ตอนที่แล้วบทที่ 11 การมาของหวังเจียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 กฏแปลกประหลาด !

บทที่ 12 สถานการณ์ที่น่าอึดอัดเล็กน้อย


บทที่ 12 สถานการณ์ที่น่าอึดอัดเล็กน้อย

"อา .."

หวังเจียนไม่รู้ว่าฝีมือการทำอาหารของเป่ยเฟิงดีแค่ไหน แต่เขารู้อย่างหนึ่ง: ไอ้เด็กเวรนี้หน้าหนา

'ถ้าฉันรู้ว่ามันจะแบบนี้ ฉันจะไม่ยอมมาที่นี่ แล้วมันบอกได้ไงว่าฉันต้องมาที่นี้อีกครั้งแน่นอน ?' หวังเจียนรู้สึกอยากจะเอารองเท้าฟาดหน้าเป่ยเฟิงอย่างมาก แต่เขาทำได้แค่เดินตามไปเงียบ ๆ แล้วไม่ถามอะไรอีก

"บ้านผมอยู่ข้างหน้านี้เอง !" เป่ยเฟิงชี้ไปที่บ้านเก่า ๆ ข้างหน้า

"แฮ่ก แฮ่ก สุดท้ายเราก็มาถึงซักที ! พระเจ้าบัดซบ อาหารคงไม่ได้รสชาติเหมือนเจ้านั้นใช่ไหม ?"

หวังเจียนไม่ใช่คนเดียวที่เคยมาแล้วถอนหายใจสบถด่า ซึ้งแตกต่างจากเป่ยเฟิงที่กลัวว่าเมื่อหวังเจียงเห็นบ้านแล้วเขาจะหันหลังกลับโดยไม่ได้ลองกินอะไรก่อน !

"อืม ไม่ใช่ที่นี่มันแย่ไปหน่อยหรอ ถึงมันจะดูเก่าไปหน่อยแต่มันก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณเหมือนกันนะ" หวังเจียนยืนอยู่หน้าประตูแล้วพิจารณาเงียบ ๆ

'ฉันคิดว่าถ้าฉันแก่ตัวลงไป ฉันจะสร้างบ้านแบบนี้แล้วไปสนุกกับชีวิตหลังเกษียณ ฉันจะตัดขาดตัวเองออกจากโลกภายนอกแล้วอยู่ในที่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียวหรือน้ำทะเลสีฟ้า' หวังเจียงคิดในใจขณะกำลังเดินสำรวจลานหน้าบ้าน

"คุณหวัง เชิญทางนี้" เป่ยเฟิงนำทางหวังเจียงกับหลิวซุยเข้ามาห้องที่เขาได้ตกแต่งด้วยความพยายามอย่างมาก

"เยี่ยม !"

หวังใจรู้สึกประทับใจในสิ่งที่เขาเห็น การออกแบบและตกแต่งห้องออกอาหารนี้มันดีกว่าโรงแรมห้าดาวซะอีก !

"โปรดรอซักครู่ เดียวผมไปทำอาหารในห้องครัวก่อน" เป่ยเฟิงเทชาที่เขาเก็บมาจากภูเขา ในขณะที่รีบวิ่งออกไปห้องครัวเพื่อทำอาหารโดยมีหวังเจียงกับหลิวซุยสำรวจห้องอาหาร

เป่ยเฟิงรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็วเหมือนลมกระโชกแรง เขากังวลเกี่ยวกับน้ำซุปที่เขาปล่อยทิ้งไว้เล็กน้อย เขายกฝาขึ้นมาแล้วตรวจสอบมันทันที

ยังดีที่โชคเข้าข้างเขา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับซุปไก่ ปัญหาเดียวก็คือมีสมุนไพรบางส่วนถูกต้มนานเกินไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซะทีเดียว

แม้ว่าเขาจะกินเนื้อไก่ยักษ์มาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้กินมัน

ทันทีที่ยกฝาขึ้น ได้มีกลิ่นหอมลอยออกมาจากห้องครัวตรงเข้าไปในห้องอาหารทันที

"ฟิ๊ด ฟิ๊ด"

"โอ้ หอมมาก ! อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กนี้สามารถทำอาหารชั้นยอดได้?" หวังเจียงไม่สามารถทำอะไรได้ เขาทำได้แค่สูดกลิ่นของอาหารพวกนี้ไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

หลังจากตรวจสอบแน่ใจแล้วว่าซุปไก่พร้อมแล้ว เป่ยเฟิงก็รีบทำอาหารจานอื่น ๆ ด้วยกระทะใบใหญ่ของเขาทันที !

ไม่นานอาหารทั้งหมดก็เสร็จแล้ว อย่างเดียวที่เหลืออยู่คือการนำมันไปเสิร์ฟ

ไก่ย่างกับแครอท ปลาต้มกับกะหล่ำปลีดอง เนื้อปลาทอดและอาหารอื่น ๆ อีกสองสามจานถูกวางเรียงบนถาดอย่างสวยงาม

"อ่า อีกนานไหม ?"

ความเร็วในการทำอาหารของเป่ยเฟิงถือว่าค่อยข้างเร็วกว่ามาตรฐานปกติ แต่อย่างไรก็ตาม หวังเจียนเริ่มหมดความอดทนโดยเฉพาะกระเพาะของเขาที่มันดังด้วยความโกรธ ถ้าตะโกนได้มันคงจะตะโกนว่าหิวแล้ว !

นอกจากนั่นเขายังเหนื่อยกับการเดินทางมาที่นี่อยู่เลย คู่กับกลิ่นที่ลอยออกมาจากห้องครัว มันแทบจะทำให้หวังเจียงบุกเข้าไปในห้องครัวเลยทีเดียว

"ฉันไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี้ทำอาหารอย่างแรกเสร็จหรือยัง ? อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กนี้มันรอทำอาหารเสร็จให้หมดก่อนแล้วค่อยยกมา ?" หวังเจียนถามหลิวซุยด้วยท่าทางหงุดหงิด

"ผมก็ไม่ทราบ บางทีอาจเป็นบุคลิกแปลก ๆ ของเขาก็ได้นะครับ " หลิวซุยมองไปที่หวังเจียงแล้วตอบด้วยเสียงจะหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก จากนั้นเขาก็คิดกับตัวเองว่า "แต่เอาจริง ๆ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีคนทำอาหารจนกลิ่นหอมได้ขนาดนี้ มันสุดยอดมาก"

"ขอโทษที่ให้รอนาน อาหารได้แล้วครับ !"

เป่ยเฟิงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารแล้ววางไว้บนโต๊ะ

"โอ้ ฮาฮ่าฮาฮ่า ในที่สุดมันก็มาแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะได้กินแล้ว !" หวังเจียงหัวเราะไม่หยุดจากนั่นเขาก็เอาตะเกียบคีบด้วยความเร็วแสงไปที่ปลาเนื้อขาวฉ่ำ ๆ

"โอ้พระเจ้า! มันอร่อยสุดยอดขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!" หวังเจียนรู้สึกว่าปลาในปากของเขาละลายไปแล้วได้ตะโกนออกมา

ปลามีเนื้อที่อ่อนนุ่มอย่างมาก ไม่มีก้างปลาเลย ความสดของปลาก็สมบูรณ์แบบเมื่อได้จับคู่กับความเปรี้ยวของกะหล่ำปลีดอง

หลังจากที่กินปลาไปสี่หรือห้าคำแล้ว หวังเจียนก็หันมาสนใจไก่ย่างกับแครอท

เขาหยิบไก่ขึ้นมาด้วยตะเกียบเบา ๆ แล้วนำเข้าปาก ในไม่ช้าก็มีรสชาติระเบิดออกมาในปากของเขาทำให้เขาพูดไม่ออก ไก่ดูดซึมรสชาติของสมุนไพรไป และไหนจะส่วนผสมที่ลงตัวนี้อีก ซอสที่ทาอยู่ตรงไก่ ทุกอย่างมันได้รวมกัน มันพูดได้คำเดียวว่า Perfect!

รสชาติของเครื่องเคียงเมื่อกินคู่กับไก่จานนี้ มันทำให้รู้สึกได้ว่านี้ไม่ใช่อาหารของโลกนี้แล้ว นี้มันอาหารจากนอกโลกแน่ ๆ !

ในขณะที่เป่ยเฟิงเชิญหวังเจียงกับหลิวซุยมาเป็นแขกรับเชิญในมื้อนี้ เขาก็นั่งลงข้าง ๆ ทั้งคู่แล้วเริ่มกินอาหารด้วย

ไม่มีการพูดคุยกันเลย ในขณะเดียวกันสิ่งที่พวกเขาทำคือก้มหน้าฝังหัวลงไปในชามแล้วกินอย่างหิวกระหาย

'โอ้ ! ไม่เลว ! ความอร่อยที่แท้จริงนี้มัน ถ้าเจ้าเด็กนี้ไม่เรียกร้องอะไรมากเกินไป ฉันก็ยินดีจะตอบรับคำขอของเขา !' หวังเจียงคิดกับตัวเอง เขารู้สึกได้ว่าเป่ยเฟิงไม่ได้เรียกเขามาที่นี่เพื่ออาหารแสนอร่อยแค่นี้แน่นอน มันต้องมีอะไรที่เขาจะร้องขอแน่นอน !

'เอ๊ะ ? มันยังมีเนื้อเหลืออยู่ !'

หวังเจียงเห็นไก่ชิ้นสุดท้ายวางอยู่ใกล้ ๆ แครอท เขาใช้ตะเกียบรีบหยิบขึ้นมาโดยไม่ลังเล

'ตาแก่บอกกับฉันว่าหากฉันอยู่ข้างบอสหวัง ฉันจะได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเขา สุดท้าย ฉันก็แน่ใจแล้วว่าถ้าฉันได้อยู่ข้าง ๆ เขา ฉันจะได้กินอาหารรสเลิศแบบนี้มากขึ้นและมากขึ้นแน่นอน ถึงฉันจะไม่ได้จู้จี้จุกจิกกับพวกอาหารก็เถอะ แต่ฉันจะต้องกินอีก !' [1]

ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จะมีความอยากอาหารมากกว่าคนธรรมดา หลิวซุยเป็นพวกชอบกินของอร่อย นอกจากนี้ความสามารถในการใช้ตะเกียบของเขาก็ถึงขั้นสมบูรณ์แบบมานานแล้วทุกครั้งที่เขาเห็นอาหารอยู่ข้างหน้าเขาจะคีบมันโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่เขายื่นตะเกียบออกมา มันจะมีเนื้อกลับไปด้วยทุกครั้ง ด้วยความพยายามของเป่ยเฟิงและหวังเจียน มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีพวกเขาจะสู้หลิวซุยได้ !

ทันใดนั้นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจก็เกิดขึ้น เนื่องตอนนี้มีตะเกียบ 3 คู่วางอยู่บนไก่ชิ้นสุดท้ายกลางโต๊ะ

สายตาของทั้งสามประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างเหมือนจะช้าลง โดยการตอบสนองอย่างรวดเร็วของเป่ยเฟิง เขารีบดึงมือกลับขึ้นมาทันที

หลิวซุยก็ตระหนักได้ว่าเขาอาจจะกินมากเกินไปเขาจึงรีบถอยกลับแล้วอยู่นิ่ง ๆ ทันที

ต่างจากหวังเจียงที่รู้สึกอึดอัดมากขึ้น แม้ว่าฉากทั้งหมดจะเกิดขึ้นโดยใช้เวลาอธิบายได้ แต่ความจริงคือมันเกิดขึ้นในพริบตา [2] ตะเกียบทั้งสามคู่พุ่งไปหาไก่ชิ้นสุดทายในเวลาเดียวกัน แต่เป็นพวกเขาทั้งสองคนที่ถอยออกมาทันทีที่เห็นตะเกียบของเขา ถึงมันจะสายเกินไป แต่ก็เหมือนกับการให้ความเคารพโดยให้มันเป็นของเขาเช่นกัน

"แค่ก ! หื้ม !'

"อ๊าผมจำได้ว่ามีซุปอยู่ในห้องครัว เดียวผมไปเอามาก่อน" เป่ยเฟิงกลาวด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแล้วลุกออกไปทางห้องครัว

"ฟิ้ว !"

หวังเจียนถอนหายใจ 'โชคดีที่สวรรค์เมตตาฉัน นี้เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจที่สุด !'

หลังจากนั่นตะเกียบของเขาก็คีบไก่ชิ้นสุดท้ายแล้วนำมันเข้าปาก

เป่ยเฟิงรีบกลับมาพร้อมชามซุปขนาดใหญ่ ทั้งสามคนไม่ให้เวลาเสียเปล่า พวกเขารีบซดน้ำซุปในทันที ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถกินอะไรได้อีกแล้ว

"อ๊าา มันนานมากแล้วจริง ๆ ที่ฉันไม่ได้กินอาหารมากขนาดนี้ ฉันไม่คิดจริง ๆ ว่าทักษะการทำอาหารของนายจะสุดยอดขนาดนี้ !" หวังเจียงพูดด้วยความหนักแน่น นี้เป็นอาหารที่ดูเรียบง่าย แต่ก็ทำให้พวกเขาทั้งสามคนเหมือนหมูที่หิวโหยได้

"เฮ้ เด็กน้อย นายยังไม่ได้บอกชื่อของนายเลย!"

หวังเจียงมองที่เป่ยเฟิงอย่างจริงจัง

"คุณสามารถเรียกผมว่า หลานเฟิง ผมสงสัยว่าคุณหวังพอใจกับอาหารมื้อนี้หรือไม่ " เป่ยเฟิงถาม

'ได้เวลาเข้าส่วนสำคัญแล้ว !'

ความคิดดังกล่าวกระพริบผ่านใจของเป่ยเฟิง ในขณะที่กำลังรอคำตอบจากหวังเจียง

"พอใจมาก ฉันคิดว่าฝีมือการทำอาหารของนายมันดีกว่าพวกร้านอาหารห้าดาวซะอีก! " หวังเจียงตอบด้วยความจริงใจ

"เยี่ยม ผมมีคำขอร้องคุณหวังเล็กน้อย ผมจะเปิดธุรกิจร้านอาหารพรุ่งนี้ ผมอยากให้คุณหวังช่วยโปรโมทให้หน่อย" เป่ยเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

"แค่นี้ ?"

หวังเจียงมองเป่ยเฟิงด้วยสายตาแปลก ๆ เขาคิดว่าเป่ยเฟิงจะขออะไรมากกว่านี้ซะอีก

"แค่นี้แหละครับ" เป่ยเฟิงสูญเสียความมั่นใจนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าที่เขาทำมามันจะสูญเปล่าหรอกนะ ?

"โดยทักษะการทำอาหารของนาย นายจะมาเสียเวลากับที่นี่ทำไม ฉันมีโรงแรมห้าดาวภายใต้บริษัทของฉัน นายสามารถเข้ามาทำงานที่นี่และได้ตำแหน่งหัวหน้าพ่อครัวตามที่ได้หวังได้เลย " หวังเจียงเปลี่ยนข้อเสนอเล็กน้อย

"ไม่จำเป็น แต่ขอบคุณสำหรับข้อเสนอพิเศษนี้ แต่ผมชอบความเป็นอยู่ปัจจุบันมากกว่า" เป่ยเฟิงไม่ได้ต้องการเลย เขารู้ขีดจำกัดของเขาดี เหตุผลเดียวที่เขาสามารถทำอาหารรสชาติอร่อยขนาดนี้ได้มันก็เพราะวัตถุดิบเท่านั้น ถ้าให้เขาทำอาหารในร้านอาหารละก็ บางทีเด็กเสิร์ฟในร้านยังทำอาหารได้อร่อยกว่าเขาซะอีก

หลังจากที่เขาล้มเหลวกับหลาย ๆ อย่าง แต่ในที่สุดเขาก็เจอที่ ๆ ของตัวเองแล้ว !

"ทำไมนายถึงไม่อยากเป็นหัวหน้าพ่อครัวร้านอาหารระดับห้าดาวละ นายมีอนาคตที่ยอดเยี่ยม ไหนจะความสามารถในการทำอาหารระดับนี้อีก ทำไม?"

หวังเจียงไม่เข้าใจ หัวหน้าพ่อครัวร้านอาหารระดับห้าดาวถ้าเทียบกับร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในชนบท ถ้าจะให้เลือกละก็ ใคร ๆ ก็รู้ว่าควรเลือกอะไร .. ใช่ไหม ?

"ผมเหมือนคนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง .... ที่ผมเริ่มทำร้านอาหารนี้ก็เพื่อต้องการหนีชีวิตในเมือง ที่ต้องตื่นมาเช้างานตอน 9:00 น. แล้วทำงานจนถึง 5 โมงเย็นหน่ะครับ" เป่ยเฟิงตอบคำถามเบา ๆ ด้วยความทรงจำที่ปรากฏบนหน้าของเขา

**************

เหมือนเดิม ฝากเพจด้วยงับ

https://www.facebook.com/Fishing-the-Myriad-Heavens-354050028359720/

*****************

[1] TL/N: ตาแก่ในที่นี้น่าจะหมายถึงปู่หรือพ่อนะครับ

[2] ED/N: เป็นวลีของพวกคนจีนที่ใช้กันบ่อย ๆ ที่จะอธิบายแบบยาว ๆ แต่จบลงด้วยความรวดเร็ว พวกเขาจึงใช้วลีนี้แทนคำบ่อย ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด