65 คำแนะนำเล็กน้อย
65 คำแนะนำเล็กน้อย
ปี 2010 เป็นช่วงเวลาที่ร้อนแรงที่สุดสำหรับ Weibo และเมื่อกระแสเกาหลีพัดถล่มไปทั่วเอเชีย
ซอยอน(หยินซินฮุยน่าจะเป็นชื่อจีนของเธอ) โพสต์บน Weibo เพื่อขอบคุณและค้นหาฮีโร่ที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนเหล่านี้ ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามและแพร่ระบาดไปทั่วแม้กระทั่งเว็บไซต์ข่าวก็ยังรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้
“พี่ถัง?” เมื่อเห็นถังเอี๋ยนจมอยู่ในบทความเจิ้งจุนก็ยื่นมือออกมาและโบกผ่านหน้าเขา ถังเอี๋ยนดึงความสนใจกลับมาสู่ปัจจุบันและคืนโทรศัพท์ให้เจิ้งจุนเขากล่าวว่า "ว้าววววอย่างน้อยมันก็จบลงด้วยดี ... ไปกันเถอะ ... กินข้าวเช้าฉันหิวจะแย่"
"ใช่ไปกันเถอะ" เจิ้งจุนพูดพลางเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่กระเป๋ากางเกงขณะที่เขาเดินตามถังเอี๋ยนไปที่ลิฟต์ .....
หลังจากรับประทานอาหารเช้า ถังเอี๋ยนไม่ได้กลับไปที่ห้องของเขาทันที เขาหาเวลาว่างในการฝึกวิชาหมัดหย่งชุนมานานแล้ว
การใช้หย่งชุนครั้งแรกของเขาคือในการต่อสู้จริงเมื่อวานนี้ซึ่งทำให้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวิธีการชกมวยและช่วยประหยัดเวลาในการฝึกซ้อมได้มาก เขารู้สึกว่าตัวเองคุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้มากขึ้น
หลังจากฝึกซ้อมร่างกายเขาก็รู้สึกสดชื่นมาก และเขาก็มุ่งหน้ากลับไปที่ห้องตัวเอง เขาจะกลับไปจีนในวันพรุ่งนี้ แต่เขายังมีบางสิ่งที่ต้องจัดการ เมื่อเขากลับไปลู่หยุนก็กลับมาแล้ว เขาน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขามีผ้าขนหนูพาดบ่าและยืนจ้องโทรศัพท์อยู่
เมื่อเขาเห็นถังเอี๋ยนกลับมาแล้วเขาก็ชี้ไปที่โทรศัพท์ของเขาด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า: "พี่ครับเรากำลังเป็นคนดังแล้ว!" เมื่อถังเอี๋ยนได้ยินคำพูดของลู่หยุนเขารู้ว่าเขากำลังพูดถึงโพสต์ Weibo อย่างแน่นอน แน่นอนว่าในโทรศัพท์ที่ลู่หยุนกำลังดูอยู่นั้นมันแสดงบัญชี Weibo ของซอยอน ลู่หยุนกดติดตามและกล่าวว่า:
"มีหมายเลขโทรศัพท์บนโพสต์ Weibo พวกเขาต้องการให้เราโทรหาเพื่อที่พวกเขาจะได้ขอบคุณเรานี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับ ..... "
"อย่าสร้างปัญหาให้ตัวเอง" โดยไม่รอให้ลู่หยุนพูดจบถังเอี๋ยนก็ขัดจังหวะโดยตรง
"ปัญหา?" ลู่หยุนกล่าว
“วันนั้นนายลืมสิ่งที่ฉันพูดกับไปแล้วหรือ เรารู้แล้วว่าพวกเขารู้สึกขอบคุณแล้วยังไง? จะมีอะไรอีกบ้างที่จะตามมาจากการเปิดเผยตัวเอง นายคิดว่าพวกแก๊งลักพาตัวนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นคนทำลายแผนการของพวกเขา?” ถังเอี๋ยนถาม
“อ่า ... นั่นเข้าท่า ผมเดาว่า ....” ลู่หยุนพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
ถังเอี๋ยนเห็นปฏิกิริยาของลู่หยุนก็ส่ายหัว
สิ่งเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาของวัยรุ่น พวกเขาไม่ได้คิดถึงผลร้ายที่จะตามมา
ลู่หยุนวางโทรศัพท์ของเขาและทันใดนั้นก็มองไปที่ถังเอี๋ยนอย่างจริงจัง: "พี่ชายผมจะไม่ถามว่าพี่เรียนรู้อย่างไร แต่พี่รู้จักศิลปะการต่อสู้จริงๆหรือ?"
ถังเอี๋ยนเหลือบมองไปที่ลู่หยุนที่ทำหน้าจริงจังก่อนพยักหน้า
"พี่สอนฉันได้ไหม....?"
"ไม่" ถังเอี๋ยนกล่าวอย่างเด็ดขาด
สอนคนอื่น? เขาไม่ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อย่างเป็นระบบมันอยู่ในหัวของเขานั่นคือวิธีที่เขาเรียนรู้ เขาไม่สามารถถ่ายทอดมันออกไปได้ เพราะเขายังไม่เข้าใจมันทั้งหมดด้วยตัวเอง มันเป็นเพียงความรู้มากมายที่อัดแน่นอยู่ในหัวของเขาในตอนนี้
หย่งชุนและเจี๋ยฉวนเต้าไม่ใช่ศิลปะที่สามารถสอนกันได้อย่างมักง่าย หากไม่ได้รับการถ่ายทอดที่ถูกต้องคนฝึกอาจได้รับความเจ็บปวดเอง
เป็นการดีที่สุดที่จะเรียนรู้จากอาจารย์มืออาชีพ
เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าเขากำลังทำอะไรเนื่องจากความช่วยเหลือของระบบ แต่เขาขาดคุณสมบัติในการสอนคนอื่น เช่นเดียวกับนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมอาจไม่ใช่โค้ชที่ดี พวกเขารู้วิธีเล่น แต่สอนคนอื่นไม่เป็น
"ตกลง." ใบหน้าของลู่หยุนฉายแววผิดหวัง
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของลู่หยุน ถังเอี๋ยนก็หยุดและพูดว่า: "แต่ยังมีคำแนะนำบางอย่างที่เป็นไปได้"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของลู่หยุนก็แสดงความยินดีออกมาทันที
"เดิมทีฉันต้องการให้คำแนะนำบางอย่างแก่นายอยู่แล้ว แต่เราถูกขัดจังหวะในเวลานั้น"ถังเอี๋ยนกล่าวขณะที่เขาเดินไปที่เตียงและนั่งลง
เมื่อฟังถังเอี๋ยนลู่หยุนก็เดินไปที่เตียงของตัวเองเพื่อนั่งลงเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาไม่สนใจคำแนะนำของถังเอี๋ยนมากนัก ท้ายที่สุด ถังเอี๋ยนก็เป็นแค่นักธนู เขาคิดว่าคำแนะนี้มาจากนำจากคนนอกวงการเท่านั้น แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ถังเอี๋ยนใช้ข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งและคุณสมบัติของเขาเพื่อให้คำแนะนำ
"ภายใต้สถานการณ์ปกตินักมวยให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างการรุกและการป้องกันด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่นายจะอยู่ยงคงกระพันได้ แต่มวยสากลสมัครเล่นมีเพียงสี่ยก นายก็ไม่ได้ทำผิดหากจะเป็นฝ่ายบุกเข้าโจมตีเพียงอย่างเดียว แต่นั่นหมายความว่านายต้องทำให้ถึงที่สุดเท่านั้น " ถังเอี๋ยนกล่าว
"เพื่อเพิ่มพลังการชกของตัวเอง เมื่อนายชกต้องงอเข่าเล็กน้อยทุกครั้ง นายต้องฝังมันเข้าไปในความคิดและใช้ออกทุกครั้งที่มีโอกาส
เนื่องจากนายเป็นนักมวยที่เน้นการโจมตีที่รวดเร็ว จึงมีแนวโน้มว่ายกหลังๆหมัดของนายจะเบาลง แต่ถ้านายมุ่งมั่นอย่างเต็มที่กับวิธีการที่ฉันบอก แล้วนายจะสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมาก
จริงๆนายทำได้ดีแล้วสิ่งที่นายต้องทำให้ดียิ่งกว่าเก่า นั่นคือเพิ่มพลังหมัดให้กับตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าทำไมนักมวยส่วนใหญ่ถึงไม่ทำกัน แต่ฉันแนะนำให้นายทำ
วิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้หมัดของนายมีพลังการทำลายล้างมากขึ้นและทำได้อย่างง่ายๆ คือการวางกองหนังสือพิมพ์กับกำแพงและต่อยอย่างต่อเนื่องแต่เบาๆ
เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่โค้ชบอกกับนาย แต่สิ่งนี้มีความสำคัญมาก ดังนั้นลองโฟกัสที่พวกมันมากขึ้น "
" ขอบคุณ "ลู่หยุนกล่าวโดยนึกตามสิ่งที่เขาพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ถังเอี๋ยนมีความประทับใจที่ดีต่อลู่หยุน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพยายามให้คำแนะนำแก่เขา
แต่สิ่งที่ถังเอี๋ยนไม่คาดคิดก็คือ หลังจากสิ่งที่เขาพูดจบ ลู่หยุนก็เริ่มที่จะต่อยอากาศด้วยความเร็วและพยายามฝึกฝนเคล็ดลับทั้งหมดของเขาทันที
เมื่อเห็นเขาจดจ่อ
ถังเอี๋ยนก็ออกไปพบกับเถียนเจิ้นเจ๋อ หลังจากที่ทีมยิงธนูได้รับรางวัลเหรียญทองเขาก็กลายเป็นคนที่ยุ่งที่สุด นอกเหนือจากการติดต่อกับสื่อแล้ว เอเชี่ยนเกมส์ที่กำลังจะมาถึงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหัวหมุนไปอีกหลายวัน
เมื่อเขาเห็นถังเอี๋ยน เถียนเจิ้นเจ๋อก็ยิ้มและตบไหล่ของเขากล่าวว่า "ครั้งนี้เมื่อเธอกลับไปที่จีน เธอจะได้รับการรับรองเยี่ยงวีรบุรุษอย่างแน่นอน และเงินทองจะไหลมาเทมา ถ้าเธอต้องการฉันสามารถแนะนำคนที่จะมาเป็นผู้จัดการของเธอได้"
ถังเอี๋ยนพยักหน้า
และโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเถียนเจิ้นเจ๋อดังขึ้นเขามองไปที่โทรศัพท์แล้วรับสาย
ถังเอี๋ยนรอสักพักและเห็นว่าเถียนเจิ้นเจ๋อยังพูดไม่จบเขาเลยแสดงท่าทางบอกลาแล้วจึงออกไป
คำพูดของเถียนเจิ้นเจ๋อเตือนเขาว่าแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์การเกิดใหม่ แต่ก็ยังมีเรื่องมากมายที่เขาไม่เคยรู้ เช่นเดียวกับการที่เป็นคนดังแล้วต้องมีคนจะจะมาจัดการเรื่องผลประโยชน์ให้กับเขา
หลังจากที่เขากลับมาถึงห้อง ลู่หยุนก็หายจากอาการเคลิบเคลิ้มเป็นที่เรียบร้อย
"ใช่เลย!" ลู่หยุนถามว่า "พี่ถามครั้งสุดท้ายว่ามีโอกาสเข้าแข่งขันกีฬามวยเอเชี่ยนเกมส์ไหม ตอนนี้พี่ยังต้องการหรือปล่าว"
ถังเอี๋ยนพยักหน้าช้าๆ
“งั้นก็เดีแล้ว” ลู่หยุนกล่าวอย่างตื่นเต้น
"ดี?" ถังเอี๋ยนมองเขาด้วยความสงสัย
"ผมโทรหาโค้ชของผมเขาบอกว่าไม่มีปัญหาในการเพิ่มคนอีก 1 คนตราบใดที่เขามีความแข็งแกร่งเพียงพอ" ลู่หยุนกล่าวออกมา