ระบบใช้จ่ายตอนที่217
บทที่ 217: การประชุมตระกูล (ตอนที่19)
“เร็ว ๆ เร็วเข้า ประตูหลักนี้เป็นของตระกูลหง เราต้องรีบซ่อม! ทำงานเร็ว ๆ!” คนงานกลุ่มใหญ่อยู่ที่ประตูหลักของตระกูลหง พวกเขาตรวจสอบและทำการซ่อมแซมทันที
เมื่อวานนี้ประตูหลักถูกผู้ติดตามลี่หยางของหงต้าหลี่กระแทกจนประตูมันปลิวหลุด ประตูพังจนผิดรูปผิดร่างไปหมด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม นอกจากนี้ประตูไม่สามารถใช้งานได้แล้ว แม้ว่าช่างอยากจะให้ประตูกลับมาใช้งานได้ก็ตาม ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เพียงปล่อยให้ช่างรีบซ่อมเท่านั้น ทางกลับกัน ตอนนี้มีรถชนที่หน้าประตูหลัก มีรถปรากฎอยู่ที่หน้าประตูหลักของตระกูลหง
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้น
เครื่องยนต์ของรถสปอร์ตสุดเท่ปล่อยเสียงคำรามกระหึ่มดังจากระยะไกล รถพุ่งด้วยความเร็วสูงจนหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อพุ่งตรงมายังประตูใหญ่ ด้านหลังรถสปอร์ตสุดเท่คันนั้น มีรถเก๋งธรรมดาอีกสามคันตามมาแต่ไกล อย่างไรก็ตามความเร็วรถของพวกเขา เร็วจนเทียบอะไรไม่ได้และพวกเขาก็ไม่ได้หล่นจากรถด้วย แต่รถกลับพุ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก
“นี่…มันเกิดอะไรขึ้น?!” บอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูหลักของตระกูลหงเห็นสิ่งนี้จากระยะไกลและตกตะลึงในทันที
หลังจากที่เขาหายจากอาการตกใจ บอกี้การ์ดคนนั้นก็ตะโกนเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “ทุกคนรีบวิ่ง! วิ่งเร็ว! รถคันนั้นจะพุ่งเข้ามาชนเราแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา คนงานหลายคนก็มองตามนิ้วของบอดี้การ์ดและทันใดนั้นก็มีใครบางคนโยนเครื่องมือทิ้งและวิ่งหนีทันที แค่ช่วงอึดใจเดียว รถสปอร์ตสีดำก็พุ่งผ่านต่อหน้าต่อตาพวกเขา!
“อืม เตรียมตัวปะทะ” เสียงแผ่วเบาของหลินหยูหยินดังขึ้นจากในรถ
หลังจากนั้นคนงานก็ดูรถสปอร์ตสีดำคันนั้นราวกับว่าพวกเขาเห็นผี พวกเขาเห็นแผ่นเหล็กหนา 15 เซนติเมตรยื่นออกมาจากส่วนหัวของรถซูเปอร์สปอร์ตคันนั้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียง “ตูม!”
เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือน และประตูด้านหน้าที่ยังซ่อมไม่เสร็จก็ถูกชนกระแทกอีกครั้ง ...
สำหรับรถสปอร์ตสุดเท่คันนั้น ไม่คาดคิดว่ารถมันจะพุ่งเข้ามาในคฤหาสน์ตรง ๆ ขนาดนี้
“โช…โชคดี โชคดีจริง ๆ” เมื่อเห็นประตูหลักถูกกระแทกจนมันปลิวไปอีกรอบ บอดี้การ์ดก็รู้สึกประหลาดใจตั้งแต่แรก “โชคดีจริง ๆ ที่ประตูหลักถูกกระแทกไปครั้งนึงแล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมมาก ถ้ามันเป็นประตูบานใหม่และพังอีกครั้ง จะต้องเสียเงินเท่าไหร่เนี่ย…”
หลังจากนั้นก็มีรถสามคันที่อยู่ข้างหลังเร่งเข้ามาเช่นกัน บอดี้การ์ดที่เห็นรถพุ่งเข้ามาแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจหยิบเครื่องส่งรับวิทยุออกมาพร้อมกับตะโกนอย่างหมดหวัง “มีคนมาขวางทางประตูใหญ่กำลังพังประตูเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว! ทุกคนมารวมตัวกันเดี๋ยวนี้! รวบรวมกำลังพล ด่วน!”
“อืม ตำแหน่งปัจจุบันของหงต้าหลี่คือ…” หลินหยูหยินมองไปที่หน้าจอ
…
“ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดฟังผมก่อน!” หงอันเปาพูดพร้อมแสดงสีหน้าเศร้า เพื่อขอให้ผู้อาวุโสหงตูคิดหาทางแก้ปัญหา ถ้าเขาปล่อยให้เรื่องต่าง ๆ ดำเนินต่อไป แม้ว่าเครื่องดื่มกระทิงแดงของเขาจะดี แต่ผู้คนก็คงไม่กล้าดื่มมันอีกต่อไป มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับหงอันเปา
“นี่…เอาล่ะ ฉันขอคิดก่อน…” อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นหลานชาย หงตูเองก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาเป็นแบบนั้น ในที่สุดในขณะที่เขากำลังคิดอยากจะช่วยหงอันเปา ก็มีเสียงดัง "ตูม" และประตูหลักคฤหาสน์ก็พังแตกกระจายออกเป็นชิ้นไม้เล็ก ๆ รอบ ๆ ทั้งห้อง หลังจากนั้นไม่นานหงตูก็เห็นว่ามีรถสปอร์ตสีดำสุดเท่จอดอยู่ที่ทางเข้าห้องประชุม ...
“มันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันเดินทางข้ามเวลาเหรอ?”
“เธอคนนั้นเป็นใคร รูปร่างหน้าตาคนนั้นต้องน่ากลัวแน่ ๆ กำลังถ่ายทำภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์รึไง? ดูรถคันนั้นสิ!”
“ใครมันจะกล้าบ้าบิ่นโผล่เข้ามาในห้องประชุมของเรือนป่าไม้ตระกูลหงแบบนี้ได้?!”
“ดูตัวรถนี้สิ อาจจะเป็น…เทคโนโลยีสุดล้ำ?!”
“มันเป็นไปได้เหรอ? เธอมาที่นี่เพื่ออะไร?”
“น…นั่นมัน…” นับตั้งแต่ตระกูลหงได้สร้างคฤหาสน์เรือนป่าไม้แห่งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีคนเข้ามาในห้องประชุมใหญ่แบบนี้ หงตูกำลังจะหมดความอดทน อย่างไรก็ตามเขาคิดได้ว่ารถคันนั้นดูผิดปกติ เมื่อเขาเห็นหลินหยูหยินอยู่ข้างในรถ เขาก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปหาสองสามก้าวที่ด้านหน้าของรถสปอร์ตและพูดว่า “คุณ.. นั้นคุณหยูหยินจากตระกูลหลินใช่ไหม?”
“อืม” เมื่อเปิดประตูรถและออกมา หลินหยูหยินก็พยักหน้า "ฉันเอง หงต้าหลี่อยู่ที่ไหน?"
เมื่อได้ยินว่าเธอมาที่นี่เพื่อมาหาหงต้าหลี่ หงตูก็กังวลเล็กน้อย เขารู้ดีว่าหนูน้อยคนนี้เป็นคนโปรดของรัฐบาลและเป็นคนที่แตะต้องไม่ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่าเธอต้องการมาพบหงต้าหลี่ หงตูจึงต้องชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ก่อน “งั้น…ฉันขอทราบได้ไหมว่าทำไมคุณหนูหยูหยินถึงตามหาต้าหลี่ของเรา เพราะอะไร…” หากเขาประมาท ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาเพื่ออะไร เธออาจจะมาสร้างปัญหาก็ได้
“เขาเป็นเพื่อนฉัน…” หลินหยูหยินตอบอย่างชัดเจน หลังจากนั้นไม่นานเธอมองไปทางซ้ายและขวา แต่ไม่เห็นหงต้าหลี่ ตอนนี้หงต้าหลี่อาจจะไม่ได้ยิน เพราะเขายังคงหลับอยู่ ...
Zzzzz
เสียงของช่างเครื่องกลดังขึ้นและหลินหยูหยินก็สวมแว่นตาอิเล็กทรอนิกส์ไว้ ทันใดนั้น เธอก็มองและสแกนไปรอบ ๆ ห้องประชุมทั้งหมด เธอก็พบตำแหน่งของหงต้าหลี่อย่างรวดเร็ว “ทิศทางจากแหล่งความร้อนอยู่ด้านนั้น เขากำลังหลับอยู่”
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกหนาวสั่นกลัว ไม่น่าแปลกใจที่เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีภายใต้การคุ้มครองของชาติ เด็กสาวผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีคนนี้ เธอพัฒนาล้ำหน้ากว่านักเทคโนโลยีธรรมดาเกือบ 10 ปี! เธอเอาอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ พกติดตัวมาด้วยตลอด?!
หลังจากเก็บแว่นตาตรวจจับความร้อนอิเล็กทรอนิกส์ หลินหยูหยินก็ไม่สนใจคนรอบข้างและเดินตรงไปที่ด้านข้างของหงต้าหลี่ เธอเพียงแค่ก้มลงเล็กน้อยและเอานิ้วจิ้มที่ร่างกายของหงต้าหลี่ “ตื่นหรือยัง?”
แม้แต่เสียงดังครึกโครมครั้งใหญ่เช่นนี้ก็ไม่สามารถปลุกหงต้าหลี่ได้ เขาไม่สะดุ้งตกใจอะไรเลยในตอนนี้ เขายังคงหลับสนิทโดยมีน้ำลายหยดลงมาที่คางของเขา ...
“ถ้าเพื่อนเป็นแบบนี้ ตอนนี้ฉันควรทำอย่างไร?” หลินหยูหยินลังเลที่จะจัดการ หลังจากนั้นไม่นานเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า ในขณะที่เธอพูดว่า “อืม งั้นฉันจะรอ…”
ที่จริงแล้วเธอเป็นคนเปิดเผย และจากนั้นเธอก็นั่งลงที่นั่นอย่างเป็นกันเองข้าง ๆ หงต้าหลี่โดยไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ เธอเหมือนอย่างกับหุ่นยนต์
อย่างไรก็ตามเธอเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
“นี่…” หงตูปาดเหงื่อเย็นที่หน้าผากของเขา การประชุมตระกูลในวันนี้ทำให้เขาเจอคนแปลกหน้ามากมาย เมื่อหลินหยูหยินนั่งลงที่นั่น หงตูก็ไม่กล้ารบกวนเธอ ในขณะที่เขากำลังคิดจะรีบจัดการและสั่งผู้ติดตามของเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากทางเข้าห้องประชุมอีกครั้ง “หึหึ ฉันไม่ได้มารบกวนทุกคนใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทุกคนก็หันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นทีละอย่างและนับตั้งแต่มีข่าวรายงานเกี่ยวกับความสำเร็จของต้าหลี่ในช่วงเวลานี้ ก็เกิดสิ่งแปลก ๆ ตามมาไม่หยุด
ตอนนี้มีอีกคนเข้ามา ทุกคนก็เริ่มสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อบุคคลนี้เข้ามา
“คุณคือ…” คนที่ตามหาหลินหยูหยินที่มาทีหลัง เขาไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ยิ่งไปกว่านั้นดูจากการแต่งตัวของพวกเขา โดยเฉพาะแว่นตาที่พวกเขาสวมใส่นั่นเป็นอุปกรณ์ไฮเทค พวกเขาดูเหมือนเพื่อนสนิทของหลินหยูหยินสะมากกว่า อย่างไรก็ตามเกิดอะไรขึ้นกับชายหัวล้านร่างใหญ่ที่ถูกมัดมือไว้คนนั้น?
“สวัสดีครับ ท่านคนนั้นต้องเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหงแน่ ๆ ใช่ไหม?” มู่ฮุยโจวแนะนำตัวเองและพูดว่า “ผมชื่อมู่ฮุยโจว ปัจจุบันเป็นผู้คุ้มครองของหยูหยิน”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นหงตูก็เข้าใจทันที ภูมิหลังของคนไม่กี่คนเหล่านั้นมีพลังมาก ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขากล้าที่จะตามเธอเข้ามาข้างในโดยตรง บางคนที่เป็นบอดี้การ์ดให้หลินหยูหยิน อย่างน้อยก็ต้องมีโปรไฟล์เทียบเท่ากับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หงตูยิ้มและถามว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขอทราบจุดประสงค์ที่มาที่นี้ได้ไหม คุณ...” หงตูมองอีกครั้ง เขามองไปที่ชายหัวล้านคนนั้น “คุณคือ…”
ในตอนนั้นการแสดงออกของหงเจียนหยี่และหงอันเปาก็ได้เปลี่ยนไป และพวกเขาก็ต้องการหนีหายไปโดยที่ไม่ให้ใครรู้ แต่พวกเขากลับถูกมู่ฮุยโจวพูดหยุดไว้ “สองคนนั้นจะรีบไปไหนครับ?”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของมู่ฮุยโจว ทั้งสองพ่อลูกก็รู้ทันทีว่าพวกเขาคงจบสิ้นวันนี้แน่ ๆ
ตอนนี้ที่ดินที่สามารถขายได้ในราคาหลายพันล้านได้หายไปแล้วและเครื่องดื่มกระทิงแดงก็น่าจะล้มละลายไปด้วย เพราะช่วงเวลานี้มียอดขายต่ำ และในตอนนี้ชายหัวล้านคนนั้นก็มาปรากฎตัวที่นี้ต่อหน้าพวกเขา หงอันเปาตัดสินใจทันทีและกระโดดไปคุกเข่าต่อหน้าหงตู เขาอุทานเสียงดังด้วยน้ำตา "ท่านปู่! ท่านปู่ครับ! ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!”
เขาเรียกหา "ปู่" ของเขาในครั้งนี้ ทำให้หัวใจของหงตูอ่อนลงในขณะที่เขาถอนหายใจยาว ๆ และส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หงตูพูดด้วยเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นว่า "ชายคนนี้ ฉันคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณไม่มากก็น้อยและคงมีรายละเอียดที่ไม่ตรงกันใช่ไหม?”
ใบหน้าของหงเจียนหยี่ซีดเซียว ในขณะที่เขาเดินมายืนข้างหลังหงตูอย่างมีมารยาทและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆ ว่า “พ่อครับ มันเป็นความผิดของผมทั้งหมด…”
ในการที่เขาเป็นผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลหง หงตูเข้าใจอย่างชัดเจน เขาถอนหายใจและพูดว่า “เมื่อวานเพื่อนเก่าของฉัน หวังต้าหมิง พูดอะไรบางอย่างและฉันก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หงตูก็มองไปรอบ ๆ แม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ชัดเจนและไม่ได้พูดดังมากนัก แต่สิ่งที่เขาหมายถึงนั้นชัดเจนมาก “เพื่อนของฉันคนนั้นบอกว่า.. เพื่อที่จะมีความสุข ต้องมีความสุขก่อน การให้และการรับ การรับและการให้ บางอย่างเมื่อได้รับมาแล้ว ก็ควรตอบแทนกลับด้วย แต่พวกแกทั้งสองคน เห้อ.. สองพ่อลูกเอาแต่หวังอันดับทายาทรุ่นใหม่ของตระกูล แต่กลับละเลยกฎพื้นฐานของการเป็นมนุษย์”
หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น ลูกหลานที่อยู่รอบ ๆ ทั้งหมดก็ก้มหน้าลงและไม่พูดอะไรสักคำ
ที่จริงแล้วพวกเขาทุกคนคิดที่จะแข่งขันกันทุกวันและลืมกฎพื้นฐานง่าย ๆ ของมนุษย์อย่างเช่นความซื่อสัตย์และความมีเมตตา
“แกรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงภูมิใจในตัวต้าหลี่มาก?” หงตูพูดต่ออย่างช้า ๆ ว่า “นี่ไม่ใช่เพราะเขาทำได้ดีมากในครั้งนี้และไม่ใช่เพราะเขาโชคดีจนทำให้ทุกคนตกใจ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้วางแผนมากนัก เขาถลุงเงินเล่นไปวัน ๆ และเขาก็โง่เขลาและไร้ความสามารถ แต่เขาเป็นเด็กดี เขารู้ว่าควรดีกับพ่อแม่และครอบครัวของเขา เข้าใจว่าบางอย่างทำให้เขาโชคดี แต่เขาก็มีช่วงเวลาที่สูญเสียเช่นกัน เขาดีกับทุกคน หลักการง่าย ๆ แค่นี้ แต่พวกแกทั้งคู่กลับไม่เข้าใจ”
“มนุษย์เรานั้นควรรู้สึกผิดชอบชั่วดี”
ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมก้มหัวต่ำลง
เมื่อผู้อาวุโสกล่าวถ้อยคำเหล่านั้น ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างไร้สาระมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หลังจากที่หงตูพูดอย่างนั้น เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและโค้งคำนับให้กับมู่ฮุยโจวและพูดว่า "พ่อลูกสองคนนี้ พวกคุณเอาไปได้ แต่ได้โปรดพาพวกเขากลับมาด้วย อย่างไรก็ตามฉันขอให้พวกคุณรักษาหน้าตาของตระกูลหงของเราด้วย”
วันนี้ที่มู่ฮุยโจวมาเพื่อมาหาหงต้าหลี่ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ตระกูลหงอับอาย ดังนั้นเขาจึงตกลงคำพูดของหงตู เขายิ้มและพูดว่า “ถ้านายน้อยต้าหลี่ตื่นเมื่อไหร่ โปรดบอกให้ผมรู้ด้วยว่าเรามาที่นี่ วันนี้เป็นวันสำคัญของตระกูลหง ผมไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว”
"ขอบคุณ" หงตูยิ้มและพูดว่า “วันหน้า ถ้าคุณมีเวลาว่างมาที่นี่บ่อย ๆ นะ พวกเราจะต้อนรับคุณเป็นอย่างดี”
"ฮิฮิ ท่านผู้อาวุโสใจดีเกินไปแล้ว นี้เป็นความรับผิดชอบของพวกเราครับ ไม่เป็นไร" หลังจากที่มู่ฮุยโจวพูดจบ เขาก็โบกมือให้ทุกคนและในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวจะออกไป ก็มีเสียงหาวยาว ๆ จากมุมห้องประชุม “อ๊ะ ฉันหลับสบายจริง ๆ!”
แต่กลับกลายเป็นว่าหงต้าหลี่ตื่นในตอนนี้!
ในขณะที่เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น หงต้าหลี่ขยี้ตาและเช็ดน้ำลายออกจากมุมปากของเขา และทุกคนก็กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “การประชุมยังไม่จบอีกเหรอ?”
หลังจากที่เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็นอนลงอีกครั้ง "ถ้างั้นฉันขอหลับต่ออีกซักพักละกัน..."
ทุกคนพูดไม่ออก