บทที่ 121 ทุกสิ่งทุกอย่างของมันมีค่า !
บทที่ 121 ทุกสิ่งทุกอย่างของมันมีค่า !
ปลามังกรน้ำแข็งที่เพิ่งเกิดนั้น มันดูอ่อนแออย่างมาก
เมื่อถังเลือดถูกเทเข้าไปในบ่อ มันได้ย้อมบ่อให้เป็นสีฟ้าอย่างช้า ๆ อุณหภูมิในบ่อเริ่มลดลงจนมีคลื่นน้ำแข็งปรากฏออกมารอบ ๆ
ทันใดนั้น ปลามังกรน้ำแข็งก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พวกมันรีบกลืนเลิอดของราชามังกรหิมะหยกดำที่อยู่ในน้ำด้วยความอร่อย หลังจากที่มันได้ดูดซับเลือดเข้ามาในร่างแล้ว มันก็คายน้ำธรรมดาออกมาจากร่างของมัน
เป่ยเฟิงเดินไปรอบ ๆ บ่อเล็ก ๆ ราวกับพ่อที่กำลังเฝ้าดูปลามังกรน้ำแข็งด้วยความกังวล หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง สภาพของพวกมันดูดีขึ้นมามันจึงทำให้เป่ยเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
8 ใน 20 ถังที่มีเลือดของราชามังกรหิมะหยกดำ แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งถูกเทลงไปในบ่อเล็ก ๆ นี้เรียบร้อย !
เป่ยเฟิงกลับไปที่ลานกว้างและจัดการกับร่างของราชามังกรหิมะหยกดำจนถึง 20.00 น. หลังจากที่เขาหั่นเนื้อพวกมันได้หมดแล้ว ร่างของราชามังกรหิมะหยกดำก็ถูกแยกออกเป็นชิ้นใหญ่ ๆ และถูกเก็บไว้ในชั้นใต้ดิน
สำหรับเนื้อซาราแมนเดอร์ยักษ์นั่น พวกมันต้องยอมยกตำแหน่งเดิมของมันให้กับราชามังกรหิมะหยกดำ ถึงแม้ว่าจะมีอีกครึ่งหนึ่งของมันที่ยังเหลืออยู่ก็ตาม
"เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันกังวลว่าจะไม่มีอาหารกินพอ แต่ตอนนี้ใครจะไปคิดว่านอกจากจะมีเหลือเฟือแล้วยังต้องหาคนมาช่วยเอามันไปอีก ..."
เป่ยเฟิงคิดอย่างขมขื่น ตอนนี้เขามีเนื้อสัตว์อสูรระดับ 5 แล้ว เนื้อระดับต่ำอย่างซาราแมนเดอร์ยักษ์นั่นไม่อยู่ในสายตาเขาอีกต่อไป
ชั้นใต้ดินกว้าง 5 เมตรและสูง 3 เมตรตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดและเนื้อของราชามังกรหิมะหยกดำ นอกจากนี้ยังมีส่วนหัวของมันที่อยู่ข้างนอกอีก เพราะมันไม่สามารถยัดเข้ามาได้อีกแล้ว
ไหนจะปลามังกรน้ำแข็งระดับ 1 กับ 2 อีกร้อยกว่าตัวที่ถูกแช่แข็งด้วยเย็นสุดขั้วนั้นอีก
เมื่อมองดูชั้นใต้ดินในตอนนี้ เป่ยเฟิงทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจออกมา 'มันคงจะดีไม่น้อยถ้าฉันหาแหวนเก็บของมาใช้ได้ซักวง ...'
สำหรับกระดูกปลาที่เหลือ เขานำมันไปแช่น้ำบางส่วนแล้วแช่แข็งด้วยเย็นสุดขั้ว กระดูกทุกชิ้นของมันมีความหนาเท่าต้นขาของผู้ใหญ่เลยทีเดียว !
ส่วนที่หนาที่สุดของราชามังกรหิมะหยกดำคือกระดูกสันหลังของมัน มีความหนากว่า 1 เมตรและหนักมากกว่าเกล็ดของมัน ! มันเป็นกระดูกสันหลังที่ยาวและหนักมาก
นอกจากนี้เขายังดึงเส็นเอ็นของมันได้ออกมาถึงสิบเส้น เส้นเอ็นของมันมีความหนาเท่านิ้วหัวแม่มือ มันแข็งมาก โดยเฉพาะเส้นสีชมพูที่อยู่หลังหัวของราชามังกรหิมะหยกดำ มันมีความหนาเท่าตะเกียบ แต่มันก็ยืดหยุ่นและแข็งมากเช่นเดียวกันจนขนาดที่ว่าเย็นสุดขั้วก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมันได้ !
แม้แต่ไส้และอวัยวะที่เหลือของปลา เป่ยเฟิงก็เอามันแยกใส่ในถังเหล้าไว้อีกที เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะกินพวกมันแต่ก็ไม่ต้องการที่จะเสียมันไป ทั้งไส้และอวัยวะพวกนี้มันสามารถเอามาเป็นอาหารให้กับไม่รู้จักพอและหลุมดำได้
นอกจากนี้เขายังสามารถเอาที่เหลือไปทำเป็นปุ๋ยได้ด้วย ตอนนี้ทุกส่วนของราชามังกรหิมะหยกดำถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่าทุกส่วน !
เป่ยเฟิงกลัวว่าลำไส้และอวัยวะต่าง ๆ จะส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา เขาจึงเอามันไปไว้ข้างนอกบ้านห่างออกไปประมาณ 100 เมตร
"วันนี้ฉันยุ่งทั้งวันจริง ๆ มาดูกันดีกว่าว่ารสชาติของราชามังกรหิมะหยกดำมันจะเป็นยังไง !"
เป่ยเฟิงกลืนน้ำลายแล้วถูมือด้วยความยินดี
เขาหยิบหม้อสมุนไพรออกมาแล้วเติมน้ำลงไป จากนั้นก็ใส่เนื้อปลามังกรเข้าไป 2 จิน แล้วปิดฝาหม้อแล้ววางฟืนไว้ใต้หม้อ
ในไม่ช้าเสียงไฟก็ดังออกมารอบ ๆ ตัวหม้อ บางทีมันอาจจะถูกเข้าใจผิดก็ได้ว่ามันคือปรากฏการณ์ลี้ลับ เพราะรอบ ๆ หม้อตอนนี้มันมีตัวอักษรลอยไปมาเต็มไปหมด
คลื่นความร้อนของมันแผ่ออกมาจนถึงเป่ยเฟิงที่ยืนออกมาไกล ๆ
เป่ยเฟิงไม่กล้าที่จะเติมฟืนเข้าไปอีกเพราะเขากลัวว่ามันจะไปไหม้บ้านของเขาได้ !
ไฟมันลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอักษรรอบ ๆ มันก็เต้นไปมาอย่างมีชีวิตชีวาราวกับว่ามันคือวิญญาณของเปลวไฟ พวกมันเต้นไปมารอบ ๆ หม้อน้ำ !
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไฟก็เริ่มเบาลง อย่างไรก็ตามตัวอักษรรอบ ๆ หม้อมันยังคงลอยอยู่ !
"ก๊อง !"
ลำแสงสีเขียวและสีน้ำเงินพุ่งออกมาลอยขึ้นไปบนฟ้า !
ลำแสงสองสีถูกยิงขึ้นไปประมาณ 1 จาง โดยลำแสงสีน้ำเงินมันมีความหนาเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่ ในขณะที่สีเขียวใหญ่เท่ากำปั้นของเด็กทารก !
กลิ่นหอมจนยากที่จะอธิบายลอยออกมาไปไกลถึง 300 เมตร มันกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ! กลิ่นหอมของมันคล้ายกับกลิ่นโสมในตำนวน มันกระตุ้นจิตวิญญาณของคนที่สูดดมเข้าไปจนยากที่จะต้านทาน !
"กรุ๊ว กรุ๊ว !"
ท้องของเป่ยเฟิงส่งเสียงดังออกมาฉับพลัน กลิ่นหอมนี้มันทำให้เซลล์ทุกชนิดในร่างของเขาเริ่มที่จะร้องไห้ออกมาพร้อม ๆ กัน ราวกับว่ามันต้องการบอกว่ามันหิวกระหายอย่างมาก !
เป่ยเฟิงกำลังสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ การระเบิดครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งตัวอักษรรอบ ๆ หม้อมันก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ !
ไฟที่ใช้กลั่นยาแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่ไฟธรรมดา ชนิดของไฟขึ้นอยู่กับการกลั่นยาแต่ละชีวิต ยิ่งไฟมีคุณสมบัติสูงเท่าไหร่ ยาที่ได้มาก็จะมีคุณภาพที่สูงตาม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้วิธีกลั่นมันก็ตาม แต่การค้นพบครั้งนี้มันให้ผลแบบเดียวกันแม้จะใช้วิธีการที่ต่างกันก็ตาม !
เป่ยเฟิงตั้งข้อสังเกตนี้ไว้ในใจเขา เขาตัดสินใจที่จะทดลองทฤษฏีนี้ต่อไปไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในครั้งหน้า !
เป่ยเฟิงเรียกเย็นสุดขั้วออกมาแล้วใช้พลังไปที่ฟืนด้านล่าง จากนั้นมันก็เกิดเสียงแตกหักดังออกมา
หลังจากนั้นเขาก็เทน้ำลงไปอีกทีมันก็เกิดเสียงซ่าแทน
ถึงจะไม่รู้ว่าหม้อใบนี้ทำมาจากอะไร แต่ทั้งที่โดนไฟร้อนขนาดนี้แต่ก้นหม้อเพียงอุ่น ๆ เท่านั้น ตรงกันข้ามกับซุปในหม้อที่มันเดือดอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันได้ดูดความร้อนจากใต้หม้อทั้งหมดไป
เป่ยเฟิงยกหม้อขึ้นมาแล้วนำมันมาไว้ข้าง ๆ มันยังคงมีฟืนและกองไฟที่ยังไม่ดับส่งคลื่นความร้อนออกมาอยู่
เขาเทน้ำลงไปในกองไฟที่เหลืออยู่ จากนั้นมันก็มีควันขนาดใหญ่โผล่ลอยออกมา หลังจากเทน้ำลงไปถึง 3 รอบ กองไฟและฟืนที่เหลืออยู่ก็ดับลง
ปริมาณน้ำในหม้อมันก็ไม่ได้น้อยมากนัก แต่จากตอนแรกที่มันเป็นน้ำใส ๆ ธรรมดา ตอนนี้มันกลายเป็นซุปสีขาวเหมือนนมแทน ซุปมันมีความเหนียวเหมือนนมอย่างมากและนอกจากนี้ก็ยังมีเนื้อราชามังกรหิมะหยกดำลอยอยู่ข้างบนด้วย
เป่ยเฟิงมองไปที่เนื้อที่มันยังคงเป็นสีเดิมนั่นคือสีชมพูด้วยความสับสน "นี้ มันสุกแล้วใช่ไหม ?"
เขาตักน้ำซุปสีขาวลงในชามแล้วเป่าให้เย็น จากนั้นก็จิบมัน
"ก๊อง !"
เสียงระเบิดดังขึ้นในหัวของเป่ยเฟิงราวกับเสียงฟ้าผ่าในฤดูร้อน !
น้ำซุปพวกนี้ถึงจะเดือดอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อเข้าปากแล้วมันเย็นอย่างมาก ! มันราวกับว่ามันได้แช่แข็งดวงวิญญาณของเขา !
"น่ากลัวมาก !"
เป่ยเฟิงถอนหายใจออกมาด้วยความหนาวเย็น หลังจากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
มันราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องประกายออกมาในดินแดนฤดูหนาว ความรู้สึกที่ถูกแช่แข็งค่อย ๆ ละลายหายไป จิตวิญญาณของเขาตอนนี้มันรู้สึกสดชื่นอย่างมาก !
ปริมาณพลังงานจากซุปที่กระจายในกระเพาะของเขามันเล็กน้อยมากมันเหมือนกับว่าเป็นกระแสไฟฟ้าเล็ก ๆ !
เซลล์นับไม่ถ้วนในร่างของเขามันมีชีวิตชีวาขึ้นมาก พวกมันกำลังส่งเสียงเชียร์ให้เขากลืนเนื้อลงไป
ความรู้สึกนี้มันยากเกินกว่าจะอธิบาย ร่างกายของเขาตอนนี้มันกำลังเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกอัศจรรย์นี้อยู่ !
เป่ยเฟิงไม่สนใจแล้วว่าเนื้อมันสุกหรือยัง เขาคว้ามันขึ้นมาด้วยตะเกียบของเขาก่อนจะกัดมันลงไป
"เวรเอ้ย มันยังไม่สุก !"
ทันทีที่กัดลงไป เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันยังไม่สุก มันมีเพียงหนึ่งในสามของเนื้อเท่านั้นที่สุก ส่วนที่เหลือยังคงดิบอยู่
แม้ว่าสีจะเหมือนกัน แต่เป่ยเฟิงก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าตรงไหนสุกไม่สุก
แต่ถึงแบบนั่นก็ไม่ใช่ว่ารสชาติมันจะไม่ดี มันไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยออกมา
เป่ยเฟิงสามารถบอกได้เลยว่า กองไฟขนาดใหญ่แบบนี้ไม่มีทางที่จะปรุงมันให้สุกได้ !
จริง ๆ แล้วเขารู้ว่าทำไม เนื่องจากอุณหภูมิของเนื้อต่ำเกินไปและไฟที่ยังร้อนไม่พอมันจึงสุกไม่ทั่ว แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหาวิธีอื่นในอนาคต
ใช่แล้ว ตอนนี้เขาน่าจะทำซอสบางอย่างเพื่อที่จะกินมันแบบซาซิมิ !