บทที่ 275
บนเทือกเขาสูงเสียดฟ้า เมฆลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณอันเป็นที่อยู่ขององค์เทพภายในตำหนักสีทองหลังหนึ่งมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งโคจรลมปราณอยู่ภายในห้อง ชั่วน้ำเดือดชายผู้นั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีชายชราผู้หนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้า
“เรื่องที่ข้าให้ท่านไปสืบเป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียนนายน้อย ข่าวที่ให้ไปสืบตอนนี้ทั่วทั้งแผ่นดินชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่อายุประมาณสิบเจ็บปีถูกสังหารจนหมดแล้วขอรับ ดังนั้นท่านมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าตัวท่านเป็นเด็กในคำทำนายอย่างแน่นอน”
เวิ่นเทียนยกยิ้มจ้องมองชายชราอย่างไม่วางตา
“แล้วเรื่องนี้ตาแก่นั้นมีท่าทีอย่างไรบ้าง”
“เรียนตามตรงนายน้อย นายท่านตอนนี้กำลังเก็บตัวฝึกวิชาขอรับ”
“เหอะ ถึงอย่างไรเสียตาแก่นั้นยังคงไม่วางมือง่ายๆเป็นแน่ หรือว่าข้าควรจะลงมือในตอนนี้”
“ว่าแต่ตอนนี้ตัวท่านก็อายุครบสิบเจ็ดปีตั้งนานแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดบ้างขอรับ”
เวิ่นเทียนส่ายศีรษะไปมา
“เรื่องนี้ข้าก็หาได้ทราบ เมื่อสอบถามไปทางท่านจัวกุ๋ยกู่ก็บอกได้เพียงเป็นบัญชาจากสวรรค์เท่านั้นหากรับรู้มากเกินไปจะเป็นผลเสีย”
“หรือท่านจะสอบถาม”
แน่นอนว่าเวิ่นเทียนรับรู้ว่าชายชราด้านหน้าจะกล่าวสิ่งใดจึงสบถออกมาเสียงดังลั่น
“หุบปากของเจ้าซะ ข้ารู้ว่าเจ้าจะกล่าวสิ่งใดคิดจะให้ข้าไปสอบถามจากนางแพศยานั้นอย่างนั้นรึ”
ชายชราตัวสั่นสะท้านด้านความหวาดกลัว
“ข้า ข้า”
“บัดซบยิ่งนัก หากไม่มีมันท่านแม่ก็ไม่ตรอมใจตายจากข้าไป”
เวิ่นเทียนครุ่นคิดอยู่นานก็เอ่ยวาจาออกมา
“อ๋องมู่ส่งข่าวมาบ้างหรือไม่”
“เรื่องนั้นเป็นไปตามแผนการที่ท่านวางเอาไว้ ตอนนี้อ๋องมู่และเหมาหนานกำลังทำสงครามกัน เสือสองตัวต้องมีหนึ่งตัวที่ตกตายและอีกหนึ่งที่บาดเจ็บ เมื่อถึงเวลานั้นท่านเพียงแค่ลงมือไปจัดการ ก็สามารถสร้างผลงานชิ้นใหญ่ได้อย่างแน่นอนตอนนี้ขอเพียงรอเวลาเพียงเท่านั้นขอรับ”
“ส่งคนของเราไปที่นั่นช่วยเหลืออ๋องมู่ เพราะหากจัดการเหมาหนานได้อ๋องมู่ก็เป็นเพียงหมากในกระดานเท่านั้น จะทำลายทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้”
" แน่นอนขอรับ ข้าจะเร่งส่งคนไปที่นั่นตามนายน้อยต้องการ "
" ดี "
วันเวลาผ่านไปสามวันเนี่ยฟงก็พอจะได้รับรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้นจากการสอบถามวังกุ่ยโจวตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี่ ชินฉางเองก็ต้อนรับเนี่ยฟงอย่างดี ส่วนวังโจวตอนนี้อาการหายดีแล้วเช่นกัน ตอนนี้เป็นเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว ในหลายพื้นที่เริ่มที่จะมีการจุดไฟเพื่อให้แสงสว่าง เนี่ยฟงนั่งคุยกับวังกุ่ยโจวอย่างปกติที่ด้านหน้าบ้านพัก แต่ทว่ามันนี้ต่างออกไปทั้งสองมองเห็นชินฉางวิ่งหน้าตาตื่นตกใจเข้ามาหาทั้งสองอย่างเร่งรีบ อีกทั้งยังมีเสียงตะโกนเสียงดังมาจากด้านหน้าบ้าน
“เนี่ยฟงรบกวนเจ้าช่วยเหลือบางอย่างได้หรือไม่”
“เกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่รึ แล้ววังโจวอยู่ที่ไหน”
“พี่ใหญ่ออกไปทำธุระด้านนอกยังไม่กลับ เจ้าติดตามข้ามาเถอะแล้วเจ้าจะรู้เอง”
เนี่ยฟงพยักหน้ารีบติดตามชินฉางออกไปอย่างเร่งรีบ เปรี้ยง เสียงประตูไม้ด้านหน้าถูกทำลายเสียงดังลั่น ทหารหลายสิบนายพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับกำชับดาบในมือแน่น ผู้คนที่เหลืออยู่ตอนนี้ต่างกำชับอาวุธในมือแน่นเช่นกัน ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็พบเจอชายผู้หนึ่งที่เคยพบเจอที่ร้านบะหมี่เมื่อหลายวันก่อน ทันทีที่ชายผู้นั้นหันมาพบเจอเนี่ยฟงก็รีบยกมือขวาชี้มายังเนี่ยฟงพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เหอะ ที่แท้พวกเจ้าก็เป็นพวกเดียวกัน”
เนี่ยฟงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ผายมือทั้งสองออกมาหาได้กล่าวสิ่งใดตอบ เป็นชินฉางที่หันมาเอ่ยวาจากับเนี่ยฟง
“เจ้ารู้จักกับซิวเจียงด้วยอย่างนั้นรึ”
“ข้าหาได้รู้จักชายผู้นั้นเพียงแต่เคยพบเจอเมื่อครั้งที่ข้าทานบะหมี่เมื่อหลายวันก่อน”
“เป็นเช่นนั้นเอง”
“ว่าแต่เรื่องที่จะให้ข้าช่วยคงไม่ใช้จัดการกับชายผู้นี้ใช่หรือไม่”
“เป็นอย่างที่เจ้ากล่าว ข้ารบกวนเจ้าแล้ว”
เนี่ยฟงทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมา หันมาเอ่ยวาจากับซิวเจียง
“เรื่องนี้แต่เดิมข้าไม่ได้อย่างยุ่งเกี่ยวมากนัก แต่เมื่อมาพักบ้านเขาแล้วเมื่อเจ้าบ้านมีปัญหาข้าก็คงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ รบกวนท่านวางมือได้หรือไม่”
ซิวเจียงแสยะยิ้มเอ่ยวาจาออกมาจนทำให้หลายคนหันไปมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตา
“แน่นอนขอเพียงเจ้าคุกเข่าขอขมาข้า และนำเงินไปคืนให้พวกที่ถูกคนของวังโจวรีดไถ”
เนี่ยฟงก้มหน้าครุ่นคิด
“ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วหรือไม่”
ซิวเจียงยกยิ้มก้าวเดินออกมา
“แน่นอนว่ามีทางเป็นไปได้หากเจ้าคลานสี่ขามาหาข้าที่นี่”
“แล้วหากข้าไม่เลือกที่จะทำตามละ”
“ข้าก็จะทุบตีเจ้าอย่างไรละ”
เนี่ยฟงหันไปมองชินฉางด้านข้าง
“หากจะให้พวกท่านคืนเงินจะพอเป็นไปได้หรือไม่”
“ไม่มีทาง คนพวกนั้นพอมีปัญหาเดือดร้อนก็มาหยิบยืมพวกข้า พอถึงเวลาจ่ายกลับไม่มีชอบทำตัวน่าสงสาร เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้มันเป็นของธรรมดาอยู่แล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวชินฉางก็สะบัดมือขวานำบันทึกเล่มใหญ่ออกมายื่นให้แก่เนี่ยฟง
“เจ้าลองดูเถอะ”
เนี่ยฟงรับบันทึกจากชินฉางมาเมื่อเปิดดูข้างในก็พบว่าเป็นตามที่ชินฉางกล่าว แม้กระทั่งเถ้าแก่ร้านบะหมี่เองก็มีจดไว้ในบันทึก เนี่ยฟงหันมองจ้องมองซิวเจียงพร้อมกับยกยิ้ม
“เห็นทีพวกท่านคงมาเสียเรื่องแล้วละ คุณชายซิวเจียงในบันทึกมีกล่าวเอาไว้เช่นนี้จริงๆ”
ซิวเจียงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเสียหน้าไม่น้อย เนี่ยฟงเมื่อเห็นเช่นนั้นยกยิ้มยกบันทึกในมือขึ้นมา
“เช่นนั้นเชิญพวกท่านกลับไปเสียเถอะ อีกอย่างที่นี่หาได้ต้อนรับพวกท่าน หากคิดจะเป็นสุภาพบุรุษผดุงความยุติธรรม ต่อไปก็ให้สืบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียก่อนข้าไม่อยากให้ท่านต้องอับอายเช่นวันนี้ เชิญขอรับ”
ซิวเจียงถึงกับหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธที่เสียหน้าในวันนี้
“เจ้ามีนามว่าอะไรกันไอ้หนู”
“ตัวข้ามีนามแซ่ท่านนามว่าปู่ ต่อไปท่านพบเจอข้าก็เรียกนามของข้าก็แล้วกัน”
ซิวเจียงเอ่ยวาจาออกมาอย่างแผ่วเบา
“ท่านปู่”
แน่นอนว่าคนขอชินฉางต่างก็ได้ยินที่ซิวเจียงกล่าวออกมาก็หัวเราะเสียงดังลั่นซิวเจียงกำหมัดในมือแน่นจ้องมองเนี่ยฟงยังไม่วาวตา เนี่ยฟงยกยิ้มยื่นบันทึกคืนให้แก่ชินฉางหลังจากนั้นก็ชี้มือขวาไปยังประตูที่พักด้านหน้า
“แน่นอนว่าค่าเสียหายที่พวกท่านทำลายประตู ข้าจะให้ชินฉางแจ้งต่อพวกท่านในวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้เชิญพวกท่านกลับไปซะ”
ซิวเจียงไม่กล่าวสิ่งใดตอบรับ รีบก้าวเดินออกไปยังด้านหน้าอย่างเร่งรีบ ทหารที่ติดตามมาด้วยก็รีบติดตามไปอย่างเร่งรีบ เนี่ยฟงหันมาจ้องมองชินฉาง
“หวังว่าเรื่องที่พวกท่านกล่าวจะเป็นเรื่องจริง”
“แน่นอน แน่นอน ว่าแต่เจ้าจะอยู่ที่เมืองนี้อีกนานหรือไม่”
“พวกท่านคงไม่นำเรื่องปวดหัวมาให้ข้าใช่หรือไม่”
“ข่าวที่เจ้าให้ข้าไปสืบเกี่ยวกับพวกของเหมาหนานตอนนี้พวกพวกนั้นกำลังรับสมัครทหารอยู่ เจ้าสนใจหรือไม่”
“คนพวกนั้นกลับมาแล้ว”
“กลับมาเพียงบางส่วน มีเพียงเหยียนอู่และหลงจวินที่กลับมารวบรวมกำลังคน”
“แล้วคนพวกนั้นจะรับสมัครคนเมื่อไหร่กัน”
“พรุ่งนี้เช้าหน้าประตูเมืองชั้นใน”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับ
“ขอบใจท่านมาก หากที่นี่ไม่มีสิ่งใดแล้วข้าขอตัวกลับไปพักก่อน”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็หันหลังก้าวเดินออกไปมุ่งหน้ากลับบ้านพัก ส่วนชินฉางก็สั่งคนของตนแยกย้าย
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันไอ้หนู”
“หากไม่เข้าถ้ำเสือเราจะได้ลูกเสือหรือขอรับ”
รุ่งเช้ามาถึงแสงแดดอ่อนๆกระทบใบหน้า เนี่ยฟงตื่นแต่เช้าเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสีเทามุ่งหน้าไปยังประตูเมืองชั้นในตามที่ชินฉางกล่าว ตลอดทางมีชายฉกรรจ์และหญิงสาวเดินทางมายังที่นี่เป็นจำนวนมาก หลายคนอยู่รวมกลุ่มกันบ้างแล้ว ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็รู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครบางคนจ้องมองอยู่ เขาจึงหยุดยืนนิ่งค่อยๆแผ่ลมปราณตรวจสอบ ไม่นานก็พบว่าคนที่จ้องมองเป็นหญิงสาวนางหนึ่งที่เคยพบเจอเมื่อครั้งมายังที่นี่ เขาพยายามเดินหลบเลี่ยงไปตามฝูงผู้คนที่อยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อด้านหน้าของตนเป็นซิวเจียงที่ยืนจ้องมองอย่างไม่วางตา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูท่างานนี้เจ้าจะลำบากแล้วไอ้หนู”