ระบบใช้จ่ายตอนที่155
บทที่ 155: นักเลงเก่า
เนื้อออสเตรเลียคุณภาพ! ดูสิ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอาเสี่ยน้อยต้าหลี่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเยี่ยม!
หงต้าหลี่ยิ้ม ในขณะที่เขาพูดออกไปว่า "ครับ ๆ จริง ๆ แล้วผมมีแมวอีกตัวที่ชื่อว่าข้าวโพด ซินซินชอบมัน ก็เลยให้เธอเอาไปเลี้ยง”
"อ่ะ อย่าเพิ่งนอกเรื่อง" หลานรุยชีถามว่า "ก่อนอื่นบอกแม่มาสิ แกพบเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้ยังไง?"
“ตอนแรกผมกำลังจูงเสือเดินเล่นอยู่บนถนน แล้วก็มีเด็กผู้หญิงคนนึงอยากเข้ามาดูลูกเสือใกล้ ๆ” หงต้าหลี่เกาจมูก “ผมก็คิดว่าคงไม่มีอะไร ผมก็ให้เธอเข้ามาดูลูกเสือใกล้ ๆ แล้วจากนั้นก็ทำให้คนอื่น ๆ เข้ามาดูลูกเสือ ตอนนั้นผมก็เบื่อแล้วและบังเอิญสังเกตเห็นซี่ฉวนเนื้อตัวมอมแมมเป็นขอทานแอบอยู่มุมหนึ่งและไม่กล้าเข้ามาดูใกล้ ๆ ผมก็อยากรู้ว่าเธอเป็นอะไรทำไมถึงไม่เข้ามาดูลูกเสือใกล้ ๆ ก็เลยให้คนติดตามพาเธอออกมา หลังจากที่เราคุยกัน พวกเราก็เข้ากันได้ดี น้องสาวซี่ฉวนเล่นเกมเก่งมาก!”
"แกไปเจอเธอเป็นขอทานและเห็นว่าเธออยากเข้ามาดูเคลติน แต่เธอไม่กล้ามาดูใกล้ ๆ แกเลยให้คนติดตามของแกพาตัวเธอมาหา?" หลานรุยชีตกใจ “ง่าย ๆ งั้นเลยเหรอ? วันนี้เป็นวันแรกที่พวกแกเจอกันใช่ไหม?”
"ใช่ครับ" หงต้าหลี่พูดว่า "เธอไม่เต็มใจที่จะกลับบ้าน ผมก็เลยพาเธอกลับบ้านมาด้วย"
“แล้วหลังจากที่เธออาบน้ำ เธอก็สวยขนาดนี้เลย แต่แกกลับไม่แปลกใจเลยเหรอ?” หลานรุยชีรู้สึกกังวลเล็กน้อยในตอนนี้ เป็นไปได้ไหมว่าลูกชายของเธอมีบางอย่างที่ผิดปกติกับรสนิยมทางเพศของเขา? เด็กผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่เขาไม่เห็นจะพูดถึงเรื่องนี้เลยเนี่ยนะ?
"ผมก็ตกใจอยู่นะ!" หงต้าหลี่พยักหน้า “แต่แปลกใจที่ผมไม่ได้รู้สึกประหลาดใจตลอดใช่มั้ย? ก็ผมเห็นผู้หญิงสวย ๆ มาบ่อยแล้ว ผมเลยไม่ได้รู้สึกอะไร”
ก็จริงที่รอบ ๆ ตัวหงต้าหลี่แต่ละคนสวยกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาที่แทบจะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อความสวยของเธอ
หลานรุยชีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “ที่รักดูสิ ต้าหลี่ไม่ได้ต้องการให้เราเลี้ยงน้องสาวคนนี้ เราพยายามมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ ฉันคิดว่าสาวน้อยคนนี้ก็ไม่เลว ทำไมเราไม่..”
"ใช่" หงเหว่ยกูพ่นควันยาสูบออกมา “นี่คือสิ่งที่สวรรค์ส่งมาให้ต้าหลี่ เธอตกมาจากท้องฟ้าและหนูน้อยคนนี้ก็ไม่ได้แย่นัก โอเค ตัดสินใจแล้ว ฉันจะพยายามติดต่อครอบครัวของเธอและให้เธอมาเป็นลูกบุญธรรมของเรา
แม้แต่คนที่เก่งอย่างหงเหว่ยกูยังต้องยอมแพ้ให้กับโชคของหงต้าหลี่ แค่เดินไปตามถนนเก็บขอทานมาและอาบน้ำจนเป็นนางฟ้าเนี่ยนะ คงจะไม่มีใครเชื่อพวกเขาแน่นอน แม้ว่าจะอมพระมาพูดก็คงไม่เชื่อ
ซึ่งเมื่อตัดสินใจแล้ว คงจะไม่มีปัญหากับเธอและไม่สำคัญว่าพ่อแม่ของเธอจะมีเครือญาติมากมายขนาดไหน สุดท้ายมันก็จะดีลกันได้อยู่ดี
หลินซี่ฉวนไม่เคยคิดเลยว่าในระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้เธอจะกลายเป็นลูกบุญธรรมของหงเหว่ยกูและหลายรุยชี
เด็กน้อยรู้สึกกังวลเล็กน้อย โชคดีที่หลานรุยชีมีประสบการณ์ เธอจับมือหลินซี่ฉวนและพูดเบา ๆ ว่า "เธอชื่อหลินซี่ฉวนใช่มั้ยจ๊ะ? ซี่ฉวนจากนี้ไปเธอสามารถอยู่ที่นี่ได้เลยนะ ถ้าเธอต้องการอะไรก็แจ้งให้พ่อบ้านได้เลย เราจะช่วยเธอและแจ้งครอบครัวของเธอ ฉันเองก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่อนุญาต เธอคิดว่าพ่อแม่ของเธอจะตกลงไหม?"
หลังจากนั้นพวกเขาก็ยังไม่คุ้นชิน สีหน้าของหลินซี่ฉวนตื่นเต้นและกังวลไปพร้อมๆกัน ท้ายที่สุดเธอยังคงพยักหน้าอย่างจริงใจและพูดว่า "งั้นหนูขอขอบคุณนะคะ คุณแม่"
"โอ้ ที่รักดูสิ เด็กน้อยพูดจาน่ารักมาก" หลานรุยชีลูบเส้นผมของหลินซี่ฉวนที่ยุ่งเหยิงของเธอและพูดว่า "นี้มันก็ดึกแล้ว ฉันจะขอให้พ่อบ้านพาเธอไปพักผ่อนตอนนี้ โอเคไหมจ๊ะ?"
"โอเคค่ะ" ไม่ควรปล่อยให้เธอนอนดึก หลินซี่ฉวนพยักหน้า “งั้นหนูขอตัวไปนอนก่อนนะคะ คุณพ่อคุณแม่ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
"ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ"
หลังจากหลินซี่ฉวนไปนอน หลานรุยชีก็มองไปที่หงเหว่ยกู “ที่รักคิดว่ายังไง”
“ยัยหนูคนนี้ก็ไม่เลวนะ” หงเหว่ยกูแตะคางของเขาและถามหงต้าหลี่ว่า "ต้าหลี่ ยัยหนูหนีพ่อแม่ของเธอมาเหรอ?"
"ใช่ เธอบอกว่าหนีออกมาได้ครึ่งเดือนแล้ว" หงต้าหลี่พยักหน้าและพูดว่า "ผมให้ผู้ติดตามไปถามคนในระแวกนั้นแล้ว คนส่วนใหญ่พูดมาแบบนี้"
“หนีออกจากบ้านมันง่ายขนาดนั้นเลยเรอะ” หงเหว่ยกูหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและโทรออกทันที เขาหัวเราะและพูดว่า "พี่จิ ผมหงเหว่ยกูเองนะ ใช่ ผมอยากจะขอให้พี่ช่วยตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่แจ้งความเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่หายไปในเมืองเทียนจิงในช่วงนี้ไหม? ใช่แล้ว เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุ 14 ปี โอเค นัดเจอกันเมื่อพี่ว่างนะ เราได้คุยกันแน่ๆ ฮิฮิ ไม่เป็นไร”
หลังจากวางสาย หงเหว่ยกูยิ้มและพูดว่า "รอสักแปป พวกเขากำลังตรวจสอบ"
โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วถามว่า "เอ่อเป็นยังไงบ้าง? โอ้ มีจริงใช่ไหม? ครอบครัวไหน? หลินหยิงอี้? โอ้ ผมเหมือนจะรู้จักเขาอยู่ โอเค รอผมแปป กำลังจะจดครับ"
หงเหว่ยกูหยิบปากกาขึ้นมาและจดเบอร์โทรศัพท์หลินหยิงอี้ จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า "โอเค ผมจดไว้แล้ว ฮิฮิ เจอกันครับ”
"ยังไง?" เมื่อเห็นว่าเขาได้ข้อมูลแล้ว หลานรุยชีก็ถามด้วยความกังวล
"หลินหยิงอี้ พี่จิบอกว่าเขาเป็นผู้อำนวยการบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในเขตตะวันออก" หงเหว่ยกูยิ้มและพูดว่า "ฉันกำลังจะโทรไปถามเขาอยู่"
เขากดหมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ อย่างรวดเร็ว เสียงกังวลเล็กน้อยดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ “สวัสดีครับ คุณ..”
หงเหว่ยกูพูดว่า “นี่ใช่คุณหลินหยิงอี้หรือเปล่า? ลูกสาวของคุณ หลินซี่ฉวนใช่ไหม? เธอผิวขาวและบอบบาง เธอมีไฝแดงเล็ก ๆ ที่คอใช่ไหม?”
"หลินซี่ฉวน ใช่ครับ เป็นเธอเลย!" หลินหยิงอี้รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด เขาถามอย่างใจจดใจจ่อ “คุณเห็นลูกสาวของผมไหม? เธออยู่ที่ไหน? ผมอยากเจอเธอตอนนี้ ได้โปรด ผมจะไม่ให้คุณเสียเวลาไปเปล่า ๆ แน่! คุณอยากได้อะไรบอกมาเลย!” เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดอย่างใจจดใจจ่อว่า "ผมขอแค่คุณอย่าทำร้ายเธอ ได้โปรดเถอะครับ!"
"ฮิฮิ คุณหลิน ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า" หงเหว่ยกูพูดว่า "ลูกสาวของคุณออกจากบ้านนานแค่ไหนแล้ว?"
“เฮ้อ เป็นความผิดของผมเองที่บังคับเธอมากเกินไป เธอหนีออกจากบ้านไปครึ่งเดือนแล้ว เธอโทรมาแค่ครั้งเดียวเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอบอกว่าเธอปลอดภัยดี” เขากังวลมากจนไม่ได้รอให้หงเหว่ยกูถาม หลินหยิงอี้พูดทุกอย่าง “คุณ ได้โปรดอย่าทำร้ายเธอนะครับ เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผม ตราบใดที่คุณส่งเธอกลับมาหาผมได้ ผมจะให้เงินคุณเท่าที่คุณต้องการ! หนึ่งล้าน หนึ่งล้านพอไหมครับ!?”
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าหงเหว่ยกูเป็นคนลักพาตัวไป เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มและพูดว่า "คุณหลิน คุณไม่คิดว่าราคานี้ต่ำไปหน่อยหรือ?"
"นี่" หลินหยิงอี้กระวนกระวาย "สามล้าน! ผมเสนอให้คุณสามล้านหยวน! ตราบใดที่คุณไม่ทำร้ายเธอ ผมยินดีจ่ายสามล้าน!"
“ดูเหมือนว่าคุณยังจริงใจอยู่บ้าง” หงเหว่ยกูพูดว่า "ห้าล้านหยวนและหนึ่งล้านดอลลาร์ ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดนิ้วเธอซะ"
"ไม่นะครับ!" หลินหยิงอี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดทันทีว่า "ตกลง! ผมตกลง! แต่..."
"แต่อะไร?" หงเหว่ยกูถาม
"ผมไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนั้นในระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้ ขอเวลาสองวันได้ไหม? แค่สองวัน!“หลินหยิงอี้พูดอย่างใจจดใจจ่อ”ขอแค่สองวัน! ผมสัญญาว่าจะไม่โทรหาตำรวจ! ผมจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น! คุณก็รู้ว่าเงินห้าล้านไม่ใช่เงินก้อนเล็ก ๆ ผมไม่สามารถหาเงินได้ไวขนาดนั้นหรอกนะ!"
"เอาล่ะ คุณก็ยังจริงใจอยู่บ้าง" หงเหว่ยกูพูดว่า “พรุ่งนี้เช้าเวลา 07.00 น. มาที่เย่ไหลเซียง ที่สี่แยกวงเวียน ทิศตะวันตก ฉันจะให้ใครบางคนพาแกไปพบลูกสาวของแก ถ้าฉันพบตำรวจแม้แต่คนเดียว ลูกสาวของแกจะต้องทุกข์ทรมานแน่”
"โอเค โอเค โอเค! ผมเข้าใจแล้ว! ผมจะไปที่นั่นตรงเวลาเลย" หลินหยิงอี้พูดอย่างกังวล
“โอเค เท่านี้แหละ เจอกันพรุ่งนี้”
หลังจากวางสาย หลานรุยชีก็หัวเราะออกมาและพูดว่า "คุณสามารถหลอกเขาได้จริง ๆ เหรอเนี่ย คุณนี้เป็นนักเลงเก่าจริง ๆ"
หงต้าหลี่ที่อยู่ด้านข้างจ้องมองด้วยความสับสน พ่อของเขาแค่แกล้งให้คนตกใจเท่านั้น!
"ฮิฮิ เขาเป็นพ่อลูกบุญธรรมของเรานะ ฉันจะเช็คว่าเขาเป็นคนยังไง" หงเหว่ยกูแตะคางของเขาและตะโกนว่า "พี่วัง!"
ทันใดนั้นคนขับรถของหงเหว่ยกู วังหมิงหยูก็ปรากฏตัวต่อหน้าหงเหว่ยกูราวกับผี "ครับท่านผู้ชาย!
"หาคนตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลินหยิงอี้ ผู้อำนวยการบริษัทแห่งหนึ่งทิศตะวันออก ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น" หงเหว่ยกูพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "จัดการเดี๋ยวนี้!"
"ได้ครับ ท่านผู้ชาย"
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หงเหว่ยกูก็นั่งลงบนโซฟา เขายิ้มและพูดว่า "ในเมื่อเรามีลูกบุญธรรม ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว แต่เธอต้องมาจากตระกูลที่ดี ฉันไม่ต้องการให้สนามหลังบ้านของเราลุกเป็นไฟหรอกนะ" เมื่อเขาพูดจบ เขาก็พูดว่า "ต้าหลี่ให้ฉันดูลูกเสือตัวเล็กตัวนี้หน่อยสิ"
"โอเค" หงต้าหลี่วางเคลตินไว้บนตักของหงเหว่ยกู “เคลติน จุ๊ฟพ่อ!”
เคลตินยื่นลิ้นออกมาทันทีและเลียใบหน้าของหงเหว่ยกู ทำให้พวกเขาหัวเราะด้วยความสุข
หงเหว่ยกูพูดว่า “เสือตัวนี้แข็งแรงและขี้เล่นจริง ๆ ต้าหลี่ดูเหมือนว่าแกจะเป็นมิตรกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ นะ ก่อนหน้านี้แกก็เลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว เลี้ยงสุนัขมันไม่น่าสนใจรึไง แกถึงเปลี่ยนมาเลี้ยงเสือแทน?”
หงต้าหลี่ไม่สามารถบอกถึงระบบในใจของเขาได้ หงต้าหลี่สูดลมหายใจเข้าและพูดอย่างคลุมเครือว่า "โอ้ เพราะผมเบื่อง่ายและได้ยินมาว่าสวนสัตว์ที่ผมไปซื้อสัตว์มากำลังจะเปลี่ยนธุรกิจ ผมเห็นสัตว์เหล่านี้น่าสงสาร ผมก็เลยซื้อพวกมันมาทั้งหมดเลย”
"อืม ก็ดีที่แกชอบ" หงเหว่ยกูวางเคลตินไว้ในอ้อมกอดหลานรุยชีและพูดกับหงต้าหลี่ว่า "ต้าหลี่ เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันเกิดอายุ 18 ปี ในวันที่ 28 พฤษภาคม นี่คืองานวันเกิดของแก แกอยากจัดงานวันเกิดที่ไหน?”
บรรลุนิติภาวะ? โลกนี้ยังทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ?
เขาต้องยอมรับ เพราะเขาไม่ได้เกิดมาในโลกนี้ เขาจึงไม่คุ้นเคยกับงานวันเกิดครบ 18 ปีที่กำลังจะมาถึงนี้เลย แต่เขาก็ไม่ได้หยุดตอบ “เอ่อ ไม่เป็นไร ผมไม่อยากได้อะไร”
"ไม่ได้นะ" หลานรุยชีที่แบกเคลตินพูดเบา ๆ ว่า "อาเสี่ยน้อยของเราโตขึ้นแล้ว ตอนนี้แกกำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ นี่คืองานใหญ่ ใหญ่มาก หากแกยังทำเฉยแบบนี้ แกจะโดนดูถูก ไม่ต้องกังวล คราวนี้พ่อของแกและฉันเตรียมไว้ 10 ล้านสำหรับค่าใช้จ่ายในงานวันเกิดของแก หลังจากจบงานวันเกิดแล้ว แกจะต้อง.. " เมื่อพูดถึงจุดนี้ เธอมองไปที่หงเหว่ยกูและถอนหายใจเบา ๆ และไม่พูดต่อ
หงเหว่ยกูรีบเปลี่ยนหัวข้อ “เมื่อแกอายุครบ 18 ปี แกจะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของตระกูลหง เมื่อถึงเวลานั้นในระหว่างการประชุมตระกูล พวกเขาจะตรวจสอบคุณสมบัติของแก แต่ฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับแก ตอนนี้แกก็ประสบความสำเร็จมากเกินพอแล้วที่จะผ่านการตรวจสอบ ดังนั้นแกไม่ต้องกังวลหรอก”