ระบบใช้จ่ายตอนที่222
บทที่ 222: ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
“ถ้าเป็นอย่างนั้น..” หงตูทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เขาเป็นคนชราที่มีประสบการณ์มาก เขาหัวเราะและพูดว่า “โครงการใหญ่ที่ใช้เงินจำนวนมากอะไร ที่เขาได้เริ่มต้นทำเมื่อไม่นานมานี้ บอกฉันสิ แล้วเราจะลองวิเคราะห์ดู”
“เอ่อ …” หลิงเสี่ยวหยี่ลืมสิ่งที่จะพูดและสิ่งที่ไม่ควรพูดไปแล้ว แต่หากมองจากอีกมุมหนึ่งเธอแค่ต้องใช้สมาธิให้มากกว่านี้ และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านผู้อาวุโสที่จะรู้ ดังนั้นเธออาจจะพูดออกมาตรง ๆ ในตอนนี้เธอยังคงสามารถเจรจาเงื่อนไขในนามของท่านนายน้อยได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ขัดขืนและพูดอย่างช้า ๆ ว่า “เมื่อเร็ว ๆ นี้ท่านนายน้อยต้องการร่วมมือกับท่านนายน้อยหลิวหมิงซิน เพื่อจัดการแข่งขัน E-Sports เกมออนไลน์ เกี่ยวกับรูปแบบการทำกิจกรรม ปกติแล้วท่านนายน้อยคิดจะลงทุนจำนวนมากในการแข่งขัน E-Sports นี้ ขณะนี้ดูเหมือนว่าจะคาดการณ์ไว้ประมาณ 5 ล้านค่ะ”
"หืม" หงตูแตะคางของเขาขณะที่เขาพึมพำ “เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิวและเด็กคนนี้ ต้าหลี่ต้องการร่วมมือกับหลิวหมิงซินจริงเหรอ? ฉันเคยได้ยินชื่อเขา เขาเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหลิวในตอนนี้และเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่ามู่หยูซี ต้าหลี่จะไม่เสียเปรียบอะไรใช่ไหม ถ้าร่วมมือกับหลิวหมิงซิน?”
หงตูก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาให้ความสำคัญกับความมั่นคงในทุกเรื่อง ดังนั้นเขาจึงพิจารณาข้อเสียก่อนและเมื่อเขาได้ยินว่าหงต้าหลี่ร่วมมือกับหลิวหมิงซิน ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการพิจารณาว่าหงต้าหลี่จะเสียเปรียบหรือไม่
หลิงเสี่ยวหยี่เข้าใจว่าท่านผู้อาวุโสเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงยิ้มและพูดว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อท่านนายน้อยและหลิวหมิงซินอยู่ด้วยกันดูเหมือนว่าคนที่สูญเสียจะเป็นหลิวหมิงซินมาตลอดค่ะ อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยเห็นท่านนายน้อยประสบปัญหาหรือเสียเปรียบมาก่อน”
พูดถึงเรื่องนี้เกี่ยวกับหลิวหมิงซิน เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เพราะเขาไม่เคยได้รับประโยชน์ใด ๆ เลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหงต้าหลี่
เป็นไปได้ว่าหลิวหมิงซินที่เป็นสุภาพบุรุษจะไม่เต็มใจที่จะใช้วิธีการที่น่าเกียจแบบนั้น
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผลลัพธ์ก็คือหลิวหมิงซินยังคงเศร้าตลอดและนั่นก็ไม่ได้เกิดจากหงต้าหลี่ นั่นทำให้หงตูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
“อืม ในกรณีนี้…” หงตูคิดอยู่พักหนึ่งและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขอให้มู่หยูซีรับกระดาษและปากกา เขาพูดว่า “งั้นลองวิเคราะห์การจัด E-Sports นี้เป็นกรณีแรก”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็วาดวงกลมบนกระดาษและเขียนว่า “E-Sports” หลังจากนั้นเขาถามมู่หยูซีว่า “หยูซี เธอลองวิเคราะห์ก่อน ดูว่าอะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ต้าหลี่เริ่มทำสิ่งนี้”
นั่นเป็นแบบจำลองที่ค่อนข้างยากในการวิเคราะห์ ก่อนหน้านี้มู่หยูซีก็แพ้หงต้าหลี่มาแล้วในที่ประชุมของตระกูล ดังนั้นเธอจึงต้องการฟื้นความมั่นใจในตอนนี้ เธอจ้องไปที่วงกลมบนกระดาษและเขียน “ตั๋วเข้าชม” อย่างเฉียบขาดก่อนที่ด้านข้าง
ไม่นานหลังจากนั้นมู่หยูซีก็พูดว่า “ต้าหลี่จัดการเรื่องต่าง ๆ ตลอด เกี่ยวกับสถานที่จัดงาน E-Sports สนามกีฬาสี่แยกวงเวียนมีที่นั่งประมาณ 50,000 ที่นั่ง ดังนั้นฉันเชื่อว่าราคาบัตรผ่านประตูค่อนข้างจะมีราคาสูง หากสามารถเข้าถึงได้และเป็นที่นิยมเหมือนรายการฉันเป็นนักร้องได้ ฉันคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้จากมูลค่าการขายบัตรเข้าชมประมานสองล้านกว่า ในกรณีนี้ หากมีการแข่งขันสองสามรายการ…”
มู่หยูซีพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “จะเป็นรายได้หลายล้าน ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลยค่ะ”
หลิงเสี่ยวหยี่และหวังหมิงหยูหัวเราะคิกคักในใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น นายน้อยคิดไอเดียขึ้นมาเพื่อความสนุกและถลุงเงินเท่านั้น แต่มู่หยูซีและท่านผู้อาวุโสกลับคิดให้ยุ่งยากโดยวิเคราะห์จากสิ่งที่ท่านนายน้อยต้าหลี่ทำ แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อ แม้ว่าพวกเขาจะบอกคนอื่นเรื่องนี้แล้วก็ตาม
“อย่างไรก็ตาม…” ท่านผู้อาวุโสหงตูจ้องไปที่วงกลมบนกระดาษด้วยในขณะที่เขาพึมพำ “มันไม่ง่ายอย่างที่คิดใช่ไหม?”
"ฉันคิดเหมือนกันค่ะ" มู่หยูซีขมวดคิ้วและคิดชั่วขณะ “บางทีหลังจากการแข่งขัน E-Sports สิ้นสุดลง เกมประเภทนี้ก็จะได้รับความนิยมอย่างมากและในตอนนั้นหากพวกเขาเริ่มพัฒนาสินค้าเกมบางอย่าง เช่น เครื่องแต่งกายก็จะทำให้เพิ่มมูลค่าอีก”
เมื่อฟังถึงจุดนี้หลิงเสี่ยวหยี่ก็ตกใจเล็กน้อย
มู่หยูซีคนนี้สามารถคิดถึงแง่มุมนั้นได้ ซึ่งเธอก็ฉลาดไม่เลวเลย
“ดีจริง ๆ” หงตูยังคงถามอย่างให้กำลังใจว่า “อืม มีเรื่องอื่นอีกไหม?”
“เรื่องอื่นคือว่า …” มู่หยูซีนึกไม่ออกจริง ๆ เกมออนไลน์จะมีอะไรอีกบ้าง? หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็สว่างขึ้นพร้อมกับอุทานเสียงดัง “ฉันรู้แล้วค่ะ!”
“เธอคิดออกแล้วเหรอ?” หงตูประหลาดใจ ในขณะที่พูดว่า “เร็ว ๆ พูดมา!”
“ท่านผู้อาวุโสค่ะ ถ้าท่านคิดอย่างนั้น ปกติแล้วเกมออนไลน์จะมีส่วนของเบื้องหลังเกมที่กำหนดไว้ล่วงหน้ารวมถึงตัวละครต่าง ๆ ใช่ไหมคะ?” มู่หยูซีพูดรายละเอียดต่าง ๆ “ต้าหลี่มีเว็บไซต์นวนิยายออนไลน์และสมมติว่าหลังจากจัด E-Sports ในครั้งนี้ ต้าหลี่ให้นักเขียนในเว็บไซต์นวนิยายออนไลน์เขียนนวนิยายที่เกี่ยวข้องกับเกม อาจจะมีผู้อ่านสั่งซื้อมากมายและได้รับความนิยมมากก็เป็นไปได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่มู่หยูซีพูด ทั้งหลิงเสี่ยวหยี่และหวังหมิงหยูก็ตกใจเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเธอจะสมกับตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูล ในฐานะที่เธอเป็นอัจฉริยะ เธอคิดถึงเรื่องนี้มากกว่าตัวเอง
"จริงด้วย ไม่เลวเลย!" ฉันไม่ได้คิดถึงจุดนี้“หงตูลูบหนวดของเขาในขณะที่เขายิ้มและพูดว่า”หยูซี เธอเป็นคนฉลาดจริง ๆ อย่างไรก็ตามเว็บไซต์นวนิยายออนไลน์นี้จะได้รับผลกระทบมากแค่ไหน? แม้ว่าคนเหล่านี้จะเขียนเกี่ยวกับนิยายเกมที่เกี่ยวข้องกับเกมอย่างมังกรยุคทวีป แต่ก็ไม่สามารถหาเงินได้มากนัก ตามสิ่งที่หงต้าหลี่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ สิ่งที่เขาทำดูเหมือนว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นไม่กี่เท่า ฉันกลัวว่าอัตราการทำกำไรของนิยายจะไม่สามารถเข้าถึงจำนวนเงินมากนัก ฉันพูดถูกไหม?”
สิ่งที่หงตูพูดนั้นมีความหมายมาก
ไม่มีสิ่งไหนที่หงต้าหลี่ีสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ผลกำไรต่ำ อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดแข่งขัน E-Sports ในครั้งนี้ ไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็ดูเหมือนจะไม่ใช่โครงการที่จะได้เงินก้อนโต หากเป็นเงินเพียงเล็กน้อยจากบัตรเข้าชมเพื่อชดเชยเงินกองทุนที่ลงทุนนั้น ดูจะน่าเชื่อถือมากกว่าเหตุผลอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันจึงแปลก ๆ ไม่ว่าจะคิดมากแค่ไหนก็ตาม
“ฉันรู้สึกว่า.. บางทีสิ่งที่ต้าหลี่ต้องการคือการได้รับความนิยม ท้ายที่สุดแล้วการจัดแข่งขัน E-Sports นี้สามารถสร้างความนิยมได้อย่างมหาศาล…” เมื่อพูดถึงจุดนี้ มู่หยูซีก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ “แต่มันไม่สามารถเป็นอย่างนั้นได้ เกมนี้เป็นสมบัติของหลิวหมิงซิน ทำไมต้าหลี่ถึงได้รับประโยชน์จากหลิวหมิงซินมากขนาดนี้โดยไม่มีเหตุผล? หลิวหมิงซินจะเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์จากความนิยมที่พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ฝ่ายของต้าหลี่จะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ เลย”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่หยูซีที่สงบและเยือกเย็นอยู่เสมอก็เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย
หงต้าหลี่คิดอะไรอยู่.. ทำไมถึงให้หลิวหมิงซินได้เปรียบมากขนาดนี้?
ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่หงุดหงิด หงตูและหลิวหมิงซินก็รู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน ย้อนกลับไปตอนนั้น หลิวหมิงซินนอนไม่หลับตลอดทั้งสัปดาห์ขณะที่เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็มีรอยคล้ำใต้ตาติดตัวไปทำงานแทบทุกวัน แม้แต่พนักงานในบริษัทก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มีพนักงานหญิงจำนวนหนึ่งที่พูดคุยกันส่วนตัว “ฉันสงสัยจังว่าเจ้าชายจิ้งจอกถึงหลิวชวย (รูปหล่อ) ได้ขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ ฉันจะข่วนหน้าเธอแล้ว! จะดีแค่ไหน ถ้าหลิวชวยแนะนำเคล็ดลับของเขาให้ฉัน!”
ถ้ามู่หยูซีสามารถวิเคราะห์เรื่องนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ เธอจะต้องมีอะไรผิดปกติ
ตอนนี้หงตูและมู่หยูซีจึงจ้องมองไปที่วงกลมบนกระดาษแผ่นนั้นนานกว่าหนึ่งชั่วโมง อนิจจาหงตูยอมจำนน “เฮ้อ ฉันแก่แล้ว ฉันคิดไม่ออกแล้ว ฉันจะไปนอนแล้ว พวกเธอทุกคนใช้เวลานี้วิเคราะห์ต่อนะ” พอพูดอย่างนั้น เขาก็พยุงตัวด้วยไม้เท้าแล้วขึ้นไปนอนชั้นบน ...
จิ้งจอกแก่ แน่นอนว่ามันต้องวิ่งเร็ว!
มู่หยูซีทำอะไรไม่ถูก เธอจ้องมองที่วงกลมในกระดาษไปอีกครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งเธอใกล้จะบ้า แต่เธอก็ยังไม่เห็นว่าหงต้าหลี่มีแรงจูงใจอะไร ในที่สุดเธอก็ขอความช่วยเหลือจากหลิงเสี่ยวหยี่ “คุณเสี่ยวหยี่ นอกเหนือจากที่ต้าหลี่พูดเกี่ยวกับการอยากจัดงาน E-Sports นี้แล้ว เขาไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ?”
"ไม่ค่ะ" หลิงเสี่ยวหยี่ก็หมดหนทางเช่นกัน “ตอนนั้นท่านนายน้อย … โอ้ ใช่แล้ว” ดวงตาของหลิงเสี่ยวหยี่สว่างขึ้น “นายน้อยเพิ่งได้พบกับน้องสาวหลินซี่ฉวนในตอนนั้น และเมื่อเห็นว่าน้องสาวชอบเล่นเกม ท่านนายน้อยเลยพาเธอไปที่ร้านไซเบอร์คาเฟ่ หลังจากนั้นเขาเห็นว่าน้องสาวเล่นเกมเก่งมากจึงอยากจัดการแข่งขัน E-Sports”
“เพราะหลินซี่ฉวนเหรอ?” มู่หยูซีพึมพำอยู่พักหนึ่งและทันใดนั้นเธอก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “แล้วเขาทำแบบนี้เพื่อโปรโมทน้องสาวหลินซี่ฉวนเหรอ? ต้าหลี่ดูเหมือนจะส่งเสริมคนของตัวเอง ตัวอย่างเช่นคุณลี่เนียนเหว่ย”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” หลิงเสี่ยวหยี่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ตอนนี้หลินซี่ฉวนเป็นลูกสาวทูลหัวของท่านคุณผู้ชายและเธออายุแค่สิบสี่ปี … ดูเหมือนว่าท่านนายน้อยของเราไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยเธอต่อสาธารณชนค่ะ
หลังจากนั้นหลิงเสี่ยวหยี่ก็ได้ข้อสรุป “เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว ท่านนายน้อยดูเหมือนจะเริ่มต้นสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นเพียงเพราะอยากจะถลุงเงินและใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่มากก็น้อย สิ่งที่นายน้อยทำ เขาคิดว่ามันสนุก”
มู่หยูซีตัวแข็งทันที ...
“โอเค…” จากนั้นมู่หยูซีก็พ่ายแพ้พร้อมกับแสดงสีหน้าหมดเรี่ยวแรง เมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงที่ต้องมานั่งคิดเกี่ยวกับหงต้าหลี่ เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ดังนั้นในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่เครียดกับมันอีกต่อไป หากเธอยังคิดเรื่องของหงต้าหลี่อีก ผมของเธอก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ ดังนั้นเธอจึงยืนขึ้นอย่างแน่วแน่และส่งพวกเขากลับห้อง “งั้นคุณสองคนเชิญกลับไปก่อน ทางฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณหนักใจ”
“เฮ่เฮ้ คุณหยูซี คุณสุภาพไปแล้วค่ะ” เนื่องจากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว พวกเขาจึงกลับห้อง
เป็นคืนที่เงียบสงบ
วันรุ่งขึ้น หงต้าหลี่ยังคงนอนหลับจนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้นฟ้า เขาตื่นขึ้นมาปกติ เวลา 9 โมงเช้า จากนั้นก็ยืดเอวด้วยท่าทางพอใจ “อ๊ะ ฉันหลับสบายจริง ๆ! วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! วันใหม่เริ่มต้นแล้ว! มุ่งหน้าไปช่วยเต่ายักษ์กันเถอะ!”
หลังจากที่เขาใส่เสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำและลงไปชั้นล่าง หลินหยูหยินก็อยู่ระหว่างการปรับเซ็ตชุดดำน้ำสามชุดในขณะที่ถังมู่ซิน,ลี่เนียนเหว่ยและคนอื่น ๆ เตรียมทุกอย่างมานานแล้วและกำลังรอที่จะไป ขณะที่พวกเขารอให้หงต้าหลี่ลงมาชั้นล่าง
“ต้าหลี่” เมื่อเธอเห็นต้าหลี่ลงมาชั้นล่าง ถังมู่ซินก็เดินไปข้างหน้าทันที เธอยิ้มและพูดว่า “วันนี้เราจะไปช่วยเต่ายักษ์กันใช่ไหม? มันน่าสงสารมาก”
“ช่วยสิ เราต้องไปช่วยมัน!” หงต้าหลี่หัวเราะชอบใจเสียงดัง เมื่อเทียบกับการช่วยเต่ายักษ์แล้ว การประชุมตระกูลมันน่าเบื่อมาก! ขณะที่เขาพูด เขาก็งับนิ้วของเขา "ไปกันเถอะ!"
กลุ่มของพวกเขาออกไปและเมื่อไปถึงทางเข้าห้องประชุมใหญ่ของที่ดินตระกูลหง ผู้อาวุโสทั้งสามคน หงตู,หงเหว่ยและหงหยิงได้พาลูกหลานมาส่งพวกเขา หงตูยิ้มและพูดว่า “ต้าหลี่ หลานวางแผนจะกลับแบบนี้เหรอ?”
เขาชอบต้าหลี่เหมือนกับที่หงเหว่ยกูชอบเขา ตอนนี้ ที่จริงหงต้าหลี่สมควรได้รับตำแหน่งทายาทรุ่นใหม่แห่งปี แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการสิทธิพิเศษใด ๆ ก็ตาม แต่ตำแหน่งก็ยังคงอยู่กับเขา ดังนั้นเมื่อมองเขา เขารู้สึกแตกต่างไปจากเดิม
“ท่านปู่ ผมจะออกไปเล่นแล้วนะ ไว้ผมมีเวลาผมจะกลับมาเยี่ยมนะครับ!” หงต้าหลี่เดินไปข้างหน้าและยิ้มในขณะที่เขาดึงหนวดสีขาวของหงตู “ว่าแ่ท่านปู่ทำยังไงให้หนวดยาวขนาดนี้? ให้ผมช่วยดึงมันออกไหม เผื่อจะทำให้ปู่ดูเด็กขึ้น ฮิฮิ…”
ทุกคนรอบข้างเฝ้าดูด้วยความกังวลใจ
นอกเหนือจากหงต้าหลี่คนนี้แล้ว ไม่มีใครกล้าที่จะถอนหนวดของปู่หงตู ...