ระบบใช้จ่ายตอนที่197
บทที่ 197: โชคดี
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หงต้าหลี่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาอุทานในขณะที่เขาเดินเข้าบ้าน “แม่ ทีมแพทย์ประจำครอบครัวของเราสามารถทำศัลยกรรมได้ไหม?”
“โอ้ ลูกรักของแม่ เดี๋ยวนี้ลูกมีความสามารถ รู้วิธีว่ายน้ำแล้วเหรอ ฉันได้ยินมาว่าแกว่ายน้ำได้สินะ?” ทันทีที่เธอเห็นหงต้าหลี่ เธอก็ยิ้ม หลานรุยชีเดินไปข้างหน้าเพื่อจับมือหงต้าหลี่ “ตัดสินใจกล้าหาญซะจริง แกเติบโตขึ้นแล้วนะ ฮิฮิ”
“ที่จริงมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง ผมเองก็ไม่อาจเมินคนจะฆ่าตัวตายได้หรอก แม่ก็รู้นิ?” หงต้าหลี่ลูบคางของเขา “แม่ แม่ยังไม่ตอบผมเลย ทีมแพทย์ประจำครอบครัวของเราสามารถทำศัลยกรรมได้ไหม?”
“สามารถทำศัลยกรรมได้ ไม่มีปัญหาเลย” หงเหว่ยกูยิ้มและเดินออกมาจากห้องทำงาน “ต้าหลี่ ครั้งหน้า ถ้าแกเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก อย่าทำอะไรคนเดียวนะ มันก็ดีที่แกช่วยเหลือคนอื่น จริง ๆ แล้วแกหรือผู้ติดตามช่วยเธอได้ มันไม่ต่างกัน แม่ไม่ได้พูดแบบนี้เพราะว่าลูกเหนือกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะร่างกายของแกเพิ่งฟื้นตัวและยังแข็งแรงไม่มากพอ ดังนั้นการช่วยเธออาจเป็นอันตรายกับแกก็ได้”
“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ” หงต้าหลี่ยิ้มและพูดว่า “น้องสาวจินจือซาน เธอค่อนข้างสวยจริง ๆ และไฝที่อยู่ตรงกลางใบหน้าของเธอนั้นก็ใหญ่เกินไป ผมวางแผนที่จะลบปานของเธอออก มันอาจจะทำให้เธอดูดีขึ้นและเธอก็จะไม่โชคร้ายอีกต่อไป”
ในมุมมองของหงต้าหลี่ สาเหตุหลักที่จินจือซานโชคร้ายมากก็คือไฝอยู่ผิดตำแหน่ง หากไฝถูกลบออกไป มันอาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นจากร้ายกลายเป็นดี เนื่องจากรูปร่างของเธอก็สมส่วนและรูปร่างดี
“ชื่อจินจือซานเหรอ? 'จินจือ'(ทอง) ซาน(ภูเขา)?” หงเหว่ยกูหัวเราะเสียงดัง “ความโชคดีของต้าหลี่ของเรานั้นดีเกินไปแล้ว!”
"ฮะ?" โอ้ ที่เขาพูดอย่างนั้น ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ! หงต้าหลี่ก็มีความสุขเช่นกัน “พ่อ ถ้าจะถามอะไรต่อ.. ผมคงไม่ตอบอีกนะ เพราะผมง่วงแล้ว ผมจะไปนอนตอนนี้!”
“เอาล่ะ ไปเถอะ พรุ่งนี้จะมีคนติดต่อเธอไป” หงเหว่ยกูพยักหน้า หลังจากที่ต้าหลี่กลับไปนอนที่ชั้นบน หงเหว่ยกูก็พูดกับหลานรุยชีอย่างยิ้ม ๆ ว่า “คนที่ต้าหลี่้เจอ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์กับเราสักเท่าไหร่ แค่ฉันอยากรู้ว่าจินจือซานคนนี้ทำอะไรได้บ้าง”
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน" หลานรุยชีพยักหน้าและพูดว่า “รอดูกันเถอะ”
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หนังเรื่องไม่คาดไม่คิด! ก็ได้ดังพุแตกอีกครั้ง!
"หนังเรื่องไม่คาดคิด! ได้เปิดตัวตอนที่สองแล้ว พี่น้องรีบดาวน์โหลดกันเถอะ!”
"งั้นเหรอ? ฉันรอมาสองสัปดาห์เต็มแล้ว! ฉันรอจนเกือบฆ่าตัวตายแล้ว! รีบไปดูกันเถอะ!”
“ตอนที่สองก็ดีเหมือนเคย พี่น้อง ไปดูกันเถอะ!”
“'ฉันเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่ฉันจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไป เพิ่มค่าจ้างและได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอ,ได้แต่งงานกับไบฟูเม่ยและก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิตของฉัน แค่คิดก็ทำให้ฉันตื่นเต้นแล้ว ฮ่าๆๆ!' คำพูดนี้ยอดเยี่ยมมาก!”
2-3 วันผ่านมา ไม่ว่าจะเว็บไซต์ Weibo,เว็บไซต์ Sangle หรือการแชร์ให้เพื่อน ๆ ดู จำนวนการดาวน์โหลดของตอนที่สองของหนังไม่คาดคิด! บ้าไปแล้วในเว็บไซต์ So Cool หนังได้ติดอันดับที่สิบของชาร์ตดาวน์โหลด
หลังจากนั้นภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน มันก็ขึ้นสู่อันดับที่หกอีกครั้ง โดยสามอันดับแรกจะเป็นยอดวิดีโอดาวน์โหลดคอนเสิร์ตของลี่เนียนเหว่ย ถัดมาเป็นยอดวิดีโอตอนที่หนึ่งของหนังเรื่องไม่คาดคิด! รวมถึงตอนที่ 1-3 ของรายการฉันเป็นนักร้อง
วงการธุรกิจบันเทิงต่างตกตะลึง
สถิติของจำนวนการดาวน์โหลดทั้งหมดในเว็บไซต์ So Cool เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่วนที่โหดร้ายก็คือแม้ว่าวิดีโอจะอยู่อันดับที่หก แต่ทุกวิดีโอเป็นผลงานของหงต้าหลี่ทั้งหมด“บริษัทผู้ผลิต” อย่างไรก็ตามระบุว่าเป็นของบริษัทไกเหว่ยเอนเตอร์เทนเมนท์
ชื่อเสียงของบริษัทไก่เหว่ยเอนเตอร์เทนเมนท์ดังไปทั่วทั้งธุรกิจบันเทิง เนื่องจากศิลปินชื่อดังหลายคนต้องการเซ็นสัญญากับบริษัทไกเหว่ยเอนเตอร์เทนเมนท์และศิลปินจำนวนมากที่ต้องการมีชื่อเสียงก็มาขอสัญญากับบริษัทด้วย ในขณะที่แฟน ๆ จำนวนมากมารวมตัวกันทุกวันที่ล็อบบี้ ของอาคารเฉินหุย
กวาดทุกชาร์ต!
นี่คือแรงขับเคลื่อนปัจจุบันของไกเหว่ยเอนเตอร์เทนเมนท์
บริษัทบันเทิงหลายแห่งกำลังมีการประชุมและเป้าหมายของการประชุมเหล่านี้ คือ การประชุมทั้งหมดเกี่ยวกับรายการที่หงต้าหลี่ผลิต
หลายคนรู้สึกหดหู่ใจหลังจากที่พวกเขาเปรียบเทียบตัวเองกับหงต้าหลี่ที่ไร้ค่าและจู่ ๆ ก็รู้ว่าพวกเขาไม่รู้จะใช้เงินอย่างไรให้ได้แบบหงต้าหลี่
ในทางกลับกัน มีผู้คนมากมายฉลองความสุขเนื่องจากพวกเขาสามารถสร้างชื่อเสียงได้เมื่อรายการของพวกเขามีการอ้างอิงถึงหงต้าหลี่
ในขณะเดียวกันเว็บไซต์หน้าหลักของบริษัทไกเหว่ยเอนเตอร์เทนเมนท์ก็เต็มไปด้วยความคิดเห็น ซึ่งเพิ่มขึ้นเร็วนับหมื่นความคิดเห็นต่อวัน
“ฉันดูแล้ว มันสนุกมาก! ฉันดูหลายรอบแล้วด้วย ฉันมั่นใจว่าผลงานการผลิตของท่านนายน้อย มีคุณภาพสูงจริง ๆ!”
“วิดีโอพวกนี้โคตรคลาสสิก การที่ผลิตรายการแบบนี้ ถือได้ว่าเขาต้องเป็นอัจฉริยะ!”
“ฉันยอมรับความสามารถของเขาจริง ๆ ต้องยกให้เขาเลย!”
“โคตรเมพ!”
ในขณะที่หนังเรื่องไม่คาดคิด! กำลังกวาดชาร์ตในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน สเตจที่สี่ของรายการฉันเป็นนักร้อง ก็เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่
การเปิดฉากที่น่าตกใจ แสงไฟที่ตระการตา การถ่ายทอดสดที่น่าอัศจรรย์
วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี้เป็นรอบที่สองของรอบชิงชนะเลิศ จึงทำให้ผู้คนสนใจมาก
เหตุผลก็คือในตอนนี้นักร้องคนอื่นจะถูกคัดออก
สนามกีฬาสี่แยกวงเวียนทั้งหมดเต็มไปด้วยบรรยากาศที่รอคอย ผู้ชมต่างส่งเสียงกรีดร้องอย่างดุเดือดเพื่อให้กำลังใจนักร้องที่พวกเขาชื่นชอบและนักร้องทั้ง 7 คนก็พยายามอย่างเต็มที่และอดทนเพื่อปรับสภาพจิตใจของพวกเขา
คนแรกที่แสดง คือ ชูจงฉิน
เขาเดินไปที่ด้านข้างของเวทีและหยุดอยู่ที่นั่น เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หงต้าหลี่ที่อยู่ห่างออกไปในห้องวีไอพีเล็กน้อยด้วยสีหน้าผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
คราวนี้เขาคงไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เขาต้องการเพียงแค่ร้องเพลงให้สมบูรณ์แบบเท่านั้นและนั่นก็เพียงพอแล้ว เขาเชื่อว่าเขาเป็นดาวที่ส่องแสงที่สุดในท้องฟ้า
“เจียงหยู คุณคิดว่าเขาจะได้ตำแหน่งที่เท่าไหร่ในครั้งนี้ครับ?” ผู้จัดการในห้องของเจียงหยูถามอย่างยิ้มแย้มในขณะที่เขาดูจากหน้าจอโทรทัศน์
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันไม่สามารถบอกได้แน่ชัด แต่ครั้งนี้..” เจียงหยูจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาที่มีต่อดนตรี “เขาจะได้ที่หนึ่ง เขาจะได้อันดับที่หนึ่งแน่นอน”
“มันเป็นไปได้จริงเหรอครับ? คุณแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ผู้จัดการอุทานด้วยความประหลาดใจ
“เป็นเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ท่านนายน้อยให้เขาร้อง” เจียงหยูพูดว่า “ต้าหลี่จะสร้างปาฏิหาริย์ ฉันมั่นใจในสิ่งนี้ค่ะ”
นอกเวที
"การแสดงของชูจงฉินในตอนที่สอง ตอนแรกเป็นเพียงเรื่องธรรมดา คราวนี้เขาดูตึงเครียดมาก เพราะเขาได้แสดงเป็นคนแรก"
“เฮ้อ ใครบอกว่าจะไม่เป็นไร? แม้ว่าเขาจะมีทักษะ แต่คนอื่น ๆ ที่แสดงก็มีความสามารถและมันก็ทำให้เวทีนี้ดุเดือด ไม่ใช่เรื่องง่ายหากเขาต้องการที่จะฝ่าฟันจนได้ชัยชนะ”
“ใช่ การแข่งขันครั้งนี้ตึงเครียดและโหดร้ายมาก อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ดังนั้นชูจงฉินคงไม่รู้สึกกระวนกระวายในครั้งนี้ ใช่ไหมครับ?”
“เราก็ไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจจริง ๆ”
ในเวลานี้ผู้ชมนอกเวทีต่างก็มีส่วนร่วมในการสัมภาษณ์
แน่นอนว่าความสามารถของชูจงฉินยังคงสูงมาก แต่ความสามารถของทุกคนก็สูงพอ ๆ กัน ตราบใดที่การแสดงของเพลงยังสะดุดแม้เพียงเล็กน้อย นั่นคือจุดจบของการแข่งขันสำหรับเขา
ในขณะที่ชูจงฉินยืนอยู่กลางเวทีและมองลงไป เห็นผู้คนมากมายที่อยู่นอกเวที เขาไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
เขารู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าเพลง “ไม่เคยจากไป” ที่ท่านนายน้อยมอบให้นั้นไพเราะเพียงใด ไม่ต้องพูดเกินจริง เมื่อเพลงนี้เสร็จสมบูรณ์ เขาก็มีความรู้สึกบางอย่าง
ทุกครั้งที่เขาร้อง เขาสัมผัสกับท่วงทำนองของเพลงนี้ เขารู้สึกมีความสุขที่ได้แสดงและร้องเพลงนี้ในชีวิตของเขาไม่ว่าเขาจะร้องกี่ครั้งก็ตาม
ทุกคนต่างเงียบทันที
ในเวลานี้ชูจงฉินไม่เห็นการจ้องมองที่เป็นกังวลของผู้ชมหรือการแสดงออกที่น่ายินดีของผู้ชมที่ไม่ชอบเขา
ด้วยชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยม ทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้น ชูจงฉินรู้เรื่องนี้มานานแล้ว
เขาหลับตาลงและไม่สนใจเสียงของผู้คนที่ร้องดังนอกเวที ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำก็คือสนุกกับช่วงเวลาของเขาบนเวทีอย่างเต็มที่รวมถึงอารมณ์ที่ซาบซึ้งที่เพลงนี้มอบให้กับเขา แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
เสียงดนตรีดังขึ้น
แสงก็ได้ฉายส่องเข้ามาบนเวที
แสงสว่างโดยรอบล้วนจับจ้องมาที่เขา
“ฉันรักและหลง ได้ลิ้มรสส่วนที่หวานและเปรี้ยวของความรัก หนีจากการประชดโชคชะตา ฉันรู้ว่าฉันปรารถนาอะไร..”
เสียงทุ้มแต่สดใสของชูจงฉินดังก้องไปทั่วทั้งสนามกีฬาสี่แยกวงเวียน ทันใดนั้นมันก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงของเขาที่เข้าถึงใจผู้ชม ผู้ชมนอกเวทีหลับตาลง พวกเขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยราวกับว่าอารมณ์ของพวกเขาเข้าสู่เสียงของเขาแล้ว
“สภาพที่ไม่อาจพรรณนาได้ ประกอบไปด้วยอารมณ์ทั้งหมดที่ผสมผสานกัน ทำไมฉันถึงยังคิดถึง ไม่จำเป็น มีอะไรในโลกนี้ให้ภาคภูมิใจ..”
ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีอะไรเลย
อย่างไรก็ตามมีผู้คนจำนวนมากกำลังร้องไห้โดยที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของทุกคนกระตุกในขณะที่พวกเขาทุบต้นขาอย่างแรง
การร้องเพลงของชูจงฉินเข้าถึงหัวใจของผู้ชม พวกเขาต่างรู้สึกอ่อนไหว ทำให้พวกเขาล่องลอยไปกับเสียงของเขา
“ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงได้แต่มองไกลห่าง ฉันคงได้แต่คิดถึงถนนที่เลี้ยว เมื่อมองย้อนกลับไปฉันก็รู้ว่าคุณกำลังรอฉันอยู่และไม่เคยจากไป
ฉันจักค้นหาสุดปลายทะเล แต่ลืมไปว่าสายน้ำที่คดเคี้ยวมันทำให้ฉันต้องพายเรือทวนกระแสน้ำ วันนั้นคุณอยู่เคียงข้างฉัน แต่วันนี้กลับผลักให้ฉันไป..”
ทุกคนต่างตะลึง
ชางเวินชีที่เป็นโปรดิวเซอร์เพลงของบริษัทกูจีมิวสิคไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเพิ่งเคยได้ยินเพลงนี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน
เป็นเพลงที่ดีมาก เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนได้ยังไง!
อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญอีกต่อไป อารมณ์ที่สับสนวุ่นวายภายในใจของชางเวินชี เดิมทีเขามาในวันนี้เพียงเพื่อสัมผัสประสบการณ์การแสดงสดที่ศิลปินมากมายเข้าร่วมรายการและดังเป็นพุ่งแตก แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินเพลงที่ไม่คาดคิดเช่นนี้
“ทุกอารมณ์ที่ผูกมัดฉันไว้ ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป ที่รัก ขอให้คุณเป็นสิ่งสำคัญของฉัน ฉันมีความสุขเมื่อคุณมีความสุขและฉันจะเศร้าเมื่อคุณเศร้า”
หากเสียงในตอนต้นเป็นเหมือนการกักขังวิญญาณอย่างอ่อนโยน ดังนั้นเสียงร้องในตอนท้ายก็สามารถอธิบายได้ว่ามันวุ่นวายและยิ่งใหญ่เพียงใด!
ผู้ชมมากมายฟังเพลงที่ชูจงฉินร้อง มันทั้งนุ่มลึก เสียงเข้าถึงอารมณ์บาดใจ ในขณะที่ฟังเพลงพวกเขาไม่เคยรู้สึกถึงความเศร้าแบบนี้มาก่อน
บริษัททำเพลงทั้งหมดที่อยู่นอกเวทีพยายามหาคำตอบ แต่ก็ไม่มีใครเคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลย เมื่อชางเวินชีคิดได้ เขาก็พอจะเดาได้ว่าเพลงนี้อาจเป็นเพลงที่เขียนโดยท่านนายน้อย บริษัททำเพลงเมื่อรู้เช่นนั้นก็ต่างตกตะลึง
ใครจะคิดว่าหงต้าหลี่ที่อ้างตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะในการถลุงเงินจะมีพรสวรรค์แบบนี้ได้?
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เพลงของลี่เนียนเหว่ย เพลงม่านลูกปัด ก็เป็นความสามารถการแต่งเพลงของเขาเช่นกัน
“ตอนนี้เราสานสัมพันธ์ด้วยรัก แสงแดดพิสูจน์ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่จินตนาการ ตอนนี้ที่ฉันหลับตาลงเพียงเพื่อสัมผัสด้วยใจจริง เสียงที่พูดว่ารักเธอ..
"ไม่เคยจากไป"
เสียงค่อย ๆ ดังออกมาและจบลง
ในตอนท้ายชูจงฉินโค้งคำนับให้กับผู้ชมและเดินออกจากเวทีไป ผู้ชมต่างปลื้มปริ่มและรู้สึกชอบเพลงของชูจงฉินมาก พวกเขาต่างตบต้นขาของตัวเองและกรีดร้องออกมาเพื่อเชียร์ชูจงฉิน
" 'ไม่เคยจากไป' !" ชางเวินชีตีต้นขาของเขาซ้ำ ๆ “เพลงนี้ชื่อว่า 'ไม่เคยจากไป'!”