บทที่ 4 นักเรียนที่อ่อนแอที่สุด (4)
“แจ็ค!”
แอนโธนี่รีบไปตรวจสอบแจ็ค
‘เขาเป็นลม?’
ทำไมจู่ๆ? ตาของแอนโธนี่หันไปหาเฟรย์แต่เฟรย์นั่งอยู่ที่โต๊ะของเขาอีกครั้งก่อนจะอ่านหนังสือเรียน
'ฉันแน่ใจว่าไอ้ระยำนี้ต้องทำอะไรบางอย่าง'
แต่เขามีพรสวรรค์ขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาเป็นแค่นักเรียนต่ำต้อยที่สามารถใช้ได้แค่เมจิกมิสไซล์เท่านั้นเองนิ
ขณะที่แอนโธนี่พยายามจะพูดประตูก็เปิดออกและศาสตราจารย์ดิโอก็เข้ามา
ตอนนี้เป็นเวลาเริ่มคลาสเรียนคาบเช้าแล้ว
สายตาของดิโอมองไปที่แอนโธนี่ที่สั่นคลอนขณะที่เขายืนอยู่และแจ็คที่สลบไป
“แอนโธนี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมแจ็คถึงนอนกองกับพื้น?”
“….จู่ๆเขาก็ล้มลงครับ”
“จู่ๆ?”
ดิโอเดินเข้ามาหาแจ็คด้วยความงงงวย จากนั้นเขาก็พลิกตัวเขาและตรวจสภาพของเขา
‘นี่มัน…’
ใบหน้าของดิโอแข็งกระด้าง เขารู้สึกถึงร่องรอยจ้างๆของมานาบนท้องของแจ็คแต่มองไม่เห็น หากไม่ใช่เพราะการรับรู้ของเขา
‘นี่คือร่องรอยของทักษะศิลปะการต่อสู้โดยใช้มานา’
หมายความว่านี่เป็นผลงานของนักรบเวทมนตร์ ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนจะทำได้
มันทั้งรวดเร็วและซับซ้อน เขามั่นใจว่าไม่มีศาสตราจารย์สักคนที่มีทักษะในระดับนี้ ใครเป็นคนที่ทำกันนะ? ดวงตาของดิโอมองไปรอบๆ และมองไปที่เฟรย์ เขาหมกมุ่นอยู่กับการอ่านโดยไม่สนใจแจ็คที่ล้มลงใกล้ๆเขา
“บอกรายละเอียดให้ฉันฟังที”
ดวงตาสีฟ้าคมกริบของดิโอกวาดไปทั่วห้องเรียน นักเรียนทุกคนที่ได้พบกับการจ้องมองของเขาถึงกับสะดุ้ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเดวิดก็ลุกขึ้นและพูด
“แจ็คและเฟรย์กำลังคุยกันสักครู่ แล้ว…”
สองคนนั้น? พูดคุย? แม้แต่ดิโอที่ปฏิบัติต่อนักเรียนอย่างเฉยเมยยังรู้ถึงความสัมพันธ์ของเดวิดกับเฟรย์ดี พวกเขาไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่เป็นมิตรพอที่จะพูดคุย
เดวิดหยุดพูดกลางคันเมื่อสบตากับดิโอ
“จู่ๆเขาก็ทรุดลงทันทีครับ”
เมื่อดิโอหันหน้าหนี เดวิดก็รู้สึกถึงเหงื่อที่เย็นตรงหลังของเขา แล้วแอนโธนี่ก็พูด
“ศ-ศาสตราจารย์ แจ็คเป็นยังไงบ้าง”
“…ดูเหมือนเขาจะหมดสติไปชั่วขณะ ไม่ต้องกังวลไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”
“อะไรทำให้เขาสลบครับ?”
“…ฉันคิดว่าฉันจะต้องตรวจสอบเขาเองแล้วละ”
ดิโอไม่จำเป็นต้องบอกนักเรียนเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เพราะพวกเขาจะไม่เข้าใจมันอย่างแน่นอน ดิโอหยุดชั่วครู่แล้วพูด
“ยกเลิกคลาสตอนเช้านะทุกคน”
"ฮะ?"
“เดียวจะจัดให้มีศาสตราจารย์อีกคนมาสอนแทน รอในห้องเรียนไปก่อนนะ”
ดิโอตั้งใจจะศึกษาอาการของแจ็คโดยละเอียดมากขึ้น แม้ว่าจะไม่น่าเป็นไปได้ แต่อาจเป็นผลงานของบุคคลภายนอก
“ศาสตราจารย์คนไหนจะรับช่วงต่อครับ”
“ศาสตราจารย์เควินได้มาถึงเร็วในเช้าวันนี้ ฉันรู้ว่าเขาไม่มีกำหนดการอะไรในเช้านี้ดังนั้นฉันจะขอร้องเขา”
ตามคำพูดของดิโอนักเรียนก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ศาสตราจารย์เควิน เขายังเป็นหนึ่งในสามศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสถาบันซึ่งรวมถึงดิโอด้วย อย่างไรก็ตามจากการประเมินผลจากนักเรียนแล้ว เขานิสัยแย่ที่สุดในหมู่นักเรียน
แม้ว่าดิโอจะมีบุคลิกที่เย็นชา แต่เขาก็เป็นที่เคารพนับถือของนักเรียน ความสามารถของเขาน่าทึ่งและชั้นเรียนของเขาเข้าใจง่าย
แต่เควินนั้นแตกต่างออกไป เขาทำตัวขี้เก๊กแม้ว่าเขาจะมีทักษะที่แย่ที่สุดในบรรดาอาจารย์แถมยังเคร่งครัด
ไม่มีนักเรียนคนไหนชอบเขา
เขามีปมด้อยอย่างรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อดิโอเช่นเดียวกับศาสตราจารย์อีกคนชื่ออเดเลีย
ถ้าดิโอขอให้เขาช่วยเขาก็จะยอมทำอย่างนั้นอย่างแน่นอนโดยคิดว่าคงไม่มีใครเก่งเกินไปกว่าเขาแล้ว
ดิโออุ้มแจ็คไว้บนบ่าของเขา
นักเรียนถอนหายใจและเตรียมพร้อมสำหรับชั้นเรียนของเควิน ในขณะนั้นเดวิดเดินเข้ามาหาเฟรย์และพูดอย่างขมขื่น
"แกทำอะไรลงไป?"
“…”
“ไม่ไม่มีทางที่แกจะทำในสิ่งที่ตาของฉันจับไม่ได้”
เดวิดคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญและหัวเราะเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
“อย่าหนีการซ้อมตอนบ่ายซะละ”
จากนั้นเขาก็มองตรงไปที่แอนโธนี่และพูดว่า
“เราโดดเรียนกันเถอะ”
“เป็นชั้นเรียนของศาสตราจารย์เควินเชียวนะ จะเป็นอะไรไหม?”
"น่าจะไม่เป็นอะไร ศาสตราจารย์เควินน่าจะเข้าใจ”
ขณะที่เดวิดกล่าวด้วยรอยยิ้ม แอนโธนี่ก็ยิ้มเช่นกัน เควินตระหนักว่าเขาไม่สามารถทำอะไรกับเดวิดได้
ในที่สุดเขาก็มองไปที่เฟรย์ แม้จะมีความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่การแสดงออกของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่เล็กน้อย
‘ใช่แล้ว รักษาทัศนคติแบบนั้นไว้ ฉันจะคอยดูว่าแกจะทำหน้าแบบไหนเมื่อฉันขยี้แก'
เขากำลังจะจบการแข่งขันด้วยการหักแขน แต่ตอนนี้เขาคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะทำลายดวงตาด้วยเช่นกัน
เมื่อนั้นเดวิดและแอนโธนี่จึงลุกออกจากห้องเรียนไป
* * *
“อ๊ะแน่นอน”
เควินเป็นชายวัยกลางคนหัวล้านผมร่วงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากล่างที่ยื่นออกมาตาเอียงจมูกงุ้มและท้องโป่งทำให้เขาดูเหมือนโจรมากกว่านักเวทย์
“ผมหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณนะเควิน”
เควินหัวเราะตามคำพูดของดิโอ
“ไม่ต้องกังวลไป ศาสตราจารย์ดิโอถึงกับโค้งคำนับและขอร้องผมทั้งที! ฮ่าฮ่า!”
เขาเน้นย้ำส่วน "ขอร้อง" อย่างจริงจัง แต่ดิโอไม่ได้โค้งคำนับหรือขอร้อง
แต่เขาพยักหน้าหนึ่งครั้งเพราะไม่ต้องการเสียเวลาเถียงกับเขาแบบเด็กๆ
เควินมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนพร้อมกับแสยะยิ้ม ในความเป็นจริงเขาไม่ได้เกลียดการสอนมากนัก แต่มันกลับเป็นความชอบมากกว่า
นักเรียนส่วนใหญ่ที่สถาบันเวสต์โร้ดแสดงความไว้วางใจและเคารพอาจารย์ของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผย
เควินชอบเช่นนั้น มันเป็นเหตุผลที่เขาพยายามอย่างมากที่จะเป็นศาสตราจารย์ที่สถาบันเวสต์โร้ด เขาดิ้นรนจนถึงขั้นเลือดกำเดาไหล แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นหอมหวานมาก
ถ้าเขาขาดตำแหน่งของศาสตราจารย์ไปเขาจะไม่ถูกพูดถึงอย่างสุภาพจากพวกที่เป็นอัจฉริยะเช่น ดิโอและอเดเลีย เขาจะไม่ถูกสั่งให้ทำนูนทำนี่และนับประสาอะไรกับการขอความช่วยเหลือ
เมื่อเควินเปิดประตูและเข้าไปนักเรียนส่วนใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่รอช้า
คะแนนของแต่ละวิชาสามารถกำหนดได้โดยศาสตราจารย์ที่รับผิดชอบเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากนักเรียนทำให้เขาไม่พอใจในทางใดทางหนึ่งพวกนักเรียนพวกนั้นก็จะได้รับผลการเรียนที่ไม่ดีโดยไม่คำนึงถึงคะแนนที่แท้จริง
นักเรียนที่มีไหวพริบรู้ว่าเควินชอบอะไรมากที่สุด เมื่อเขาเห็นดวงตาที่สดใสของนักเรียนเควินก็หัวเราะเบาๆ
“ฉันไม่แน่ใจว่าพวกคุณรับรู้แล้วหรือยัง แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ฉันเลยต้องมารับผิดชอบบทเรียนในเช้าวันนี้ ดังนั้นทุกคนเปิดตำราของคุณซะ”
นักเรียนรีบเปิดหนังสือเรียน เมื่อรู้ถึงบุคลิกที่จุกจิกจู้จี้จุกจิกของเควินพวกเขาจึงนำหนังสือของตนออกมาล่วงหน้าแล้ว
เฟรย์งงไปชั่วขณะเพราะเขาไม่รู้ว่าเควินรับผิดชอบเรื่องใดในการสอน เขามองไปรอบๆ และเห็นชื่อหนังสือที่นักเรียนคนอื่นนำออกมา
'ประวัติของวิทยาศาสตร์เวทย์มนต์'
โชคดีที่หนังสือเรียนทั้งหมดของเขาวางอยู่บนโต๊ะเรียนแล้ว เขาเริ่มจัดเรียงทีละรายการ รูปร่างของเขาโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของเควินมาก
ตอนแรกเขาไม่รู้จักเฟรย์ แต่เมื่อเห็นผมสีเทาอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เควินก็ตระหนักถึงตัวตนของเขาได้ในทันที
‘เฟรย์เบลค? ไอ้เด็กบ้าแกกลับมาเรียนในชั้นเรียนของฉันแล้วเหรอ? '
เฟรย์เบลค เขาเป็นนักเรียนที่มีชื่อเสียงในสถาบันดังนั้นเควินจึงรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ชอบเฟรย์ เขาต้องการได้รับความเคารพจากบุตรหลานของครอบครัวที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากทั่วประเทศ เขาไม่ได้สนใจว่าพวกลูกนอกสมรสว่าจะคิดอย่างไรกับเขา
แต่เขาคิดว่าเฟรย์เป็นคนที่ลดคุณภาพชั้นเรียนของเขาลง หลังจากบอกให้เขารู้ว่าความพยายามของเขาจะไม่มีทางทำให้เขาไปไหนได้เควินก็ขับไล่เขาออกไปอย่างโหดร้าย
เฟรย์เบลควิ่งออกจากชั้นเรียนพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำและไม่เคยเข้าเรียนอีกเลย เควินเลยคิดว่าจะไม่ได้เห็นเขานั่งที่นั่นอีกแล้ว
‘ลมพัดอะไรมานะ?’
ยิ่งไปกว่านั้นอากาศรอบๆ เฟรย์ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยธรรมชาติแล้วเควินไม่สามารถจำรูปร่างหน้าตาของเฟรย์ได้โดยละเอียด แต่ดวงตาที่หวาดกลัวและไหล่ที่เหี่ยวเฉาของเขานั้นยากที่จะลืมเลือน
แต่เฟรย์ตอนนี้โอ่อ่า การจ้องมองของเขามีความแข็งแกร่งและหลังของเขาก็ตรง ถ้าไม่ใช่เพราะสีผมของเขาเควินจะไม่เชื่อว่าเขาคือเฟรย์
‘อืม’
มันไม่สำคัญ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในความคิดของเฟรย์ แต่การไล่เด็กไร้เดียงสาคนนั้นออกไปอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เควินกล่าวโดยยิ้มกว้าง
“เฟรย์เป็นเวลานานแค่ไหนแล้วที่ได้พบนายอีกครั้ง คงจะมีเหตุผลพิเศษใช่ไหมที่ไม่เข้าชั้นเรียนของฉันเลย?”
เฟรย์เจอหนังสือเรียนทันเวลาและตอบกลับในขณะที่นำหนังสือส่วนที่เหลือออกไป
“ผมไม่ค่อยมีเวลานะครับ”
“อาจจะมีบางอย่างที่นายคิดว่าสำคัญกว่าชั้นเรียนของฉันสินะ?”
เควินพูดเสียงดังพร้อมกับกัดฟันแน่น เริ่มแรกมันเป็นผลมาจากการที่เขาถูกล่วงละเมิด แต่ตอนนี้เฟรย์พูดราวกับว่าเขาปฏิเสธชั้นเรียนของเควินด้วยตัวของเขาเอง
นักเรียนคนอื่นๆ มองเฟรย์ด้วยความกังวลครึ่งหนึ่งและคาดหวังครึ่งหนึ่ง
พวกเขาส่วนใหญ่ตระหนักว่าเฟรย์เปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยการเป็นพยานว่าเขายืนหยัดต่อพวกของเดวิดได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามคราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาคือเควินซึ่งเป็นศาสตราจารย์ที่นักเรียนทั้งหมดที่ไม่ชอบที่สุดในบรรดาศาสตราจารย์
เขาจะไม่สามารถขัดขืนได้เหมือนเมื่อก่อน
“ผมก็คิดว่างั้น”
“…”
เฟรย์ตอบเบาๆ มีบางคนในหมู่นักเรียนอ้าปากค้างเสียงดัง พวกเขาไม่ได้เป็นอยู่คนเดียวเพราะคนอื่นๆ ส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาคล้ายๆกัน จากนั้น
“โอ้…?”
จากนั้นใบหน้าของเควินก็แข็งกร้าว