บทที่ 7 เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน (3)
เฟรย์เบลคได้เปลี่ยนไปแล้ว!
ข่าวลือแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านกลุ่มนักเรียน
“พวกนายรู้ยังว่าเขาสามารถตอบคำถามของศาสตราจารย์เควินได้ถึง 5 ครั้ง!”
"เหลือเชื่อ! เขาเป็นคนแรกนอกจากเพเรียน แม้แต่นักเรียนชั้นปีที่ 4 ก็อาจจะตอบผิดเชียวนะ!”
“นอกจากนี้เขายังต่อสู้กับเดวิดในช่วงบ่ายและชนะเขาได้”
“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน หลอดเสียงของเขาและขาทั้งสองข้างหักไม่ใช่เหรอ?”
"ว้า ถ้าเขาไม่หายก็แสดงว่าเขาคงจบชีวิตพ่อมดแล้วละ"
สภาพแวดล้อมของเฟรย์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น หลังเลิกเรียนมีคนเข้ามาหาเฟรย์ซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด
หลายวันมานี้เขาเข้ากันได้ดีกับอิซาเบลเขาจึงคิดว่าเป็นเธอที่มาหา แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นแทน
“นายคือเฟรย์เบลคหรือเปล่า?”
"ถูกตัอง"
“…นายไม่ค่อยพูดมาก นายไม่รู้จักฉันเหรอ?”
ในขณะที่เขาพยายามนึกชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
‘หน้าตาแบบนี่เจอที่ไหนนะ…’
ชายคนนั้นไอเบาๆ เพื่อทำลายความอึดอัดและแนะนำตัวเอง
“ฉันชื่อว่า ดูมันมิโลสต์ เป็นนักเรียนชั้นปีที่ 4”
เนื่องจากเขาเป็นเพียงนักเรียนชั้นปีที่สองเฟรย์ก็ก้มหน้าโดยไม่มีคำบ่นใดๆ
“คุณเป็นรุ้นพี่นี้เอง มีอะไรหรือเปล่า?”
ดูมันถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งใจกับท่าทีที่เขาคุ้นเคยกับรุ่นน้องของเขามากกว่า
“เข้าร่วมโทร์วแมนริงส์เถอะ”
“โทร์วแมนริงส์?”
“นายไม่รู้จักเหรอ?”
เฟรย์พยักหน้า
สิ่งที่เขาอยากรู้คือส่วน "โทร์วแมน"
นั่นคือนามสกุลของลูคัสในอดีต
“พวกเราเป็นกลุ่มนักเรียนที่เป็นตัวแทนของสถาบันเวสต์โร้ดแน่นอนว่าไม่ใช่แค่การพบปะสังสรรค์เท่านั้น โทร์วแมนริงส์เป็นสโมสรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานภายในสถาบันและมีเพียงผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้”
ในตอนนี้ ดูมัน ได้แสดงแหวนที่เขาสวมใส่ด้วยสีหน้ามั่นใจ มันเป็นวงแหวนแบนสีส้มที่ปกคลุมไปด้วยอักษรรูน
“หลังจากนายจบการศึกษาและตราบใดที่นายมีแหวนวงนี้ทุกคนจะสนใจตัวนายเป็นพิเศษ ตั้งแต่หอคอยประจำหมู่บ้านไปจนถึงนักเวทย์ในเมืองหลวงหรือแม้แต่ทหารรับจ้าง…นายสามารถเลือกงานแบบใดก็ได้ที่นายต้องการ”
“อืม”
ดูมัน เลียริมฝีปากของเขา นักเรียนธรรมดาคนหนึ่งจะต้องตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่ปฏิกิริยาของผู้ชายคนนี้แห้งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว
เขาจึงหยิบไม้เด็ดของเขาออกมา
“เพเรียนจุนเป็นผู้นำคนปัจจุบันของโทร์วแมนริงส์เลยนะ”
“เพเรียน?”
ลองคิดดูเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งแล้ว
เช่นเดียวกับสถิติโลกที่จะถูกอวดอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษา เขาเป็นคนดังของสถาบันในแง่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมือเทียบกับเฟรย์
"ถูกตัอง เพเรียนจุนทายาทของตระกูลจุนซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ เมื่อนายเข้าร่วมโทร์วแมนริงส์ นายจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ต่างๆ จากครอบครัวชนชั้นสูงมากมายรวมถึงตัวคุณเพเรียนด้วย เรายังสามารถพึ่งพานักศึกษารุ่นพี่และอาจารย์เพื่อช่วยปรับปรุงโดยชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของเรา”
ดูเหมือนว่าการแสดงออกของ ดูมัน จะบอกว่า "นายสามารถปฏิเสธเรื่องนั้นได้ไหม?"
เฟรย์พยักหน้าตามคำพูดของเขา
“ฉันเข้าใจ แต่ฉันจะต้องปฏิเสธข้อเสนอของคุณนะรุ้นพี่”
"อะไรนะ?"
ดวงตาของ ดูมัน เบิกกว้างขึ้นอย่างมาก
เขาคิดว่าเฟรย์เพียงแค่แสร้งทำเป็นไม่ประทับใจ แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะปฏิเสธโดยตรง
“ดะ...เดี๋ยวก่อน คิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบอีกครั้งไหม ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะนายเป็นแค่นักเรียนชั้นปี 2 หรือเปล่า แต่ถ้านายเข้าร่วม…”
“ตอนนี้ฉันยังอยากฝึกด้วยตัวเองนะ”
“…”
ใบหน้าของ ดูมัน เปลียนกลายเป็นสีแดง จากนั้นเขาก็หันกลับมา เขากำลังซ่อนใบหน้าเพราะไม่มั่นใจว่าจะซ่อนความอับอายและความโกรธได้ ไม่ว่าเขาจะอารมณ์เสียแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถแสดงความโกรธต่อรุ่นน้องของเขาได้
ในทางกลับกันเฟรย์ยังคงเฉยเมย
‘ฉันค่อนข้างสนใจในตัวเพเรียนนี้อยู่บ้าง’
อัจฉริยะหรือ?
เฟรย์เคยสอนและเคยแบ่งปันความคิดเห็นกับอัจฉริยะมาก่อน
ในชีวิตของเขาเขาได้เห็นอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าทั้งหมดมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม จากประสบการณ์ของเขาอัจฉริยะไม่ค่อยรวมตัวเป็นกลุ่มกัน แน่นอนว่าเพเรียนที่โดดเด่นท่ามกลางฝูงชนอาจแตกต่างกันเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจมากเกินไป เฟรย์มีงานต้องทำมากมาย
เฟรย์เบลดปฏิเสธข้อเสนอของโทร์วแมนริงส์!
ข่าวลือแพร่กระจายเร็วมาก อาจจะเป็นฝีมือของดูมัน
ปฏิกิริยาของนักเรียนที่มีต่อข่าวแตกต่างกันไป มีผู้ที่ต้องการเป็นมิตรกับเขาผู้ที่แสดงความเป็นศัตรูและคนเหล่านั้นแอบมองเขาจากระยะไกล
แน่นอนว่าเฟรย์มีการตอบสนองเฉยๆสำหรับพวกเขาทั้งหมด
ไม่สนใจ
เฟรย์เริ่มโดดเดี่ยว
“เขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยและตอนนี้เขาก็ขี้เก๊ก”
“บุคลิกของเขาเป็นแบบนั้นเสมอหรือ?”
“ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเถอะ เขาปฏิเสธคำชวนของโทร์วแมนริงส์ด้วยซ้ำ”
“เขาเป็นหมาป่าที่ชอบอยู่ตัวคนเดียวสินะ”
นักเรียนเริ่มมองว่าเฟรย์เป็น ‘คนอวดดี’ เพราะเขาได้พัฒนาทักษะ
มันเป็นความคิดเห็นที่ค่อนข้างเอนเอียง แต่เฟรย์ไม่สนใจ แต่เขารู้สึกว่าตอนนี้มันกลับง่ายขึ้นไปอีกเพราะเขาไม่ต้องกังวลกับการเข้าสังคม
แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น
อิซาเบลบ่นอย่างหดหู่และเฟรย์มองไปที่เธอ
“ฉันยังไม่พบอะไรเกี่ยวกับการฝึกที่เรียกว่า 'การต่อสู้' เลยเมื่อฉันถามอาจารย์พวกเขาบอกว่ามันเป็นวิธีการฝึกที่อันตรายมากดังนั้นจึงไม่มีการบันทึกไว้ในห้องสมุดของสถาบัน”
“มันเป็นเรื่องจริง”
มันอันตรายมาก เมื่อเฟรย์เป็นลูคัสมีเพียงพ่อมดที่มีระดับ 5 ดาวเป็นอย่างน้อยเท่านั้นที่จะสามารถทำได้
“แล้วนายเรียนรู้มาจากที่ไหน?”
“หนังสือนะ”
“นายให้ฉันยืมได้ไหม?”
“ไม่ได้”
เฟรย์ตอบสั้นๆ และกลับไปอ่านหนังสือในมือ
อิซาเบลเม้มริมฝีปากของเธอขณะที่เธอเห็นเขาเริ่มจดจ่อกับการอ่านอย่างเดียว
เธอรู้ว่าในสภาพนั้นเขาจะไม่ตอบอะไร
ขณะที่เฟรย์อ่านหนังสือเขามีความคิดที่แตกต่างออกไป
เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เขาหนี้ออกมาจากเอวจีนั่นได้ ในระหว่างนั้นเขาได้รับข้อมูลจากการบรรยายและหนังสือของอาจารย์อย่างต่อเนื่อง
ยังไม่มีการเปิดเผยการดำรงอยู่ของ "พวกเดมิก็อด" มันค่อนข้างแตกต่างจากในอดีต
ในทางกลับกันมีการบิดเบือนประวัติของลูคัสและพรรคพวกเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว
‘เราเป็นเสี้ยนหนามสำหรับพวกเขา หากพวกเขาสามารถควบคุมสังคมมนุษย์อย่างสมบูรณ์มันก็สมเหตุผลที่จะลบร่องรอยการดำรงอยู่ของเราทั้งหมด '
นั่นคือเหตุผลที่เขาได้ข้อสรุป
เป็นไปได้ว่ามีผู้ที่สารต่อเจตจำนงค์ของพวกเขาเพื่อต่อสู้กับพวกเดมิก็อด
เป็นเวลานานถึง 4000 ปี
'การค้นหาพวกเดมิก็อดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของฉัน'
“ใครเป็นพ่อมดที่เก่งที่สุดในสถาบันนี้”
“…นายไม่สนใจคำถามของฉันเลย”
“ถ้าคุณตอบโดยละเอียดฉันจะตอบสิ่งหนึ่งที่คุณอยากรู้”
ในตอนนั้นการแสดงออกของอิสซาเบลก็สดใสมาก เธอรวบรวมความคิดของเธอสักครู่ก่อนที่จะเปิดปากของเธอ
“ในบรรดานักศึกษาเพเรียนจุน ในบรรดาศาสตราจารย์คือศาสตราจารย์ดีโอ หรือศาสตราจารย์อเดเลีย แต่โดยรวมคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือป้าของฉัน”
“ป้าของคุณ?”
"ใช่ ไซริสทรีซไนน์ ผู้อำนวยการของสถาบันเวสต์โร้ดเธอเป็นวิซาร์ดระดับ 6 ดาวของจักรวรรดิที่ได้รับฉายาว่า "เกลเชีย" (น้ำแข็ง)
6 ดาว
มันไม่ใช่ระดับที่ต่ำ
แต่เฟรย์รู้สึกสับสน
สิ่งที่เขาตระหนักได้ในขณะที่อ่านหนังสือก็คือไม่มีพ่อมดคนไหนที่ก้าวไปถึงระดับ 9 ดาวในยุคนี้ พ่อมด 9 ดาวคนสุดท้ายปรากฏตัวเมื่อ 3000 ปีก่อน
ต้องบอกว่าที่ระดับ 9 ดาวถือเป็นระดับตำนานในตำนานเกือบจะเหมือนกับมังกร
พ่อมดระดับ 8 ดาวถูกเรียกว่าอาร์ชเมจและได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดภายใต้สวรรค์ มีผู้มาถึงจุดนั้นมีน้อยกว่า 10 คน
‘เวทมนตร์ที่ปกป้องสถาบันไม่ได้อยู่แค่ระดับ 6 ดาวอย่างแน่นอน’
เฟรย์ไม่ได้ตระหนักในตอนแรก
แต่มีเวทมนตร์อยู่รอบๆ สถาบันอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีประเภทต่างๆ ตั้งแต่เวทย์ติดตาม เวทย์มนต์อย่างง่ายๆไปจนถึงการแจ้งเตือนการป้องกันและการเพิ่มพลัง
‘ถ้าเธอเป็นหัวหน้าสถาบันเธอก็ควรจะเป็นคนร่ายมัน’
ถ้าเป็นนักเวทย์ในระดับนั้นเธออาจจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ ‘พวกเขา’(เดมิก็อด) แน่ๆ อย่างไรก็ตามเธออาจเป็นศัตรูกับเขา ไม่สิมันเป็นไปได้สูง
‘ฉันต้องอัพระดับให้เป็น 7ดาวเป็นอย่างน้อยเสียก่อน’
ถ้าเฟรย์อยู่ในระดับ 5 ดาวเขาอาจจะสามารถเอาชนะพ่อมดที่ระดับ 6 ดาวได้
อย่างไรก็ตามจากระดับ 7 ดาวขึ้นไปมันแตกต่างกัน
ในอดีตเฟรย์ได้จัดประเภทพ่อมดที่อยู่ในระดับ 7 ดาวว่า "อาก์เมจ"
‘พ่อมดระดับ 5 ดาวยังพอจะเอาชนะพ่อมดระดับ 6 ดาวได้ แต่พ่อมดระดับ 6 ดาวจะไม่สามารถเอาชนะพ่อมดระดับ 7 ดาวได้ '
มานาสำรองความเร็วในการร่ายเวทย์พลังเวทย์และจิตใจ ทั้งหมดมีความแตกต่างอย่างมากในทุกๆด้าน
เนื่องจากความยากลำบากในการไปถึงขั้น 7 ดาว มันไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งที่คนๆนั้นเคยประสบมาก่อน
นั่นหมายความว่าอาร์ชเมจมีวิธีลึกลับหนึ่งหรือสองวิธีในการเข้าระดับนั้น เป็นพลังที่วีชั่นเมจิกไม่มีทางเทียบได้
เพื่อให้เขาเอาชนะพ่อมดระดับ 7 ดาวได้อย่างน้อยเขาก็ต้องเข้าสู่สถานะเดียวกันก่อน
"1 เดือนมันควรจะเพียงพอที่จะถึงระดับ 5 ดาวอย่างสมบูรณ์"
มันจะเป็นไปได้ว่าเขาจะฝึกตอนเช้าในห้องว่างใกล้หอพักก็ตาม
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะไปถึงระดับ 6 ดาวด้วยความหนาแน่นของมานาที่เบาบางที่นั่น และมันจะยากยิ่งกว่าที่จะไปถึงระดับ 7 ดาว
‘ฉันควรจะลาออกจากการเป็นนักเรียนเดี๋ยวนี้ดีไหม?
เฟรย์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่ว่าในกรณีใดๆ เขาก็ถูกครอบครัวทอดทิ้งดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจว่าเขาจะหายไป
เขาแน่ใจว่าถ้าเขาถามศาสตราจารย์ดิโอเกี่ยวกับเรื่องนั้น มันจะเป็นเรื่องง่าย
แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัว
‘มันคงยากที่จะกลับเข้ามาถ้าฉันลาออกไป’
เป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะดำรงสถานะเป็นนักเรียนจนกว่าเขาจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของไซริสทรีซไนน์
'ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอจนถึงช่วงปิดเทอมอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า'
เมื่อปิดเทอมได้เริ่มขึ้นนักเรียนมักจะกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อพักสมอง
แม้ว่าจะได้รับการบ้านเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยากเพราะเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ได้ทำมัน การลงโทษก็ไม่ร้ายแรงจนเกินไป
ปิดเทอมยาวสองเดือนนั่นเป็นเวลาที่เพียงพอ
‘ฉันควรจะแวะไปที่ดันเจี้ยนของชไวเซอร’
บางทีดันเจี้ยนใต้ดินของเขาอาจพังทลายหรือถูกปล้นไปแล้ว แต่มันก็ไม่สำคัญ
ในอดีตลูคัสโทรว์แมนมีของสะสมอยู่ไม่น้อย
สามารถพูดได้ว่าในดันเจี้ยนใต้ดินของเขาเองจะสามารถพบหนังสือที่เขาเคยอ่านในอดีต โกเลมสองสามตัวที่เขาสร้างขึ้นจากความสนใจและสิ่งของเบ็ดเตล็ดอื่นๆ
แต่ชไวเซอร์นั้นแตกต่างออกไป เขาให้การดูแลและรักในดันเจี้ยนใต้ดินของเขาเป็นอย่างมาก
‘ดันเจี้ยนของเขาจะอยู่ในสภาพที่ดี’
ยิ่งไปกว่านั้นดันเจี้ยนยังอยู่ในสถานที่ที่คนทั่วไปไม่สามารถจินตนาการได้ หากมีใครสามารถหาพบได้พวกเขาก็สมควรที่จะรับสิ่งของบางชิ้นในนั้น
‘ฉันจะต้องไปที่เทือกเขาอิสปาเนียทางตอนเหนือ’
เขาตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ที่นั่น
แม้จะอยู่ในระดับ 6 ดาว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะการันตีว่าเขาจะเดินเที่ยวได้เท่าที่พอใจ
'ดีละ'
เป้าหมายของเฟรย์ถูกตั้งไว้
ขั้นแรกเขาต้องรอและฝึกฝนทักษะของเขา
จากนั้นในช่วงพักร้อน เขาจะไปที่เทือกเขาอิสปาเนียเพื่อค้นหาดันเจี้ยนของชไวเซอร์
หลังจากไปถึงระดับ 7 ดาวด้วยความช่วยเหลือของไอเทมวิเศษที่นั่นเขาถึงจะกลับมาพบกับผู้อำนวยการของสถาบัน