เล่ม1 : บทที่ 69 – ลิลลี่
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 69 – ลิลลี่
ภายในตึกแบก ในห้องของลิลลี่ เธอกำลังถือกระจกเล็ก ๆ บานหนึ่งเพื่อดูการแต่งหน้า เธอมักจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่รู้สึกว่าริสกำลังจะมาหา
‘เขาจะต้องมาระบายอารมณ์กับข้าแน่ เขามักจะทำเช่นนั้น’
ลิลลี่ไม่เคยได้มีโอกาสรับคำแนะนำเนื่องจากความจริงที่เธอมาจากตระกูลที่ยากจน อย่างไรก็ตาม ความงามของเธอเป็นที่ประจักษ์ และดึงดูดความสนใจในบรรดาเหล่าขุนนาง
นั่นจึงเป็นที่มาที่เธอได้รู้จักกับริสและได้มาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์บัลวัน ในมุมมองของสามัญชน เธอมีความสุขและรู้สึกเช่นนั้นก่อนที่โนอาห์จะเกิด
‘แค่คิดถึงความสุขเหล่านั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดได้มาก’
เธอรู้ว่าลูกของเธอเป็นเด็กมหัศจรรย์ เธออาจจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการฝึกตนแต่เธอมั่นใจว่าโนอาห์จะกลายเป็นบุคคลสำคัญในอนาคตข้างหน้าอันใกล้
‘ยังคงจำวันแรกที่พยายามอย่างมากเพื่อที่จะหัดเดินได้แม่นยำ ทารกแบบไหนกันที่มีความตั้งใจมากได้ถึงเพียงนี้?’
เธอยิ้มออกมาเมื่อนึกย้อนถึงภาพวันเก่า ๆ ของลูกชาย
‘เจ้าทำงานหนัก และแม่ก็รู้ว่าเจ้ามีอีกหลายสิ่งที่ปิดบังเอาไว้ เจ้าไม่ใช่เพียงแค่เด็กทั่ว ๆ ไป แต่เจ้าอยากที่จะปกป้องแม่อย่างจริงจัง’
เธอส่ายหน้า เธอรู้ว่าโนอาห์ใส่ใจเธอมาก เพราะทุกครั้งที่พบกันเขาก็มักจะตรวจดูตามเนื้อตัวของเธอ เธอรู้ว่าส่วนหนึ่งที่เขาต้องทำงานหนักเช่นนี้ก็เนื่องมาจากสถานภาพของเธอ
เธอจำคืนแรกที่โนอาห์ใช้เวลาทั้งคืนเพื่อฝึกฝนอักษรรูนคีเซอร์ได้ ใบหน้าที่ซีดเซียว และดวงตาที่แดงก่ำของเขา
‘เจ้าต้องทนอยู่ใบแบบนั้นกี่คืนกัน? กี่ครั้งกันที่เจ้าต้องเผชิญความลำบากที่เกินกว่าใจจะรับไหว? ให้ตายเถอะ ช่างเป็นลูกที่ดื้อรั้นอะไรเช่นนี้’
เธอเคลื่อนกระจกมายังจุดที่ส่องเห็นแก้มขวา รอยช้ำตรงนั้นค่อย ๆ เริ่มจากลงมากแล้ว
‘แม่ไม่เคยบอกว่าพ่อของเจ้าทำร้ายแม่เพื่อต้องการทำให้เจ้าเจ็บ เขาทำทุกอย่างเพื่อทำลายชีวิตเจ้า แม่เป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เขาบรรลุเป้าหมายและดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผล’
เธอถอนหายใจ
สิ่งที่เธอได้เรียนรู้มากที่สุดตั้งแต่เข้ามาที่คฤหาสน์คือลักษณะนิสัยของริส เธอแทบจะเดาได้ว่าทุกการกระทำจะเป็นเช่นไร
‘วันนี้เจ้าดูกังวลมากหรือไม่เจ้าก็ปิดบังอะไรแม่อยู่ นั่นหมายความว่าการตอบสนองของริสคงจะทำให้หนักใจขึ้น อย่าห่วงไปเลย แม่อาจจะเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง แต่ในที่สุดแม่ก็กล้าที่จะหยุดการเป็นภาระของเจ้า’
เธอขว้างกระจกลงบนพื้น และย่ำมัน จากนั้นก็หยิบเศษที่มีคมขึ้นมาสองชิ้นและซ่อนไว้ในใต้แขนเสื้อ
‘แม่หวังว่าเจ้าจะเข้าใจแล้วก็ยกโทษให้แม่ไปพร้อมกัน’
จากนั้นสายตาของเธอก็เริ่มแน่วแน่ขึ้นมาขณะรอคนรักของเธอมาหาอยู่บนเตียง ริสไม่ปล่อยให้เธอคอยนานและมาถึงห้องในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ก็พบบางสิ่งผิดแปลกไปนั่นคือสีหน้าของลิลลี่ แต่จากนั้นก็นึกแผนที่คิดไว้และสวมรอยยิ้มบนใบหน้า
ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ลิลลี่ก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
“ท่ามาเพื่อฆ่าข้างั้นรึ?”
พวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน ริสรู้ว่าลิลลี่ไม่ใช่คนโง่
“ฆ่าเจ้า? เปล่าเลย เจ้าอาจจะไม่รู้แต่มันจะขัดต่อคำสั่งโดยตรงจากท่านพ่อของข้าหากทำเช่นนั้น ลูกของเรากลายเป็นผู้มีชื่อเสียงไปเสียแล้ว”
เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อมองตาข้างขวาของริส
“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”
ริสสวมรอยยิ้มพึงพอใจและตอบกลับ “ทำคนรู้เกี่ยวกับการรักษาที่ข้าหาไว้ให้เจ้า ข้ากำลังคิดอยู่ว่าครั้งนี้ข้าควรจะทิ้งป้ายสัญลักษณ์ถาวรไว้ ข้าอาจเสียโอกาสได้ฆ่าเจ้าไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่อาจเพิ่มความเกลียดชังที่เด็กนั่นมีต่อตระกูลเรียบร้อยแล้ว”
ลิลลี่ยิ้ม ‘ถ้าเขาเกลียดโนอาห์มากขนาดนี้ แสดงว่าลูกชายของข้าต้องพิเศษมากแน่ ๆ’
“เช่นนั้นท่านคิดจะทำอะไร?”
ริสแสดงท่าทีหม่นหมองจากนั้นก็ตอบกลับ “ข้าคิดว่าถ้าข้าทำหน้าสวย ๆ ของเจ้าเสียโฉม เขาจะเกลียดตระกูลเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขามองหน้าเจ้าไหมนะ? ท่านอัครบิดรผู้สูงศักดิ์คงไม่เข้ามาแทรกแซงเป็นการส่วนตัวกับอิแค่แผลบนใบหน้าของหญิงโสเภณี”
ลิลลี่ยังคงยิ้มและยืนขึ้นพร้อมกับซ่อนมือไว้ข้างหลัง จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปใกล้ริสพร้อมสีหน้าเย้ายวนและคล้องแขนรอบคอของเขา
“ท่านอยากชื่นชมกับใบหน้าของข้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทำเช่นนั้นไหม?”
ความตื่นเต้นของริสเพิ่มขึ้นและโอบกอดลิลลี่แน่นที่เอว ดึงเธอเข้ามาใกล้
“เจ้าปรารถนาเช่นนั้นรึ นังโสเภณี ฮ่า ๆ”
เขากำลังจะจูบเธอ แต่ลิลลี่ก็หยิบเศษกระจกออกมาจากแขนเสื้อและแทงเข้าที่ดวงตาข้างซ้ายของริส เขาเหวี่ยงเธอออกไปด้วยสัญชาตญาณ เธอกระแทกเข้ากับผนังห้องจากนั้นก็ร่วงลงพื้น
ถึงริสจะอ่อนแอ แต่เขาก็เป็นผู้ฝึกตน แรงเหวี่ยงของเขาทำซี่โครงของลิลลี่หัก เขาเริ่มตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวใส่ร่างของลิลลี่ที่นอนอยู่บนพื้น
“นังผีบ้า! ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก แม้แต่อัครบิดรก็เถอะ! ข้าจะค่อย ๆ ทรมานเจ้าให้ไอ้เด็กเวรนั่นดู!”
เลือดไหลออกจากเบ้าตาของเขา เศษกระจกทิ่มลงไปลึกมาก เขาไม่แน่ใจว่าการบาดเจ็บนี้จะรักษาได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ลิลลี่ได้หยิบเศษกระจกที่ซ่อนไว้อีกชิ้นออกมาและแทงเข้าที่คอของเขา เธอเผยรอยยิ้มสดใสกับชีวิตที่เหลืออยู่และมีความสุขที่ได้รู้ว่าแผนของเธอนั้นสำเร็จ
‘ทีนี้เขาก็จะรบกวนเจ้าไม่ได้แล้ว ลูกที่รักของแม่ เจ้าอาจคิดว่าแม่เป็นเพียงหญิงอ่อนแอ แม่หวังเพียงเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นท่ามกลางตระกูลบัลวันและเจ้าจะไม่คิดทำอะไรสิ้นคิด ขอให้เจ้าจงปลอดภัย ลูกรัก...’
จากนั้นเธอก็สิ้นลมหายใจ
ริสยังคงตะโกนลั่นและกำลังเดินเข้าไปใกล้ซากศพของลิลลี่ เกิดแรงกดดันมหาศาลปกคลุมห้องทั้งห้องไว้
“เจ้าลูกโง่ คำสั่งของข้าเป็นเพียงลมปากที่วิ่งผ่านหูของเจ้างั้นรึ?”
โทมัส บัลวัน ปรากฏตัวในห้องและหยุดไม่ให้ริสก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว