สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 20
ตอนที่ 20 การเปลี่ยนเป้าหมาย และการฝึกร่วมกัน
เซลิน่ารู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่าในขณะนี้เธอนั้นพูดมากกว่าปกติ สำหรับลุคเขาเพียงแค่พยักหน้าตามที่เธอพูดเรื่อยๆ
อันที่จริงที่ลุคสนใจจริงๆ แล้วก็คือข้อมูลภารกิจที่เขาเพิ่งได้รับจากระบบเมื่อกี้นี้ต่างหาก
ภารกิจ: จับกุมผู้ค้ายาเสพติด, ยึดโคเคนเสร็จสิ้น
การเสร็จสิ้นภารกิจมีรางวัลมูลค่ารวม 200 ค่าประสบการณ์และ 200 เครดิต
เนื่องจากการมีส่วนร่วมของโฮสต์ในภารกิจคือ 80 เปอร์เซ็นต์จึงได้รับรางวัล 160 ประสบการณ์และคะแนนเครดิต 160 คะแนนให้กับโฮสต์
(B_R: ตอนแรกเคยใช้ว่าเจ้าของร่าง แต่ต่อนี้ไปใช้โฮสต์เลยน่าจะเหมาะกว่านะครับ)
เนื่องจากมีประสบการณ์ครบ 500 คะแนนโฮสต์จึงเลเวลเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 3
คะแนนสเตตัสเพิ่มเติม: 3
ก่อนหน้านี้ค่าประสบการณ์ของลุคอยู่ที่ 473 ซึ่งไม่ห่างจาก 500 สำหรับการอัพเลเวลถัดไป
แต่เนื่องด้วยการจับกุมพ่อค้ายาที่เขาได้รับอย่างกะทันหัน ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมาก และยังช่วยให้เขาได้รับค่าประสบการณ์ครบตามเงื่อนไขของการเพิ่มเลเวล และนอกจากนั้นเขายังมีค่าประสบการณ์เหลืออีกมากกกว่า 100 คะแนนหลังจากเพิ่มเลเวล
ลุคมีความสุขอย่างมากเลยที่เดียวเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ทว่าในระหว่างการจับกุมในคดีก่อนหน้านี้ เขายังค้นพบว่ามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับแนวคิดของเขาที่ผ่านมา
โดยทั่วไปแล้วเมืองเล็กๆ อย่างเมืองเชคเคอร์ฟอรค์ด แทบจะไม่มีเรื่องวุ่นวายใดๆ เกินขึ้นบ่อยนักเนื่องจากประชากรที่นี่มีไม่มากนักและ ทุกคนในเมืองแทบจะรู้จักกัน ถึงแม้ว่าจะมีคนนอกบ้างแต่ก็ไม่กี่คนในเมือง
ในตอนแรกเขาคิดว่าการจะทำภารกิจให้สำเร็จเขาต้องการเพียงแค่ร่างกายที่แข็งแกร่งเท่านั้น เนื่องด้วยว่ากองกำลังตำรวจเล็กๆ อย่างเมืองเชคเคอร์ฟอรค์ด ไม่จำเป็นต้องใช้ปืนมากนัก พวกเขาอาศัยเพียงแค่ความสามารถทางกายภาพเท่านั้นในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่พวกเขาพบเจอเป็นประจำ
ซึ่งในช่วงระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาลุคเองก็ไม่เคยจะได้ชักปืนออกจากซองหนังของเขาเลย และนั่นเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่ากองกำลังตำรวจของที่นี่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ใช้ปืนเท่าไร
และด้วยเหตุนั้นลุคจึงเน้นไปที่การอัพค่าสถานะความแข็งแกร่งเป็นหลัก
แต่เมื่อเขาจับกุมผู้ค้ายาเสพติดสองคนก่อนหน้านี้สำเร็จ เขาก็เริ่มตระหนักได้ว่าในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐอเมริกาไม่วันใดก็วันหนึ่ง เขาจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีอาวุธปืนอยู่ดี
และถึงแม้ว่าเขาจะมีค่าความแข็งแกร่ง 20 หรือ 30 แต้มเขาก็ไม่สามารถหยุดกระสุนได้อยู่ดี
ช่วงเวลาที่เขากำลังเผชิญหน้ากับคนร้ายที่ถือปืน ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถจะต่อสู้กับคนร้ายจากระยะไกลได้ และถ้าเขายังดันทุรังที่จะทำแบบนั้นเขาอาจจะตายเร็วขึ้นกว่าเดิม
ในความเป็นจริงแล้วในช่วงแรกๆ ของการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาควรมุ่งเน้นไปที่ การเรียนรู้วิธีใช้ปืนอย่างถูกต้องมากกว่า
และในการใช้ปืนความแข็งแกร่งไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความชำนาญ และความคล่องแคล่วในการยิงมากกว่า
ซึ่งถ้าเกิดว่าความคล่องแคล่วของลุคมีมากกว่าของคนทั่วไปสองเท่าตัวลุคจะสามารถหยิบปืนออกมา ยิงใส่คนร้าย และใส่กลับเข้าไปในซองหนัง และขึ้นตอนทั้งจะเสร็จสิ้นก่อนที่ศัตรูของเขาจะยกปืนขึ้นมาด้วยซ้ำ
และสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วในสถานการณ์ฉุกเฉิน ความเร็วในการตอบสนองมีความสำคัญมากกว่าพละกำลังซะอีก
หรือแม้กระทั่งระหว่างการทะเลาะวิวาทธรรมดาความคล่องแคล่วที่มากกว่าก็เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเช่นกัน
ดูเหมือนว่าความเข้าใจของลุคที่จะเน้นความแข็งแกร่งเป็นหลักเหมือนในตอนที่เขาเล่นเกมในชาติที่แล้วจะไม่สามารถใช้ได้ที่นี่ เพราะว่านี่คือชีวิตจริงไม่ใช่เกม
ระหว่างที่ลุคครุ่นคิดเกี่ยวกับค่าสถานะทั้งหมดที่ผ่านมา เขาจึงตัดสินใจว่าคราวนี้เขาต้องจัดสรรค่าสถานะให้กับความคล่องแคล่วบางส่วน
และวันต่อมาก็เป็นวันหยุดของลุคอีกครั้ง
ลุคได้เตรียมอาหารจำนวนมากเหมือนอย่างเช่นเคย นอกจากนี้เขายังตุนวิตามินและอาหารเสริมจำพวกแคลเซียมไว้ด้วย
หลังจากที่ลุคทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับขึ้นไปที่ห้องของเขาเพื่อเริ่มการอัพค่าสเตตัส
และสิ่งที่ตามมาหลังจากอัพค่าสเตตัส ก็คือทั้งวันนั้นของลุคเต็มด้วยความทุกข์ทรมาน
ซึ่งจะแตกต่างไปจากตอนที่เขาเพิ่มค่าสเตตัสไปที่ความแข็งแกร่ง
หลังจากใช้ค่าสเตตัส 3 คะแนนเพิ่มให้กับความคล่องแคล่ว ร่างกายของลุครู้สึกเหมือนถูกจั๊กจี้ ซึ่งความรู้สึกเริ่มมาจากที่เซลล์ในร่างกายของเขากระตุก
และความรู้สึกนี้ไม่ได้รู้สึกเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเดียวกันตั้งแต่ส่วนลึกภายในร่างกายของเขาตลอดจนทั่วร่างกาย
และการใช้พลังงานของเขาในครั้งนี้ก็น้อยลงมากเช่นกันเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว ซึ่งน้อยลงประมาณครึ่งหนึ่ง ที่ร่างกายเขาต้องการเมื่อเขาเพิ่มค่าความแข็งแกร่ง
ลุคทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงความรู้สึกเหล่านั้น หากการเพิ่มค่าความคล่องแคล่วอีกสองสามครั้ง เขาอาจจะแทบเป็นบ้าเนื่องจากความรู้สึกเหล่านั้นได้
หลังจากนั้นเขาก็จำได้ว่ายังมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่เขาไม่เคยได้เพิ่มค่าสถานะนั้น ซึ่งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจน่าจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสมองของเขาแน่ๆ แล้วถ้าเขาเพิ่มค่านั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น?
น่าเสียดายที่ตอนนี้ลุคทำอะไรไม่ได้สำหรับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ สิ่งที่ทำได้คือรอให้เขาเพิ่มเลเวลถัดไป
แม้ว่าการจับกุมพ่อค้ายาเสพติดครั้งนี้จะเป็นคดีใหญ่ แต่สำหรับกรมตำรวจแล้วพวกเขาไม่ได้รับชื่อเสียงมากเท่าไหร่นัก
ในทางตรงกันข้ามลุคดูเหมือนจะจับพ่อค้าที่มีเงินสดจำนวนมากมากกว่าพ่อค้ายา
ซึ่งเงินสดที่ถูกยึดจะกลายเป็นของกรมตำรวจ และพวกเขาจะได้รับรางวัลเป็นโบนัสส่วนบุคคลแต่ละเคสไป
ในสหรัฐอเมริกากองกำลังตำรวจนั้นมีอำนาจในการยึดเงินของอาชญากรที่พวกเขาจับกุมได้ โดยปกติแล้วตำรวจจะยึดเงินของพวกอาชญากรไว้ชั่วคราว หากสงสัยว่าเงินที่พวกเขาได้รับเป็นเงินมาจากการทำผิดกฏหมาย
หากผู้ต้องสงสัยต้องการเงินคืนพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องยื่นขอพิสูจน์ความบริสุทธิของเงินที่ได้รับมาโดยยื่นเรื่องร้องเรียนต่ออัยการเขต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอัยการเขตก็มีความสัมพันธ์กับตำรวจไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้วดังนั้นโอกาสที่ผู้ต้องสงสัยจะได้เงินคืนจึงไม่ได้มีสูงนัก
โดยทั่วไปมีผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมแล้วยื่นเรื่องเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของที่มาของเงินประมาน 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่และมีเพียงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สามารถรับเงินคืนได้สำเร็จ
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากเข้ากรมตำรวจเงินก็แทบจะไม่มีโอกาสที่จะออกจากมือของพวกเขา
ส่วนยาเสพติดที่ผิดกฎหมายไม่มีอะไรที่ตำรวจสามารถทำได้ พวกเขาควรจะไปเร่ขายยาหรืออะไร? หรือมอบยาให้เจ้าหน้าที่ในกรมเพื่อเป็นโบนัส? (B_R: คนแต่งน่าจะออกแนวประชดประชันมากกว่า)
และแล้วก็ถึงวันทำงาน และวันนี้หลังจากเลิกงานลุคก็พูดกับเซลิน่าว่า“เฮ้ ถ้าคุณว่างเมื่อไร คุณช่วยฝึกยิงปืนให้ผมได้ไหม”
เซลิน่าหยุดเดินและมองไปที่ลุคด้วยสีหน้าขบขัน “ทำไมรีบร้อนจังหละ?”
ลุคยักไหล่ “หลังจากจับกุมผู้ค้ายาทั้งสองแล้วผมก็รู้ว่าควรชักปืนออกมาทันที ซึ่งแบบนั้นมันจะปลอดภัยมากกว่าสำหรับเราทั้งคู่ แต่ผมยังใช้ปืนได้ไม่ดีเลยซึ่งนั้นเป็นสาเหตุที่ผมไม่ชักปืนออกมาทันทีและใช้กระป๋องโค้กเป็นอาวุธแทน”
เซลิน่าหัวเราะคิกคักและพยักหน้า “จริงๆแล้ว มันก็เหมือนกับการขับรถ คนขับรถครั้งแรกๆ จะรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นรถจำนวนมากบนท้องถนน แต่ฉันว่าทำไมถึงมาให้ฉันสอนหล่ะ ในเมื่อโรเบิร์ตเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงปืนไม่ใช่หรือ ทำไมนายไม่เรียนรู้จากเขา”
ลุค:“…ถ้าผมบอกว่าผมไม่กล้าไปขอเขาล่ะ?”
เซลิน่ามีสีหน้าสงสัย “ทำไมถึงไม่กล้าหละ?”
ลุค:“เพราะว่าเอาจริงๆ แล้วผมไม่เคยวางแผนที่จะเป็นตำรวจเลย ดังนั้นทุกครั้งที่เขาต้องการที่จะสอนให้ผมในอดีต ผมก็เลยปฏิเสธเขาตลอด”
เอาตรงๆ ก็คือเมื่อก่อนลุคเคยดูถูกโรเบิร์ตว่าเป็นแค่ตำรวจ
และเนื่องด้วยทั้งสองคุ้นเคยกับการทะเลาะกันอยู่แล้ว เนื่องเหตุนั้นถ้าลุคจำไม่ผิดเขาถึงขั้นเคยพูดไว้ว่า "ผมยอมกลืนลูกปืน 100 นัดดีกว่า แทนที่จะมาให้คุณสอนยิงปืน" หรืออะไรอื่นๆ ทำนองนี้
เซลิน่าคำรามด้วยเสียงหัวเราะแล้วตบไหล่ลุค “นายนี้กล้ามากๆ เลยนะที่ไปเถียงกับโรเบิร์ตหน่ะ”
ลุคไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเซลิน่านักก่อนจะพูดว่า “ก็ผมและเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน และแน่นอนว่าสมาชิกในครอบครัวให้อภัยกันเสมอแหล่ะ”
เซลิน่าพยักหน้าหลังจากคิดเรื่องนี้ “ก็จริง ก็ได้ฉันฝึกให้นายได้ แต่ฉันจะได้อะไรตอบแทนหล่ะ?”
ลุค:“ผมเราเป็นคู่หูกันไม่ใช่เหรอ”
เซลิน่ายิ้ม “แต่การฝึกนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี่”
ลุคพูดว่า“แล้วคุณต้องการอะไร? อาหารกลางวันหนึ่งเดือน? หรือน้ำอัดลม? หรือแม้แต่ของหวาน?”
เซลิน่าตอบว่า“ไม่ฉันต้องการให้นายช่วยการสอนเทคนิคการต่อสู้พื้นฐาน”
ลุคนิ่งเงียบไปก่อนพูดว่า “คุณจะฝึกการต่อสู้แบบไหนหล่ะ?”
เซลิน่าตอบว่า“ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน จำพวก MMA”
ลุคส่ายหัวทันที “ผมรู้จักแค่ยิวยิตสูเท่านั้นแหล่ะ ส่วนพวก MMA ผมไม่ค่อยถนัดนักหรอก”
เซลิน่ากล่าวว่า“นั่นแหล่ะคือเหตุผลที่ฉันต้องการให้นายมาช่วยฝึกกับฉัน นายค่อนข้างเก่งใน ยิวยึตสู ใช่ไหมหล่ะ?”
ลุคพยักหน้าหลังจากลังเลเล็กน้อย “ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายนักหรอก แต่น่าจะพอได้อยู่”
เซลิน่ากล่าวว่า“เยี่ยมเลย ถือซะว่าเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน อันที่จริงฉันอยากเรียนยิวยึตสูมาตลอดแหล่ะ ฉันเคยอ่านว่ามันเหมาะกับผู้หญิงมากและเหมาะอย่างยิ่งในการใช้สู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า”
ลุคตอบว่า“…โอเค” ให้ตายสิใครมันมาบอกว่ายิวยึตสูเหมาะกับแค่ผู้หญิงว่ะ? เขาเป็นผู้ชายยังเรียนได้เลย
เมื่อทั้งสองตกลงและยอมรับข้อเสนอของกันและกันแล้วดังนั้นเซลิน่าขับรถตรงไปยังสนามยิงปืน
ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือที่ๆ พวกเขาไปคือร้านขายปืนที่มีสนามยิงปืนอยู่ข้างๆ ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองพอสมควรเพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนจากเพื่อนบ้าน