ระบบใช้จ่ายตอนที่215
บทที่ 215: การประชุมตระกูล (ตอนที่17)
"เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น?" เมื่อได้ยินเสียงครวญครางของชายคนดังกล่าวทุกคนก็วิ่งเข้าหาเขาทันทีพร้อมกับพูดอย่างกระวนกระวาย ในขณะที่คนอื่น ๆ วิ่งมาหาว่า “นายน้อยเป็นอะไร? นายอย่าทำให้พวกเราตกใจสิ!”
ชายผู้ติดตามคนนั้นพูดเสียงดังว่า “ทุกคนรีบดูข่าวเร็ว! ท่านนายน้อยไม่มีใครเทียบได้ ในครานี้ไม่มีใครเทียบท่านนายน้อยของเราได้เลย!”
ทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าโทรทัศน์ ตอนนี้กำลังออกอากาศข่าว
ทันใดนั้นเสียงของผู้ประกาศข่าวก็ดังขึ้น “รายงานนี้เป็นไปตามมติล่าสุดที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง เนื่องจากสถานที่ตั้งไม่เหมือนใคร สภาพแวดล้อมที่สวยงามและแหล่งการเดินทางมากมายที่ทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียนในเมืองเทียนจิง รัฐบาลจึงตัดสินใจรีบพัฒนา แผนการที่แน่นอนมีดังนี้…”
เมื่อข่าวออกอากาศ ทุกคนก็ตกตะลึง
ถังมู่ซินจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ เธอตกใจทันที “ที่ดินที่ต้าหลี่ซื้อทั้งหมดอยู่ที่ทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียน …”
ทันใดนั้น หนูน้อยถังมู่ซินก็กอดลี่เนียนเหว่ยด้วยความตื่นเต้นจนน้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ “ที่ดินของต้าหลี่อยู่ที่ทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียน! ที่ดินที่เขาซื้อ มีทั้งทะเลสาบเฟิงหยวน,พื้นที่ด้านนอกของภูเขาเทียนจิง! และยังมีของที่ลุงหงซื้ออีก! ที่ดินที่พวกเขาซื้อราคามากกว่าหนึ่งพันล้าน! มากกว่าหนึ่งพันล้าน!”
“นี่…นี่…” หลิงเสี่ยวหยี่ก็ตกใจเช่นกัน “ที่ดินมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้าน ด้วยนโยบายการพัฒนานี้ ที่ดินจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในเวลาไม่กี่ปี! ท่านนายน้อย ในที่สุดท่านนายน้อยก็สามารถสยบทุกคนที่กล้าว่าท่านนายน้อยอย่างประจักษ์ตาแล้ว!”
ในทางกลับกันลี่เนียนเหว่ยถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งอก ในเวลานี้เธอนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้กับจางไก
สิ่งที่พวกเขาสงสัยในตอนนี้ คือ หงต้าหลี่สนใจที่จะทำอะไรต่อจากนี้
อย่างไรก็ตาม เธอไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้!
รัฐบาลกำลังจะพัฒนาทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียน นอกจากนี้ยังมีที่ดินมูลค่าหนึ่งพันล้านและคราวนี้มีหุ้นด้วย นั่นคือ ...
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ลี่เนียนเหว่ยก็ยิ้มอ่อน ๆ ในขณะที่ปิดปากพูด เธอพูดว่า “ฉันคิดว่าคราวนี้คนในห้องประชุมใหญ่คงจะบ้าคลั่งกันแน่ ๆ ใช่ไหม? ท่านนายน้อยโชคดีจริง ๆ …”
“ฮิฮิ โชคของต้าหลี่ไม่มีใครเทียบได้!” ใบหน้าของถังมู่ซินบ่งบอกได้เลยว่าเธอภูมิใจในตัวหงต้าหลี่มาก “เขาเพิ่งได้รับเงินมหาศาลจากการที่เขาถลุงเงิน! โลกนี้มันช่างลึกลับจริง ๆ!
"ใช่" ลี่เนียนเหว่ยพยักหน้า “ท่านนายน้อยขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรชายของสวรรค์ที่โชคดี”
ถังมู่ซินพูดเสริมว่า “และเขาก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
…
ในห้องปฏิบัติการของหลินหยูหยิน
“อืม ในที่สุดการติดตั้งก็เสร็จสิ้น” หลินหยูหยินจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่แสดงออกและมองไปที่การตั้งค่าพารามิเตอร์ขณะที่เธอพึมพำ “ระบบหายใจ,ออกซิเจนใต้น้ำ,แสงใต้น้ำ,อุปกรณ์สื่อสารใต้น้ำและชุดป้องกันแรงดันน้ำที่แข็งแกร่งได้รวมเข้าด้วยกัน คราวนี้ก็สามารถดำลงไปในทะเลสาบใต้ดินได้แน่นอน
“อืม สองสามวันนี้ได้ทำการติดตั้งและตั้งค่าประสบความสำเร็จมากโดยไม่มีช่องโหว่ใด ๆ ไม่น่าจะมีปัญหากับการผลิต” เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหยูหยินก็เอียงศีรษะไปข้างหนึ่ง “อืม ฉันควรบอกต้าหลี่เรื่องนี้ดีไหม?”
เมื่อนึกถึง หลินหยูหยินเริ่มคิดใหม่ “แต่ทำไมฉันต้องบอกเขาล่ะ?”
นี้เป็นความผิดปกติแปลก ๆ ที่เธอพึ่งสังเกตุตัวเอง ท้ายที่สุดหลินหยูหยินเองก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ แม้ว่าการตั้งค่าการทดลองจะสำเร็จแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดที่จะบอกต้าหลี่เป็นการส่วนตัว
หลินหยูหยินรู้สึกผิดปกติมาก “อืม นี่อาจเป็นเพราะความคิดที่อยากอยู่ร่วมกับใครสักคนของฉะนหรือเปล่า?”
หลังจากที่เธอครุ่นคิดสักพัก หลินหยูหยินก็ออนไลน์เพื่อค้นหาความหมายของการอยู่ร่วมกับใครสักคนอีกครั้ง ความหมาย: ทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หมาป่าและหมาเบอิ (สัตว์ที่มีขาหลังยาวและขาหน้าสั้น) ออกเดินทางร่วมกันเพื่อล่าสัตว์อื่น ๆ หมาป่าเป็นดั่งเท้าหน้า ในขณะที่หมาเบอิเป็นเท้าหลัง พวกมันวิ่งเร็วและปีนที่สูงได้ พวกมันอยู่กันอย่างพึ่งพาอาศัยกันและร่วมกันทำบางอย่างที่ชั่วร้าย
อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูจนถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกสับสนอีกครั้ง “ฉันทำเรื่องเลวร้ายกับเขาเหรอ? ก็ดูเหมือนจะไม่นะ”
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เริ่มมองหาวลีอื่น ๆ สิ่งที่เธอพบคือ "เพื่อนที่ดี" แต่คำศัพท์ในครั้งนี้ซับซ้อนกว่า หลินหยูหยินใช้เวลานานในการมอง ก่อนที่เธอจะพบคำอธิบายที่ใกล้เคียงกับที่เธอหวังไว้ “สามารถช่วยเหลือคุณในยามทุกข์ยาก สามารถช่วยชีวิตช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เข้าร่วมสังคมและด้านอื่น ๆ โดยไม่มีเหตุจูงใจที่เห็นแก่ตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกัน”
“อืม.. แต่เขาช่วยฉันเรื่องอะไร?” หลินหยูหยินนึกถึงชุดเทคโนโลยีฉายภาพเสมือนจริง “อาจจะเป็นอย่างนั้น.. ก็ได้”
“เขากำลังคิดที่จะใช้ฉันงั้นเหรอ?” หลินหยูหยินนึกถึงการแสดงออกและใบหน้าที่น่ารักของหงต้าหลี่อีกครั้งและส่ายหัว “ตอนนี้ ฉันยังไม่พบอะไร คงไม่มีอะไร”
“แล้วในกรณีนี้ฉันควรเรียกเขาว่า…เพื่อนไหม?” หลินหยูหยินมองขึ้นไปบนเพดาน “อืม ถ้าอย่างนั้นควรเซ็ทคำพูดเป็นว่า ฉันควรจะ ... ไปหาเพื่อน?”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ในที่สุดหลินหยูหยินก็ยืนยันและพึมพำกับตัวเอง “งั้นฉันควรจะไปหาเขา…”
…
“ท่านนายน้อยครับ มีข่าวจากหลินหยูหยินครับ” ไป๋หลางคนที่พูดก็ได้หันกลับมาและพูดกับพี่ใหญ่มู่ฮุยโจว
"โอ้? หยูหยินกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?” มู่ฮุยโจวรีบถาม
“พี่ชายจะพูดอะไร..” ไป๋หลางรายงานว่า “หยูหยินได้ถือชุด 3 ชุดและหมวกกันน็อคที่ดูเหมือนว่าจะออกแบบมาเพื่อเป็นชุดดำน้ำ หลังจากนั้นเธอก็ได้หยิบของทั้งหมดลงในรถ เธอก็ไปที่ทิศเหนือ”
"เอ๊ะ? เสื้อผ้า 3 ชุดและหมวกดําน้ำ? กําลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ?" มู่ฮุยโจวคิดในขณะที่เอามือเคาะโต๊ะ "เธอกำลังไปหามาสคอตที่นั่นแน่ ๆ มาสคอตตัวนั้นน่าจะไปประชุมตระกูลวันนี้นิ ใช่มั้ย? แสดงว่าที่นั้นคงมีอะไรสินะ!"
เมื่อพูดถึง มู่ฮุยโจวก็โบกมือ "ไปกันเถอะ แล้วไปเอาหัวบิ๊กเฮดคนนั้นมา เราจะทําเพื่อหงต้าหลี่ ในเมื่อตอนนี้เรามาที่นี้เพื่อตามหามัน!
…
มันเป็นความวุ่นวายนอกเนื่องจากข่าวที่รัฐบาลตั้งใจจะพัฒนาสี่แยกวงเวียน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหงต้าหลี่ยังคงนอนหลับสนิท แม้กระทั่งเสียงฟ้าร้องก็ไม่สามารถปลุกเขาตื่นได้ ดั่งวลีที่เหลียงอี้เฟิงพูด: "ไม่กลัวฟ้าร้อง ไม่กลัวลมฝน"
วิธีของเขาคือนอนคิด ผิดกับหงตูจริง ๆ เพราะเขาทำเป็นแพลตฟอร์ม
แม้จะมีเงินทุนของตระกูลหง พวกเขาก็ไม่สามารถละเลยโอกาสที่ได้รับมูลค่าของที่ดินที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้าน ซึ่งมูลค่าเพิ่มเป็น 10 พันล้าน หลังจากที่ตระกูลไปถึงระดับหนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวต่อได้ไวขนาดนี้
แม้คนอย่างมู่หยูซีที่เป็นอัจฉริยะของตระกูล เธอทำกำไรสุทธิต่อปีได้เพียงประมาน 100 ล้าน
แล้วด้านของหงต้าหลี่ล่ะ? เนื่องจากที่ดินที่เขาซื้อไม่เป็นปัญหา เพราะมูลค่าเพิ่มถึง 10 พันล้านภายในไม่กี่ปี เพียงไม่กี่ปีราคาที่ดินก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง? ใครจะกล้าเปิดตา เพราะถ้าเปิดตามองดูก็คงจะตาบอดไปแล้วล่ะ ว่าไหม?
ดังนั้นหงตูจึงเอาโทรศัพท์กดปุ่มโทรออกและโทรหาหงเหว่ยกูโดยตรง
เขารับสายอย่างรวดเร็วและหงเหว่ยกูก็พูดอย่างตื่นเต้นผ่านโทรศัพท์ "ท่านพ่อมีเรื่องอะไรครับ?" แม้ว่าพวกเขาเป็นพ่อและลูกชายกัน ในเวลานี้ระหว่างการประชุมตระกูล เขาเท่านั้นที่สามารถอยู่ได้โดยชื่อเกียรติของเขา
เมื่อเห็นว่าทั้งสองได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ ทันใดนั้นทุกคนก็เงียบ
พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่าลุงเหว่ยกูจะทําอะไร เป็นที่รู้กันว่าที่ดินไม่ได้เป็นสิ่งที่ได้มาด้วยเงินเพียงอย่างเดียว ปัญหาอยู่ที่ว่าผู้อยู่อาศัยยินดีที่จะย้ายออกหรือไม่มากกว่า
ในขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่สำคัญ
"ฮ่าฮ่า เหว่ยกู พ่อได้ยินมาว่าลูกซื้อที่ดินมากมายแถวสี่แยกวงเวียน ลูกได้ดูข่าวที่ออกอากาศหรือยัง?" หงตูยิ้มและถาม
"ผมดูแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านพ่อ ผมได้ลงทุนไป 1.2 พันล้านลงทุนซื้อที่ดินที่นั่น ผมคิดว่าที่ตรงนั้นคงจะได้กำไรพอสมควร" ตอนนี้นโยบายการพัฒนาได้รับการประกาศแล้ว ไม่จําเป็นต้องซ่อนอะไร เพราะข่าวออกอากาศเกี่ยวกับที่ดินที่เขาซื้อ
"เอ่อ.." หงตูถามอย่างช้า ๆ ว่า "ลูกทำได้ดีที่ซื้อที่ดินแถวนั้น โอ้ ใช่ เหว่ยกู จากสิ่งที่พ่อรู้มา แถวนั้นเป็นที่ดินเปิดโล่งด้วยใช่ไหม? ดูเหมือนว่าที่ดินที่ลูกซื้อมีหลายครัวเรือนด้วยใช่ไหม? แล้วแกทำยังไงพวกเขาถึงยอมขายบ้านให้?"
"เรื่องทางทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียน ... " เมื่อพูดถึง การแสดงออกของหงเหว่ยกูก็เป็นเช่นเดียวกับเลขาของเขา เสี่ยวหลิว เขาตกใจมาก "จริง ๆ แล้ว... มันเป็นสิ่งที่ผมทำเพื่อลูกชายต้าหลี่ของผม"
เมื่อเขาพูดไปแบบนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็ตกใจทันที
ทำเพื่อหงต้าหลี่แบบไหนกัน พวกเขาถึงยอมขายบ้านของพวกเขาทิ้งแบบนี้?
"มีอะไรเกี่ยวกับต้าหลี่เหรอ?" หงเหว่ยกูไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี "นี่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับต้าหลี่เหรอ? บอกมาว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร มันเกี่ยวอะไรกับเขา?"
เสียงของหงเหว่ยกูตอนนี้น่าสนใจมาก "สาเหตุเป็นเพราะต้าหลี่เลี้ยงสุนัข ... "
แค่ก แค่ก แค่ก! หงตูเกือบจะสําลักตายเพราะสิ่งที่เขาพูด "ลูกจะบอกว่าเหตุผลที่ผู้คนมากมายขายบ้านของพวกเขาและย้ายออกไป เป็นเพราะต้าหลี่เลี้ยงสุนัขเนี่ยนะ?"
ทุกคนในห้องประชุมก็ตกใจเช่นกัน นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินมาว่าการเลี้ยงสุนัขสามารถทำให้คนขายบ้านได้ เขาโกงชัด ๆ!
มู่หยูซีตกใจจนตาเบิกกว้างและปากเล็ก ๆ ของเธอก็อ้าค้างด้วยความอึ้ง
"ใช่แล้วครับ!" หงเหว่ยกูหัวเราะเสียงดังและพูดว่า "สุนัขเห่าตลอดทั้งวัน ตราบใดที่สุนัขตัวหนึ่งเริ่มเห่า สุนัขที่เหลือก็จะเห่าตามมา ผู้อยู่อาศัยที่นั่นไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุขเลย"
"พวกเขาเลยตัดสินใจขายบ้านของพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? เพียงเพราะเรื่องแค่นี้?" ตาของหงตูเพ่งเล็งและขมวดคิ้ว
"ที่จริงมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น" หงเหว่ยกูพูดว่า "พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะไม่ขาดทุนจากการขายบ้าง เพราะคนที่ซื้อบ้านพวกเขาคืออาเสี่ยน้อยต้าหลี่ของเรา พวกเขาสามารถใช้เงินซื้อบ้านใหม่ที่เราสร้างขึ้นได้ และความแตกต่างก็มีแค่เพียงค่าปรับปรุง ซึ่งราคาไม่แพงมาก มันเหมือนกับการแลกเปลี่ยนบ้านเก่าของพวกเขา เพื่อให้ได้บ้านใหม่… ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงมาคุยกับเราเพื่อขายบ้านพวกนั้น"
หงตูรู้มาโดยตลอดว่าทำไมหลิงเสี่ยวหยี่ถึงไม่พูดเกี่ยวกับสุนัขเหล่านั้นจนถึงการอธิบายในตอนท้าย เธอรออธิบายตรงนี้มาโดยตลอดนี้เอง "ลูกกําลังบอกว่าเหตุผลที่คนเหล่านั้นไม่เต็มใจที่จะย้ายเป็นเพราะสุนัขที่ต้าหลี่ซื้อมา?!"
"ใช่ครับ" สิ่งที่หงเหว่ยกูพูดมา มันตลกมาก "บรรดาสุนัข 400 ตัว เขาใช้จ่ายซื้อสุนัขมา 300,000 ถึง 400,000 หรืออาจจะมากกว่านั้น หลังจากนั้นก็แก้ปัญหาที่อาจแก้ไม่ได้ แม้ว่าเราจะใช้เงินเพียงไม่กี่แสนก็ตาม"
"โอ้ หัวใจฉัน..." หงตูจับหน้าอกและนั่งลงบนเก้าอี้ "สุนัข 400 ตัว ทําให้คนแถวนั้นคิดที่จะย้ายบ้าน นี้.. เงินหลักแสนกลับเปลี่ยนได้ง่ายขนาดนี้”
หลังจากนั้นไม่นานหงเหว่ยกูก็ทำให้ทุกคนช็อค "สิ่งที่ผมตกใจมากกว่าคงเป็น ลูกของผมมันซื้อสุนัขมาเพื่อเล่นสนุกเฉย ๆ ทั้งหมดก็แค่ถลุงเงินเล่นเท่านั้น ... "