ตอนที่แล้วบทที่ 19 ซุปหัวปลานมข้นสำราญใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 ผลเลือดต้นกำเนิด

บทที่ 20 เจ้าลูกหมาทั้งสอง


บทที่ 20 เจ้าลูกหมาทั้งสอง

มณฑลหยูว หนึ่งในสี่มณฑลใหญ่ของจีน บ้านที่มีเหล่าคนร่ำรวยนับไม่ถ้วนที่มาพร้อมกับมรดกอันลึกลับและพลังอันยิ่งใหญ่ [1]

สำหรับราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการอยู่ที่นี่นั่นอยู่ในระดับที่สูงที่สุด ในความจริงหากเปรียบเทียบกับคนธรรมดา ต่อให้พวกเขาทำงานอย่างหนักตลอด 1 ปี ก็ยังไม่พอที่จะซื้อห้องน้ำของที่นี่ !

อย่างไรก็ตามในใจกลางเมือง มันมีพื้นที่ล้ำค่าที่เก่าแก่อย่างมาก มันมีคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กินพื้นที่หลายเฮคเตอร์ มันช่างดูเหมือนโดดเดี่ยวและหยิ่งผยอง !

แน่นอนว่ามันไม่สามารถซื้อด้วยเงินเพียงอย่างเดียวได้ หนึ่งจะต้องมีอิทธิพลที่สามารถต่อต้านสวรรค์หรือมีพลังที่อยู่เหนือผู้คนมากมาย !

แน่นอนนี้คือพื้นที่ตระกูลฉิน พวกเขาสืบเชื้อสายมานานกว่าสามร้อยปีมีคุณสมบัติที่จะสร้างคฤหาสน์อันน่าประทับใจนี้ พวกเขาครอบครองพื้นที่แบบนี้เป็นจำนวนมากในมณฑล ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมาตระกูลฉิลได้ปกครองมณฑลเหล่านี้ แม้ว่าจะมีขั้วอำนาจมากมายเข้ามาท้าทายเมื่อมีโอกาส แต่พวกเขาไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว !

ภายในคฤหาสน์ที่ดูหรูหรา มีพืชสีเขียวที่เห็นได้ทุกที่ ราวกับว่าพวกมันคือดอกไม้ที่กำลังแข่งกันบานเพื่อที่จะกลางเป็นดอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน

คนรับใช้มากมายกำลังยุ่งอยู่กับงานของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาทำนั่นคือการทำความสะอาดและจัดระเบียบเรียบร้อย ต้นไม้ที่สวยงามและดอกไม้ที่ละเอียดอ่อนสามารถมองเห็นได้ทุกที่ มีน้ำใสไหลผ่านสวนไปทางทิศเหนือของคฤหาสน์ เมื่อเดินตามทางมาเรื่อย ๆ จะเข้าสู่พื้นที่กว้าง มีตึกสูงตระหง่าตั้งอยู่ แต่ละด้านจะมีเส้นทางจะมีรูปแกะสลักที่ถูกออกแบบมาด้วยประณีตอย่างมาก เมื่อเดินต่อไปจะเห็นคฤหาสน์สีขาวเหมือนหิมะ บ่อน้ำล้อมรอบคฤหาสน์ มีสะพานหินกว้างเชื่อมต่ออยู่ ท่อระบายน้ำหินเก่าที่ดูคล้ายมังกรยื่นออกมาจากด้านข้างของสะพานแต่ละอันทำให้มันดูเป็นฉากที่งดงามขึ้นเป็นพิเศษ [2]

ปลาคราฟพันธุ์หายากกำลังว่ายน้ำอย่างสบายใจในบ่อน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเสียทรัพยาการเลือดและเหงื่อไปมากเท่าใดเพื่อที่จะสร้างสวรรค์แห่งนี้ขึ้นในเมืองที่แสนวุ่นวาย !

ในขณะนั้นภายในห้องประชุมขนาดมหึมาที่มีคนตระกูลฉินรวมกัน

ทุกคนในนี้เป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างมาก แม้แต่นายกเทศมนตรีของมณฑลยังทักทายพวกเขาในฐานะ VVIP!

ชายวัยกลางคนสามสิบต้น ๆ กวาดสายตามองไปที่พวกเขาเหล่านั้น ในขณะที่เขานั่งอยู่บนที่นั่งหัวหน้าตระกูล

"ท่านหัวหน้าตระกูล เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตระกูลฮัวเริ่มจะเหิมเกริมมากขึ้น ! พวกเขาเริ่มติดต่อเป็นพันธมิตรกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่นอกมณฑลของเรา ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขามีเจตนายั่วยุและท้าทายอำนาจของพวกเรา!"

ชายวัยกลางคนเดินออกจากฝูงชนกราบคำนับผู้ที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนที่นั่งหัวหน้าตระกูลและรายงานเสียงดัง

"ฮึ้ม ! ไอ้พวกนี้มันชักจะก้าวร้าวเกินไปแล้ว !"

"พวกมันคงอยากตาย ! พวกมันคิดจริงหรือว่าพวกมันเป็นตระกูลที่เข็มแข็งที่สุดในมณฑลหยูว"

"ท่านหัวหน้าตระกูล อนุญาตให้ข้าไปและทำลายตระกุลฮัวด้วย ! ข้าจะเหยียบย่ำพวกมันเอง !"

ก่อนที่ชายหัวหน้าตระกูลจะมีโอกาสพูดอะไร ก็ได้มีชายชราและชายวัยกลางคนอีกสองคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

"ฮึ้ม ! พวกเจ้าควรจะเรียนรู้ที่จะรักษาอารมณ์ของพวกเจ้าเสมอ ! ตอนนี้เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงยุคใหม่ !"

ชายวัยกลางคนพิงเก้าอี้สูงและพูดออกมาอย่างเย็นชา

"มีอะไรที่พวกเจ้าตอนนี้ใช้ได้บ้าง ปืนหรือดาบ ? ไม่กระทั่งมิซไซต์ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์ ! "

ทั้งกลุ่มมีการแสดงออกที่น่าเกลียดบนใบหน้าของพวกเขา ในขณะที่กำลังฟังคำพูดต่อ

"ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องสนใจตระกูลฮัว ! เพียงแต่ตระกูลฮัว มันจะสลายไปเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าพวกเราต้องการ ! พวกเจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือไม่รู้ว่าประเด็นสำคัญตอนนี้คือตระกูลหวัง ?! เราต้องให้ความสำคัญกับพวกนี้อย่างแรก !"

ชายวัยกลางคนพูดต่อไป แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่รุนแรง แต่ก็มันรู้สึกถูกครอบงำโดยที่ไม่สามารถขัดขืนได้ !

"ใช่แล้วท่านหัวหน้าตระกูล !" ทั้งกลุ่มก้มหัวพร้อมกัน

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้าย" ฉินวูฟา มองไปที่กลุ่มที่กำลังเดินออกไปครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกจากที่นั่งแล้วร่างของเขาก็กลายเป็นหมอก หลังจากผ่านไปหลายวินาทีหมอกก็ค่อย ๆ กระจายตัวไปในอากาศ ฉินวูฟาหายตัวไปรายกับว่าเขาไม่เคยอยู่ที่นั่นเลย !

"ท่านหัวหน้าตระกูลระดับการฝึกฝนเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้ว ! ฉันประหลาดใจจริง ๆ ว่าตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตอะไรแล้ว !"

ชายชราบางคนขมวดคิ้วด้วยความตกใจ พึมพำกับตัวเอง

ย้อนกลับไปในห้องหนังสือ ฉินวูฟายืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขามองออกไปข้างนอกด้วยความรู้สึกเศร้าหมองบนใบหน้าของเขา ถึงเขาจะดูอ่อนวัย แต่ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่เคร่งขรึมและผ่านหลาย ๆ อย่างมามากมาย

"ฉินยี่"

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ฉินหวูฟาเรียกเบา ๆ

"ผู้น้อยอยู่นี้แล้วขอรับ" ชายสวมหน้ากากจู่ ๆ ก็ก้าวออกมาจากเงามืดในมุมห้องที่ว่างเปล่า เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงแล้วตอบอย่างสุภาพ

"เรื่องนั่นยังไม่คืบหน้าอีกรึ ?" ฉินวูฟาไม่ได้หันกลับมา ถามเบา ๆ

"ผู้น้อยไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ไม่สามารถหาเบาะแสกับเรื่องนี้ได้.. " ฉินยี่ลดหัวลงด้วยความอับอาย

"หาต่อไป ! ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ข้าอยากเจอเขา ! ถ้าเขาตายแล้วข้าก็อยากเห็นศพของเขา !" ออร่าที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างผอมของฉินวูฟาหลังจากที่เขาบอก

"แกร๊กก !"

กรอบไม้ในห้องหนังสือค่อย ๆ แตกออกด้วยความกดดัน

"ผู้น้อยทราบแล้วขอรับ !" ขณะเดียวกันฉินยี่รู้สึกราวกับว่าเขาจมอยู่ในหลุมน้ำแข็งที่ทำให้เขาเคลื่อนที่ไม่ได้

"เด็กล้ำค่าของข้า .. มันนานถึงยี่สิบห้าปีแล้ว ... เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ?"

ฉินวูฟา มองออกไปทางหน้าต่างด้วยสีหน้ากังวล

****

เป่ยเฟิงไม่ได้รับรู้ถึงคลื่นความกดดันจากมณฑลหยูวเลย หลังจากที่เขาส่งหวังเจียนและหลิวซุยออกไป หวังเจียนนั้นออกไปทันทีหลังจากกินเสร็จ เขาคือประธานบริษัท ทำให้เขาต้องไปทำงานที่ยุ่งยากรอบตัวเขาต่อ

บ้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เป่ยเฟิงกำลังทำความสะอาดลำพัง

'อืม ฉันต้องออกไปหาวัตถุดิบเพิ่มเติม ดูเหมือนว่าฉันจะต้องออกไปข้างนอกและซื้ออะไรบางอย่างเพิ่ม'

เป่ยเฟิงมองไปที่จำนวนผักที่เหลืออยู่ในตู้เย็นและถอนหายใจ

หลังจากนั่นเขาก็ออกมาจากบ้านโดยล็อคกุจแจบ้านไว้ แล้วเดินทางไปยังหมู่บ้านทันที

มีหลายคนบนถนนที่หวาดกลัวแดดตอนเที่ยงในช่วงหน้าร้อน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะซ่อนตัวในบ้านของพวกเขาเพื่อหนีความร้อน

ดังนั้นเป่ยเฟิงไม่ต้องใช้เวลามากนักในการซื้อวัตถุดิบที่เขาต้องการ

"โฮ่ง ๆ วูฟ !"

ขณะที่เขากำลังกลับไปบ้านของเขา เขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามีหมาสองตัวที่ดูสกปรกตามเขามา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันพันธุ์อะไร

เขารีบเดินไปข้างหน้า เจ้าลูกหมาทั้งสองก็รีบตามเขาทัน ถ้าเขาหยุดพวกมันจะวิ่งเป็นวงกลมรอบ ๆ ตัวเป่ยเฟิง มันจะกระดิกหางและเห่าอย่างน่ารัก

เป่ยเฟิงตัดสินใจไม่สนใจพวกมัน และเดินต่อไปอย่างสบายใจ

ลูกหมาทั้งสองเดินตามเขาอย่างห่าง ๆ บางครั้งมันก็วิ่งไปข้างหน้า เมื่อเป่ยเฟิงมาถึงหน้าบ้านของเขา พวกมันก็กระดิกหางด้วยความตื่นเต้น

'อ่า ! ลืมมันไปซะ ... ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอกัน ...'

เป่ยเฟิงหยุดชั่วครู่แล้วหัวเราะกับตัวเอง

ตอนแรกเป่ยเฟิงตัดสินใจว่าถ้าลูกหมาหยุดตามเขาก่อนที่จะมาถึงบ้าน เขาจะไม่กังวลเกี่ยวกับพวกมัน

แต่ยังไงก็ตาม พวกมันยังคงเดินตามเขามาตลอดทาง เขาจึงพามันเข้ามาด้วย เพราะยังไงซะบ้านหนังนี้ก็ว่างเปล่าและขาดความมีชีวิตชีวาอยู่แล้ว เพราะเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง

"ฉันควรจะอาบน้ำพวกมันก่อนดีไหมน่า ?" เป่ยเฟิงวางของที่เขาซื้อมาบนโต๊ะอาหารในขณะที่มองพวกลูกหมาทั้งสองที่เล่นอยู่ในลาน

หลังจากต่อสู้กับจิตใจสั้น ๆ เขาหยิบถังน้ำที่เติมน้ำเติมถังและเพิ่มสบู่บางอย่างลงไป

เขานั่งยอง ๆ ข้างถังน้ำ เป่ยเฟิงผิวปากเรียกลูกหมา เมื่อลูกหมาตัวน้อยทั้งสองได้ยิน พวกมันก็รีบวิ่งพร้อมส่ายหางมาหาเป่ยเฟิงทันที

"เดียว ! เดียว"

เป่ยเฟิงกำลังหยุดพวกมันที่วิ่งเข้ามากระโจนใส่เขาแล้วจากนั่นเขาก็หยิบลูกหมาด้วยมือแต่ละข้างค่อย ๆ จุ่มลงไปในถังน้ำ

"โอ้ ? เจ้าตัวน้อยทั้งสองที่แท้มันคือหมาป่า !"

สีขนลูกหมาปรากฏออกมาหลังจากอาบน้ำไม่กี่รอบ

พวกมันรีบหนีไปข้าง ๆ หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากนรกที่น่าสยดสยอง ! ลูกหมาป่าน้อยทั้งสองมองไปที่เป่ยเฟิงเหมือนปีศาจร้าย พวกมันมองด้วยความกลัวและรู้สึกเสียใจในสายตาของพวกมัน

เป่ยเฟิงหัวเราะเบา ๆ เขาไม่สนใจท่าทีไม่พอใจของเจ้าพวกลูกหมานี้อยู่แล้ว เขาเดินออกแล้วจากตรงนั้น แล้วไปยืนฝึกท่าเคล็ดการหายใจด้วยแสงใต้ต้นไทร [3]

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในพริบตาก็ถึงตอนเย็นแล้ว

เป่ยเฟิงกำลังเตรียมการเช่นเดียวกันกับครั้งล่าสุด เขาพร้อมที่จะรับลูกค้าสำหรับมื้อเย็นของเขา ในขณะที่เขาเดินไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนแห้ง ไปยังหมู่บ้าน เขาก็ถอนหายใจเพราะเขาปวดคอนิดหน่อย ทำไมเขาต้องออกมารับแขกทุกครั้งเลยละ ? ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ทำให้เขาเสียเวลาอันมีค่าของเขามากแค่ไหนกัน ?

อย่างไงก็ตามเพราะลูกค้าของเขาไม่ใช่ใครอื่น บ้านของเขาอยู่ห่างเกินไปและคนส่วนใหญ่ไม่สามารถไปถึงทางเข้าบ้านเขาได้

เมื่อเป่ยเฟิงมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน มีเพียงสี่คนที่รออยู่ที่นั่น กับอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกเหนื่อยที่จะรอและจากไปแล้ว

มุมปากของเป่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อย เขาดึงโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโอนเงินค่ามัดจำกลุ่มดังกล่าวคืนไป

เขาพาคนที่เหลืออีกสี่คนกลับไปบ้านและกินอาหารแทน

ในตอนแรกลูกค้าทั้งสี่รู้สึกว่าพวกเขาถูกหลอก มันมีร้านอาหารส่วนตัวที่ไหนกันที่นี่ มันไม่มีทางที่ร้านอาหารดี ๆ จะมาอยู่ที่นี่ได้หรอก ไม่ มี ทาง !?

อย่างไงก็ตามทันทีที่พวกเขาได้กินอาหารครั้งแรก ความไม่พอใจและสงสัยในใจพวกเขาก็หายไปในทันที ไม่ว่าพวกเขาต้องรอนานแค่ไหน หรือจะต้องเดินมาไกลแค่ไหน สำหรับอาหารแสนอร่อยนี้มันคุ้มค่าแล้ว !

[1] TL/N : Youzhou หรือ มณฑลหยูว (บางประเทศจะเรียกว่าจังหวัด) เป็นชื่อสถานที่สมัยราชวงศ์โจวหรืออยู่ในภาคเหนือของจีน Youzhou เป็นเมืองโบราณที่ถูกอ้างว่าเป็น หนึ่งในเก้า หรือ สิบสอง มณฑลที่แท้จริงของจีน ( ศตวรรษที่ 22 ก่อน คริสต์ศักราช)

[2] TL/N: นี้คือภาพของท่อระบายน้ำหัวมังกร https://www.123rf.com/photo_33148065_-drain-tube-of-the-chinese-ancient-building.html

[3] ED/N : น่าจะเป็นแค่ท่า ที่ผมคิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด