต่อรองราคามัน
ขณะเดียวกัน เป่ยเฟิงก็เริ่มมองหาสินค้าของเหลือ เขาจะเอาของที่ไม่มีใครหยิบหรือก็คือพวกผักหรือผลผลิตของเหลือ
"เถ้าแก่ มีเลือดหมูไหม ?"
เป่ยเฟิงมองที่ร้านขายเนื้อใกล้ ๆ และถาม
คนขายเนื้อเป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อไม่มีแขน ใส่เสื้อผ้ากันเปื้อนน้ำมันผูกติดอยู่รอบเอว เป่ยเฟิงไม่รู้จักเขา เพราะเขาน่าจะเป็นคนจากหมู่บ้านใกล้เคียงนี้
"มันพอมีเหลืออยู่ ต้องการมากแค่ไหนละ ?" พ่อค้าเนื้อถามเป่ยเฟิงด้วยความจริงจัง
"ฉันขอเลือดสด ๆ ฉันไม่ต้องการเลือดที่มันแข็งแล้ว ขอบคุณ!"
เป่ยเฟิงเห็นพ่อค้าหยิบเลือดหมูที่หมักไว้ในอ่างน้ำ เขารีบบอกพร้อมส่ายหัวทันที
"เลือดสด ? หืมม วันนี้มันไม่เหลือแล้ว ถ้านายอยากได้ก็มาพรุ่งนี้ละกัน ฉันจะเก็บไว้ให้นายเอง" หลินฮุ้ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเป่ยเฟิงต้องการเลือดสดไปทำไม แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธธุรกิจในการขายของเขา
"แน่นอน เก็บไว้ให้ผมด้วย ผมจะจ่ายเท่าที่คุณต้องการ" เป่ยเฟิงวาง 200 หยวนบนเคาร์เตอร์และกล่าวตอบ
"ไม่มีปัญหา ! ฮี่ ๆ หมูพวกนี้ฉันเป็นคนเลี้ยงเองกับมือ พวกมันไม่เคยกินอาหารหมูจากโรงงานด้วยซ้ำ เลือดพวกนี้มันต้องอร่อยและดีแน่นอน !"
ดวงตาของหลินฮุ้ยสว่างไสวขึ้นในขณะที่เขาหัวเราะอย่างสนุกสนาน เขารีบคว้าเงินไว้ด้วยมือที่มีแต่ไขมันของเขาและวางไว้ในตะกล้าเงินที่วางไว้ใกล้ ๆ
เป่ยเฟิงทำได้แค่ยิ้มเท่านั้น มันจะมีหมูซักกี่ตัวกันที่เขาเลี้ยงที่บ้าน ? ไม่อย่างงั้นเขาจะมาเปิดร้านขายเนื้อทุกวันได้ยังไง ?
เนื่องจากเขาไม่ได้ซื้อมากินเอง เป่ยเฟิงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพิถีพิถันมากนัก หลังจากปักหลักที่นี่เพื่อจะเอาเลือดกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายของก็กลับบ้านโดยมือเปล่า
"บอส ! เจ้าของบ้านเก่า ๆ คนนั่นกลับมาแล้ว !"
ภายในอาคารสูง มีชายคนหนึ่งก้มหัวรายงาน
"หืม ดี ส่งคนไปคุยกับเขา พยายามโน้มน้าวให้เขาขายบ้านเก่า ๆ นั้นให้เรา"
เหว่ยฮุ้ยดูดซิการ์ราคาแพงและพูดเบา ๆ
"บอส ทำไมเราต้องทำกันขนาดนี้ด้วย ? เมื่อสองปีก่อนเราโยนเงินจำนวนไม่กี่แสนหยวนให้เจ้าเด็กนั่น แต่มันก็ไม่ยอมรับที่จะตกลงสัญญาของเราด้วยซ้ำ" ชายคนนั้นถามด้วยความสับสน
"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่แกสมควรรู้ ที่แกต้องทำคือรีบ ๆ จัดงานเรื่องนี้ซะ !" ใบห้าของเหว่ยฮุ่ยเย็นชาและพูดด้วยเสียงหนาวเย็น
"ครับบอส !" ชายคนนั้นรู้สึกกระวนกระวายใจ เขารีบก้มหัวในทันที
*****
[1] TL/N : ตระกูลจักจั่นกำลังเผชิญหน้าวิกฤติครั้งใหญ่ ! ประชาการของประเทศกำลังลดอย่างรวดเร็ว ! ไม่มีกลุ่มคนที่มีคุณธรรมเพื่อออกมาปกป้องจั๊กจั่นลยงั้นหรือ ? ใครพร้อมจะยืนขึ้นเพื่อปกป้องจักจั่นกันบ้าง ?!
ED/N : ผมเคยเห็นแต่การเหยียวผิวบางคน แต่ใน CN นี้เป็นครั้งแรกที่จักจั่นถูกเลือกปฏิบัติ