ตอนที่แล้วบทที่ 9 เคล็ดการหายใจด้วยแสง !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11 การมาของหวังเจียน

บทที่ 10 จงคว้าโชคที่ได้รับจากสวรรค์และจงหยั้งรู้ถึงความลึกซึ้งของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ !


บทที่ 10 จงคว้าโชคที่ได้รับจากสวรรค์และจงหยั้งรู้ถึงความลึกซึ้งของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ !

เป่ยเฟิงกำลังมองตัวอักษรยึกยือแปลก ๆ บนหน้าปกตำรา เขาคิดว่ามันต้องเป็นของสุดยอดแต่ว่ามันจะสุดยอดได้ยังไงในเมื่อเขาไม่สามารถอ่านมันได้

เป่ยเฟิงหยุดความคิดที่บ่นอยู่ ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีภูเขาทองอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถเข้าไปหยิบมันได้

"ลองดูข้างในก่อนละกันว่าเป็นยังไง"

เป่ยเฟิงไม่ได้หวังอะไรมากสำหรับสิ่งที่อยู่ข้างในมัน บางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่อยุ่ข้างในเลยก็ได้ แต่ความจริงคือเขาไม่สามารถเมินเฉยของที่ขึ้นมาจากบ่อน้ำได้ อีกอย่างไหนจะการแนะนำของระบบนั่นอีก !

ทำให้ร่างกายหลุดพ้นหรือแก่น้อยลงกับการปรับโครงสร้างของร่างกาย ? ไม่ใช่ว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดงั้นหรือ ? เคล็ดวิชานี้มันจะท้าทายสวรรค์จนถึงขนาดรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้หรือไม่ !

เป่ยเฟิงค่อย ๆ เปิดตำราออก สิ่งที่เขาพบก็คือ .. ว่างเปล่า ! มันไม่มีอะไรเลย มันไม่เหมือนที่เขาหวังไว้ แต่ก่อนที่เขาจะปามันทิ้งทันใดนั่นก็มีแสงพุ่งออกมาจากหนังสือตรงเข้าไปที่หน้าผากของเขา !

"ปัง !"

เป่ยเฟิงเหมือนหัวกำลังจะระเบิด ความรู้มากมายพุ่งเข้าใส่สมองของเขา! ข้อมูลทั้งหมด การฝึกเคล็ดต่าง ๆ ของเคล็ดการหายใจด้วยแสง ถูกส่งตรงเข้าสมองของเขา

หลังจากนั่นซักพัก เป่ยเฟิงค่อย ๆ ลืมตา เขาค่อย ๆ หายใจเข้าช้า ๆ สงบสติตัวเอง

"มันเหมือนการรู้แจ้ง ใช่ไหม ?"

เป่ยเฟิงรู้สึกเหมือนกบในกะลาที่อยู่ใต้บ่อน้ำ ตอนแรกเขารู้สึกเสียใจมากที่ไม่เข้าใจภาษาพวกนี้ .. แต่ใครจะไปคิดว่าวิธีการใช้มันคือแค่เปิดหนังสือแล้วมันก็จะพุ่งเข้ามาในหัวของเขากัน ?!

เป่ยเฟิงผู้ไม่เคยเข้าใจตัวหนังสือหน้าปกในตอนแรก แต่ตอนนี้เขากลับเข้าใจเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้อย่างสมบูรณ์

"ในฐานะที่เป็นหนึ่งในความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก คุณต้องดูดซับแสงแรกของวันทุก ๆ วันด้วยตัวของคุณเอง จงคว้าโชคที่ได้รับจากสวรรค์และจงหยั้งรู้ถึงความลึกซึ้งของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ! !"

นี่เป็นส่วนหนึ่งของการแนะนำตำราเคล็ดการหายใจด้วยแสง !

การหายใจเป็นความสามารถธรรมชาติของทุกชีวิต คนปกติสามารถหายใจในอากาศรอบ ๆ ตัวเขาได้ แต่นั้นก็เหมือนเอาสิ่งสกปรกเข้าไปด้วยเช่นกัน แตกต่างจากนักรบพวกนี้นัก เพราะเมื่อพวกเขาหาจใจแล้วเขาจะนำพลังงานที่ได้จากสวรรค์และโลกเข้าไปแทน มันเป็นความสามารถที่ไม่น่าเชื่อ !

มีตัวอักษรกว่า 900 ตัวในเคล็ดการหายใจด้วยแสง แต่ถึงอย่างนั่นสิ่งสำคัญของตำรามันกลับถูกถ่ายทอดได้ออกมาอย่างดีเยี่ยม [1]

ความจริงของประโยคที่ว่าคำเดียวรู้แจ้งช่างเห็นผลจริง ๆ ต่างจากการสอนจากพระคัมภีร์หลาย ๆ อย่างที่นอกจากหาสาระไม่ได้แล้วยังทำให้ผู้คนเข้าใจมันผิดแปลกจากเดิมอีก

ไม่เพียงแต่เป่ยเฟิงจะเข้าใจเคล็ดการหายใจด้วยแสง นอกจากนี้เขายังเข้าใจลึกซึ้งของขั้นตอนการฝึกฝนจากหลาย ๆ รุ่นก่อนตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา รวมถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

เป่ยเฟิงแทบจะทนที่จะฝึกมันไม่ได้ แต่อนิจจาพวกมันจะฝึกได้ก็ต่อเมื่อเข้าอาบแสงอาทิตย์ในตอนเช้าเท่านั่น ตอนนี้เป็นตอนกลางวันที่มีดวงอาทิตย์สูงบนหัวของเขา นอกจากนี้มันยังเป็นดวงอาทิตย์ที่ปล่อยแสงร้ายแรง และโคตรร้อนที่สุดออกมาด้วย ! [2]

นอกจากเป่ยเฟิงจะได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว ถึงแม้เขาจะปวดหัวนิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บตัวมากนัก

เขานวดขมับที่หัวเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน คลื่นความเมื่อยล้าเข้าจู่โจมเขาทันที หลังจากที่เปิดทีวีให้มันดูเขา [?] แล้วเขาก็ล้มนอนหลับลงไป

******

วันรุ่งขึ้นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะโผล่ออกมา เป่ยเฟิงนั่งหลับตาอยู่บนเตียง เขารีบตื่นขึ้นมาหลังจากพักผ่อนเพียงพอแล้ว ตอนนี้เขาไม่ปวดหัวอีกต่อไปทั้งยังเต็มไปด้วยพลังและความสดชื่น

'ฉันนอนมานานแค่ไหนกัน .. ?' เป่ยเฟิงบิดขึ้เกียจอย่างช้า ๆ ขณะที่มองไปที่เวลาบนโทรศัพท์ของเขา มันเป็นเวลาตี 4 มันทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

เขานอนหลับตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงตอนนี้ !

"โชคดีที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น!" เป่ยเฟิงเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ได้ เขารีบลุกออกจากเตียงล้างหน้าทำธุระส่วนตัวแลวรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน

ถนนสายหลักของภูเขาชิงหลิง มันเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยเล็กน้อย

ในตอนเด็กเป่ยเฟิงเคยปีนขึ้นไปบนภูเขาชิงหลิง เขาใช้เส้นทางลับที่ซ่อนอยู่หลังบ้านเพื่อไปจับไก่ป่ากับกระต่ายหลาย ๆ ครั้ง

มันจึงทำให้เป่ยเฟิงคุ้นเคยกับภูมิประเทศรอบภูเขา ทำให้การปีนขึ้นไปยอดเขาภูเขาชิงหลิงนั่นง่ายมาก เพียงแค่เดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ เท่านั้นเอง

ด้วยความพยายามเล็กน้อยของเป่ยเฟิง เขาได้มาถึงยอดเขาชิงหลิงแล้ว เขายืนอยู่บนขอบหินที่ยื่นออกมาจากภูเขา มันเหมาะที่จะใช้เป็นที่รับแสงแรกของวันอย่างมาก ตรงเขตนี้เป็นเขตที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มันจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้ามา มันทำให้เป่ยเฟิงสะดวกในการฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสงที่นี่อย่างมาก

เกี่ยวกับวิธีการหายใจของคนปกติก็คือหายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก สลับกันไปมาแล้วแต่บุคคล

แต่สำหรับการหายใจด้วยแสง จะเป็นการหายใจที่ต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นการ เปิด ปิด ยก วาง ดัด ขยาย ขึ้น ลง หมุน เกร็งและอื่น ๆ ที่สามารถใช้หายใจเมื่อตอนออกกำลังกายได้ การหายใจนี้จะเป็นการหายใจโดยที่ไมใช่ลมหายใจ หรือ หายใจน้อยลง บางคนถึงขนาดนี้ไม่ต้องหายใจเลยก็มี

วิธีการหายใจแปลก ๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากสำหรับเป่ยเฟิง เขาลองเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ ในใจของเขากำลังจดจำพวกมันอย่างแน่นหนาและมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด แล้วจึงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์และรอต่อไป

วางเท้าทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน ยืนตรง เป่ยเฟิงกดน้ำหนักไปที่ขาขวาก่อนแล้วจากนั่นจึงยกขาซ้ายขึ้น แล้วค่อยๆวางขาซ้ายเปลี่ยนท่าทาง หลังจากนั่นหมุนแขนทั้งสองข้างเอียงตัวไปข้างหลัง แล้วหันมือไปรอบ ๆ งอเข่าเล็กน้อย หมุนแขนทั้งสองข้างออก พร้อมกับเกร็งหน้าท้อง

ร่างกายของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายและจิตใจค่อย ๆ สงบลง ยกคอขึ้นยืดไหล่และหลังทั้งหมดขึ้น ในขณะที่เน้นไปที่จุดศูนย์รวมของร่างกาย

เป่ยเฟิงเคลื่อนไหวด้วยท่าแปลกๆแบบนี้อีกสองถึงสามครั้ง จากนั่นเขาก็เสียสมดุลเนื่องจากรักษาระดับของจุดศูนย์กลางไม่ได้

เขากอดแขนทั้งสองข้างไว้ที่หน้าอก เหยียดมือออกไปเพื่อหมายจะกอดโลกนี้เอาไว้ งอเข่าเล็กน้อย แล้วค่อย ๆดันฝ่ามือไปข้างหน้า แล้วตรงหัวเข่าค่อย ๆ หมุน จากนั่นค่อย ๆ ไล่จากหัวเข่าไปยังแขน ช้า ๆ

เมื่อเป่ยเฟิงหายใจเข้าหน้าท้องของเขาจะจมลงไป หน้าอกจะขยายเพิ่มขึ้น อากาศจากพื้นดินไหลเข้าสู่ปอดโดยตรง เมื่อหายใจออก หน้าท้องจะพองมากกว่าปกติ อากาศที่ไหลออกจากปอดคล้ายนกที่ได้รับอิสระคืนสู่รัง

การเปลี่ยนลำดับการหายใจแบบนี้จะช่วยกระตุ้นพลังภายในของร่างกายและมันยังเป็นการนวดปอดไปในตัว การหายใจแบบนี้จะช่วยทำให้พลังงานในจุดศูนย์กลางของเขาหนาแน่นขึ้น เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบการหายใจมันก็สามารถทำให้ร่างกายของเขาสมดุลมากขึ้นและยังทำให้มีพลังงานไหลเวียนได้อย่างราบรื่นอีก

ในเวลาเดียวกันร่างกายของเป่ยเฟิงเริ่มสั่นเหมือนแมวน้อยที่กำลังแยกเขี้ยวขู่บางอย่าง

การสั่นนี้คือการขับเซลล์ที่ตายแล้วออกมาจากร่างกาย มันเป็นกระบวนการธรรมชาติที่คนปกติจะไม่ค่อยรู้สึกตัวกัน

"ฮุ้ววววววว !"

เป่ยเฟิงหายใจออกมายาว ๆ เขารู้สึกเมื่อยล้าไปทั่วร่างกายเลยทีเดียว

'ฉันต้องทำมันให้ได้ !' เป่ยเฟิงกัดฟันและอดทนในขณะที่ร่างกายเริ่มเต็มไปด้วยเหงื่อก่อนที่จะเริ่มทำท่าที่สาม

ยืดกล้ามเนื้อให้เหมือนธนูที่กำลังยิงนกอินทรี !

ก่อนอื่นคือเปลี่ยนน้ำหนักของร่างกายจากขาขวาไปขาซ้ายเท่าที่จะทำได้ รักษาตำแหน่งเอาไว้ขณะเดียวกันก้นำมือทั้งสองข้างไว้ที่หน้าอกแล้วค่อย ๆ เอามือไปข้างหน้า งอเข่าทั้งสองข้างเหมือนกำลังขี่ม้าอยู่หรือเหมือนมีถ้วยอยู่บนหัว !

หลังจากนั่นให้เอาเท้าทั่งสองข้างกลับตำแหน่งเดิมและเลื่อนจุดศูนย์ถ่วงไปทางขวาอีกครั้ง ยกข้าซ้ายพิงขาขวา ในเวลาเดียวกันก็เอาฝ่ามือชูขึ้นด้านบนเหยียดมือขวาไปด้านบนขวาสุด และอีกข้างไปขาซ้ายล่างสุด จากนั่นก็ค่อย ๆ ดันหน้าอกไปข้างหน้า

"แค่ก แค่ก !" การหายใจของเป่ยเฟิงเปลี่ยนไปในทันทีที่เขาเริ่มท่านี้ทำให้เขาหลุดออกจากการฝึกทันที

"การเคลื่อนไหวแบบนี้อาจจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อจับคู่กับการหายใจแบบนี้ทำให้มันเป็นเรื่องซับซ้อนจริง ๆ " เป่ยเฟิงนั่งลงบนพื้นในขณะที่หน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ

การหายใจเป็นความสามารถตามธรรมชาติของทุกชีวิต การจะเปลี่ยนการหายใจมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่สามารถทำได้ในหนึ่งหรือสองวัน !

เป่ยเฟิงเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขามีความทรงจำและประสบการณ์ของฝึกจริงอยู่ในหัวของเขา !

อย่างไงก็ตาม สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเลี่ยงข้อผิดพลาดบางจุดได้ เพราะเขาไม่เคยฝึกการเคลื่อนไหวและหายใจแบบนี้มาก่อน ในขณะที่ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้น นั้นหมายความว่าแสงแรกของวันกำลังจะมาแล้ว ! เขาค่อย ๆ คลานแล้วพยายามยืนขึ้นเป็นทำท่าฝึกซ้อมอีกครั้ง

ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะเงียบสงบ เขาจดจ่ออยู่ที่การฝึกเคล็ดการหายใจด้วยแสงอย่างเดียวเท่านั้น !

****

แสงแดด ! รุ่งอรุณมาถึงแล้ว !

ดวงอาทิตย์สาดผ่านเมฆในทันทีและมันก็ทำให้โลกสว่างขึ้น! [3]

เป่ยเฟิงจมดิ่งลงในสภาพไม่สู้ดี หันหน้าไปเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นสูงหน้าตัวเอง

ราวกับการตอบสนองจากพระอาทิตย์ ทันใดนั้นได้มีแสงสีทองของพระอาทิตย์มันได้พุ่งเข้าหาเป่ยเฟิงทันที !

***

ฝากเพจด้วยงับ

https://www.facebook.com/Fishing-the-Myriad-Heavens-354050028359720/

*********

[1] ED/N : หมายถึงส่งตรงเข้าสมองครับ :D

[2] ED/N : เป็นปรัญญาของจีนโบราณคล้ายๆถ้าจะฝึกอะไรบางอย่างเราต้องมีความรู้พื้นฐานของมันซะก่อน

[3] ED/N : มันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่บางทีก็คิดว่าเหมือนเรื่องมันเริ่มออกทะเลยังไงไม่รู้

**********

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด