บทที่ 118 ชีวิตก็เหมือนกับหิมะที่โดดเดียว !
บทที่ 118 ชีวิตก็เหมือนกับหิมะที่โดดเดียว !
เป่ยเฟิงโยนฟืนเข้าไปในกองไฟ หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงเป๊าะแป๊ะออกมาให้ได้ยิน
30 นาทีต่อมาไป่เซียงก็ตื่นขึ้นมา เขาเปิดประตูและเห็นเป่ยเฟิงกำลังทำอาหารด้วยหม้อใบใหญ่อยู่
"เจ้านาย ทำไมคุณถึงอยู่บ้าน ?" ไป่เซียงถามด้วยความประหลาดใจ
จากที่เขาจำได้ เป่ยเฟิงส่วนใหญ่จะใช้เวลาในตอนเช้าข้างนอก เขาจะกลับมาก็ต่อเมื่อ 7 หรือ 8 โมงเช้า
เป่ยเฟิงโยนฟืนลงไปที่กองไฟจากนั่นก็พยักหน้า "นายยังไม่ต้องไปตอนนี้ใช่ไหม ? ฉันอยากให้นายมากินอาหารที่ฉันทำก่อน .. ก่อนที่นายจะไม่ได้กินมันอีกเป็นเวลานานหลังจากวันนี้เป็นต้นไป"
ไป่เซียงนั่งลงที่โต๊ะที่วางไว้ใต้ต้นไทร เขารอจนกระทั่งอาหารได้ทำเสร็จแล้ว
ช่วงเวลาอาหารเช้านี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่อนิจจา สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องมีจุดสิ้นสุด "เจ้านาย ผมต้องไปแล้ว ผม ... ผมจะกลับมาอีกแน่นอนเมื่อฝึกเสร็จแล้ว !" ไป่เซียงยิ้มแล้วพูดออกมา
"เอิ่ม เอาหมายเลขบัญชีของนายมา ฉันจะโอนเงินเอาเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางให้" เป่ยเฟิงกลืนเนื้อในปากลงแล้วพูด "อย่าปฏิเสธ อย่าลืมว่าคนเราต้องใช้เงินและตอนนี้นายกำลังจะเดินทางออกจากบ้าน แน่นอนว่ามันต้องใช้เงินจำนวนมาก !"
ไป่เซียงกำลังจะเปิดปากปฏิเสธเป่ยเฟิง แต่ใครก็ทำไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ต้องให้หมายเลขบัญชีไปด้วยความมึนงง
เป่ยเฟิงพยักหน้าแล้วโอนเงินเข้าไปในบัญชีของไป่เซียง 100,000 หยวน จากนั้นเขาก็ตบไหล่ไป่เซียง "เอาล่ะ นายก็อยู่กับฉันมานานแล้วนะ ถึงแม้ว่าอาหารที่นายกินทุกมื้อปริมาณมันจะน่ากลัวมากก็เถอะ ! แล้วตอนนี้นายก็ต้องไปแล้ว ฉันคงประหยัดพวกมันได้นิดน้อยสินะ"
ไป่เซียงยิ้มออกมาอย่างจริงใจ เขารู้ว่าตอนนี้เป่ยเฟิงกำลังล้อเล่นเขาอยู่ เขากลับไปที่ห้องแล้วหยิบเสื้อผ้าไม่กี่ตัวใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป
เป่ยเฟิงยังคงกินอาหารอยู่ด้วยความเงียบเหงา มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าเขาลืมบางอย่างไป ... ใครจะเป็นคนล้างจาน ?
เป่ยเฟิงรู้สึกอยากจะวิ่งไปตามไป่เซียงแล้วมาให้เขาล้างจานก่อนจะออกไป !
แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาเงยหัวขึ้นแล้วคร่ำครวญออกมา "ชีวิตที่แท้จริงมันช่างโดดเดี่ยวราวเหมือนกับหิมะ !"
หลังจากที่หมกมุ่นกับความรู้สึกนี้ เป่ยเฟิงก็ลุกขึ้นแล้วเก็บจานอาหาร
"มิ้ว !"
จิ้งจอกน้อยกระโดดไปมาเมื่อมันเห็นว่าเป่ยเฟิงกำลังล้างจาน จากที่มันเห็นคือสิ่งที่เป่ยเฟิงทำอยู่มันดูน่าสนุกมาก มันกระโดดไปมาระหว่างอ่างล้างจานกับที่วางจานอย่างสนุกสนาน แต่สุดท้ายมันก็ถูกเป่ยเฟิงจับไว้
"นี้มันเรื่องตลก ? ฉันกำลังล้างพวกมันอยู่ อย่าทำให้มันสกปรกสิ !"
เป่ยเฟิงวางเจ้าขนฟูลงกับพื้น ถึงเขาจะไม่รู้วิธีล้างจานที่ถูกต้องก็ตาม แต่หัวใจของเขายังไม่ลืมเรื่องที่เขาได้โชคร้ายไปเมื่อไม่กี่วันก่อนมานี้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความกลัวของเขาก็ได้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าใช้จานที่ถูกล้างไปด้วยเท้าของจิ้งจอกน้อยอยู่ดี
ในขณะที่เขากำลังยุ่งอยู่กับงานอดิเรกของเขา ก็มีเสียงเคาะประตูดังออกมาจากทางเข้าหน้าบ้าน
เป็นคนงานที่มาซ่อมแซมบ้าน เป่ยเฟิงจึงปล่อยให้พวกเขาเข้ามา จากนั้นเขาก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ บางครั้งเขาก็เล่นกับจิ้งจอกและหมาป่าตัวน้อยทั้ง 2 บ้าง
เนื่องจากมีคนงานอยู่ เป่ยเฟิงจึงไม่สามารถฝึกเทคนิคการปรับอุณหภูมิในร่างได้ นอกจากนี้ยังมีความลับอีกมากที่ซ่อนอยู่ในบ้าน ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงต้องเป็นคนดูแลคนงานด้วยตัวเขาเอง
สองวันผ่านไปในพริบตา ห้องพักได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ห้องพักพวกนี้มันดูว่างเปล่าและเรียบง่าย พวกมันไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับห้องข้าง ๆ
ใต้ต้นไทร มีใบไม้สีเหลืองหล่นลงมาอย่างชา ๆ โดยทั้งต้นไม้มันเหลือใบไม้อยู่ครึ่งเดียว มันเป็นเพราะเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ที่ทำให้มันเป็นแบบนี้
"ริ๊ง ริ๊ง "
เป่ยเฟิงตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ เขาหยิบขึ้นมารับด้วยความเฉือยชา
"เซียวเฟิง กำไรที่หลานอยากให้ลุงทำให้เสร็จแล้ว มาเอามันไปได้เลย"
เป่ยเฟิงนึกถึงรากที่เขาเคยให้ไว้กับลุงเซียงเมื่อวันก่อน "อ่า ขอบคุณมากลุงเซียง เดียวผมไปเอา !"
หากลุงเซียงไม่โทรมาเขาคงจะลืมเรื่องทั้งหมดนี้ไปแล้ว เขานึกถึงเหตุการณ์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาเกือบลืมไปเลยว่าเขาได้ให้รากแปลก ๆ กับลุงเซียง
เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะล็อคบ้าน สำหรับความปลอดภัยของบ้านตอนนี้เขาได้มอบหมายให้กับหมาป่าน้อยทั้ง 2 เรียบร้อย หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน
หลังจากที่เขาซื้อของใช้ประจำวันอย่างข้าว น้ำมัน เกลือเสร็จเขาก็ไปร้านของลุงเซียง ในตอนนั้นได้มีชายชรากับเด็กหนุ่มนั่งอยู่ในร้านกำลังพูดคุยกับลุงเซียงอยู่ เป่ยเฟิงไม่ได้ไปขวางการสนทนาของพวกเขา เขาทำแค่นั่งลงในอีกมุมหนึ่งของร้านเพื่อรอพวกเขาคุยกันเสร็จ
"เถ้าแก่ ฝีมือของคุณยอดเยี่ยมมาก แต่มันน่าเสียดายที่วัสดุพวกนี้มันธรรมดาเกินไป"
ชายชราที่น่าจะมีอายุ 60 กว่าปี บนหัวของเขามีเส้นผมสีเงินกว่าครึ่งหัวแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเมื่อมองไปที่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในร้าน
เซียงเฉินหัวเราะอย่างขมขื่น เขาไม่สามารถพูดความจริงได้ว่าเขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อวัสดุที่ดีกว่านี้เนื่องจากเขาไม่สามารถทำให้ลูกค้าพอใจกับคุณภาพงานพวกนี้ได้ ต่อให้งานสร้างของเขาดีแค่ไหน สุดท้ายก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสนใจมัน
"ฉันสงสัยว่า .. ทักษะการแกะสลักของเถ้าแก่เป็นยังไง ?"
ชายชรามองไปที่เซียงเฉินด้วยสายตาแหลมคม เซียงเฉินไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาเพียงแค่หยิบเหยี่ยวแกะสลักจากไม้ข้าง ๆ เขาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
นี้คือการพิสูจน์ถึงฝีมือของเขา เซียงเฉินมั่นใจอย่างมากในทักษะการแกะสลักของเขา
เมื่อมองเห็นเรื่องนี้ เป่ยเฟิงก็เริ่มที่จะสนใจแล้ว ตั้งแต่ช่วงเย็นเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว นอกจากนี้จิ้งจอกตัวน้อยบนบ่าของเขามันยังเอียงหน้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
การแกะสลักนี้งดงามและเหมือนจริงมาก ปีกของเหยี่ยวที่ยาวและคม หางของมันที่ดูว่องไว ไหนจะความรู้สึกที่ว่ามันกำลังบินอยู่ในอากาศด้วยความว่องไวและสมจริงอีก กรงเล็บของมันดูคมอย่างมาก นอกจากนี้ท้องของมันจากสีเดิมของไม้ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นสีขาวมีลวดลายสีเทารวมทั้งเสริมสร้างลวดลายลงไป
เส้นโค้งที่เห็นได้ชัดบนปากของมันแสดงให้เห็นได้ว่ามันสามารถฉีกกระชากเหยื่อของมันได้แรงแค่ไหน นอกจากนี้มันยังมีแผลและรายระเอียดต่าง ๆ อยู่ที่ขนของมันเพื่อทำให้ดูสมจริงมากขึ้น
มันสามารถรู้สึกถึงความดุร้ายและความต้องการในการฆ่าของเหยี่ยวได้ทั้งที่มันเป็นเพียงแค่ไม้แกะสลัก ! มันราวกับว่าจิตวิญญาณของเหยี่ยวที่แท้จริงถูกปลดปล่อยออกมาจากการแกะสลักนี้ !
"ดี ! แกะสลักได้เยี่ยม ! ถึงแม้ว่าตัวไม้จะธรรมดาแต่การแกะสลักนี้มันก็สามารถเพิ่มคุณค่าของมันได้กว่าพันเท่า !" ชายชราสังเกตเหยี่ยวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตบมือด้วยความยินดี
ซองเหวินไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเจอคนที่สุดยอดได้ขนาดนี้จากการเลือกร้านแบบสุ่ม ๆ ของเขา เขาตกหลุมรักเหยี่ยวนี้ทันทีที่เขาเห็นมัน "ฉันสงสัยว่าเถ้าแก่จะขายเหยี่ยวนี้ให้กับฉันได้หรือไม่ ฉันยินดีจะจ่ายมัน 30,000 !"
30,000! เงินจำนวนขนาดนี้มันเพียงพอที่จะทำให้เขามีความสุขในได้หลายเดือน ! แต่อย่างไรก็ตาม เหยี่ยวนี้มันมีความหมายพิเศษกับเขา
เซียงเฉินขัดแย้งอยู่ครู่หน่อยก่อนจะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว การแกะสลักชิ้นนี้เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขา บางทีต่อให้เขาแกะสลักชิ้นอื่น ๆ มันก็ไม่สามารถเอามาเทียบได้เลยต่อให้เขาทำมันตลอดทั้งชีวิตก็ตาม !
เมื่อเห็นเซียงเฉินส่ายหัว ซองเหวินก็รู้สึกเสียใจในใจเขา "ไม่เป็นไร มันเป็นสมบัติของคุณ ฉันจะไม่ขอยุ่งกับมันละกัน แต่ฉันสงสัย ถ้าหากฉันหาวัสดุมาให้ คุณจะยอมแกะสลักให้ฉันไหม ?"
"ไม่มีปัญหา แต่ผมไม่รู้ว่าต้องแกะสลักอะไร ต้องรอจนกว่าจะรู้ว่ามันคืออะไรผมถึงจะตัดสินใจได้ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะแจ้งให้คุณรู้เองหากว่าทำมันได้"
หลังจากที่คิดดีแล้ว เซียงเฉินก็ยอมรับโดยไม่ลังเล