ระบบใช้จ่ายตอนที่138
บทที่ 138: ความสามารถของท่านนายน้อย
"ได้โปรดตามผมมาเลยครับ" หลังจากที่ชางเวินชีและเพื่อนร่วมงานลงจากรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบนำทาง “มีโรงเรียนประถมอยู่ข้างหน้าเรา สนามเด็กเล่นเป็นที่จอดลานบินชั่วคราวสำหรับเฮลิคอปเตอร์ของเรา เมื่อคุณไปถึงที่นั่น คุณทุกคนสามารถเข้าไปในสนามได้เลยครับ”
หลังจากเลี้ยวมาที่นี่และตรงที่นั่นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร แต่พวกเขาก็ต้องเดินต่อไปอีกสิบนาที สิ่งที่รอคอยพวกเขาคือภาพอันแสนอลังการ
ขณะนี้สนามเด็กเล่นของโรงเรียนประถมประมาณ 5,000 ตารางเมตร มีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่รวมกัน มีผู้คนอย่างน้อยสี่หรือห้าพันคนโดยรอบ ตรงกลางมีกรงเหล็กขนาดใหญ่ถูกผูกไว้ใต้เฮลิคอปเตอร์โดยมีท่อเหล็กหลายเส้นติดอยู่ในกรง
หลังจากเฮลิคอปเตอร์บินกลับ กรงเหล็กก็ถูกปล่อยลงและตกลงสู่พื้น จากนั้นคนกว่าสิบคนก็เข้าไปคว้าท่อเหล็กเชื่อมภายในกรง ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์หมุนไปมาและเฮลิคอปเตอร์ก็เลี้ยวขึ้นบน กรงเหล็กก็ถูกดึงด้วยเฮลิคอปเตอร์ตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นบินไปยังทิศทางของสนาม หลังจากนั้นประมาณสองนาทีเฮลิคอปเตอร์ก็บินกลับ
ชางเวินชีและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ดูเหมือนว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ดูจะนั่งไม่สบายนัก
เนื่องจากจำนวนเฮลิคอปเตอร์มีเพียงพอ เที่ยวบินจึงสั้นและมีพื้นที่เพียงพอในกลุ่มคนกลุ่มนี้รวมทั้งชางเวินชี พวกเขาจึงเข้าไปในกรงเหล็ก ในเวลาประมาณ 19:40 น.
หลังจากเข้าไปในกรงแล้ว ชางเวินชีและคนอื่น ๆ ก็เกาะท่อเหล็กภายในกรงและยืนอยู่ในท่าขี่ม้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยิบอินเตอร์คอมและพูดว่า "ขึ้นได้!" จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็แกว่งและลอยขึ้น
ครั้งก่อนที่เขานั่งเครื่องบิน ชางเวินชีไม่ได้รู้สึกอะไรเลย คราวนี้มันไม่เหมือนกัน เขาพึ่งเข้าใจว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อเท้าของเขาลอยขึ้นจากพื้นในอากาศ เขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นทันที แต่ไม่นานนักสายตาของเขาก็มองไปโดยรอบของเวที
ในที่สุดชางเวินชีก็ได้เห็นว่ามีคนจำนวนมากที่มาชมถ่ายทอดสดของรายการ "ฉันเป็นนักร้อง" และได้เห็นว่าฉากนี้มันน่าตื่นเต้นแค่ไหน
รอบ ๆ สนามกีฬาทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียน มีจอขนาดใหญ่สิบสองจอที่ผนังด้านนอกของสนามเพื่อถ่ายทอดสดสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านดาวเทียม ในเวลานี้ถนนที่เดินทางมาสนามทิศตะวันตกสี่แยกวงเวียนที่ห่างออกไปสองกิโลเมตร มันไม่เกินความจริงที่จะบอกว่ามันเต็มไปหมด ยกเว้นถนนใหญ่หน้าสนาม เพราะถูกป้องกันแน่นหนาและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็แยกมันออกจากกัน ไม่มีที่ไหนที่รถจะเข้ามาได้และคาดว่าแม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถบินเข้ามาได้!
หลังคาของตึกระฟ้ารอบ ๆ เต็มไปด้วยสปอตไลท์ที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ส่วนกลางที่ส่องไปรอบ ๆ ผู้คน ในเวลานี้แม้ว่าสกายไลท์จะมืดสลัว แต่ถนนสี่แยกวงเวียนทั้งหมดยังคงสว่างไสว เนื่องจากไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่างไปทั่วทั้งสถานที่ ถ้าจะให้เปรียบเทียบฉากก็เหมือนกับการส่องไฟฉายไปที่มดจำนวนมากบนพื้นดิน
บนท้องฟ้าก็ได้ยินเสียงของใบพัดที่ปลิวพัด บนท้องฟ้าจุดสนาม มีเฮลิคอปเตอร์มากกว่า 20 ลำ บินอยู่บนท้องฟ้า เมื่อใดก็ตามที่เฮลิคอปเตอร์ผ่านไป ชางเวินชีจะเหงื่อไหลออกมา
ในตอนนี้ชางเวินชีรู้สึกชื่นชมหงต้าหลี่มาก เมื่อดูคุณภาพของการแสดงเพียงแค่บรรยากาศและฉากเพียงอย่างเดียวก็คุ้มค่ากับราคาตั๋ว
ฉันตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่มาในวันนี้ ชางเวินชีคิด ถ้าฉันไม่มาฉันจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่!
ฉากเวทีมันยุ่งยากมากที่จะอธิบาย ในความเป็นจริงชางเวินชีอยู่ในอากาศนานกว่าหนึ่งนาที หลังจากนั้นก็ยังคงมีประชาชนจำนวนมากมารอเข้าชม เป็นไปไม่ได้ที่เฮลิคอปเตอร์จะอยู่ในอากาศตลอดเวลา
ในเวลานี้สนามที่จัดรายการเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ชางเวินชีดูคร่าว ๆ ปัจจุบันมีผู้คนอย่างน้อย 40,000 คน บนพื้นสนามมีพรมฟองน้ำขนาดใหญ่มากกว่า 20 ผืน พรมฟองน้ำถูกใช้เพื่อรองรับแรงกระแทกของกรงเหล็กที่ตกลงพื้น เพราะถ้าปล่อยกรงลงสู่พื้นโดยตรงก็อาจทำให้ขาของคนที่อยู่ในกรงเหล็กกระแทกและได้รับบาดเจ็บได้ง่าย
หลังจากทำอะไรมาหลายอย่าง ในที่สุดชางเวินชีก็นั่งในที่นั่ง VIP ของเขา
หลังจากที่เขาและเพื่อนร่วมงานนั่งลงแล้ว พวกเขาก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นอีกครั้ง
ข้าง ๆ พวกเขามีคนดังนั่งอยู่ด้วยกันมากถึงหนึ่งร้อยคน!
"ดูนั่นสิ ดูนั่นสิ" ชางเวินชีเริ่มสังเกตุ "ฉี่รุยดา ผู้ที่ได้รับรางวัลหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำปี 2013, นักแต่งทำนองเพลงยอดเยี่ยมเสี่ยวยูซู, นักแต่งเพลงยอดเยี่ยมฮัวหยางดี แม้แต่ราชาม้าทองคำปี 2013 ฮีเฉิงหลง ก็มาด้วย! แค่มีโอกาสได้เห็นคนดังมากมายอย่างใกล้ชิดก็รู้สึกว่าตั๋วมันคุ้มราคามาก!“เมื่อนึกแบบนั้นชางเวินชีก็เช็ดหน้าของเขา”ความสามารถของท่านนายน้อยคนนี้ช่างเป็นที่คลั่งไคล้ในแวดวงบันเทิงซะจริง ๆ แม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกเสนอเงิน แต่ก็ยากที่จะเชิญพวกเขามาไม่ใช่เหรอ?"
สิ่งที่ชางเวินชีพูดเป็นความจริง ดาราเหล่านี้ล้วนแต่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ไม่ใช่ว่าพูดเกินจริง แต่ในแวดวงบันเทิงของสังกัดเฮฟเว่นทั้งหมดพวกเขาอยู่ในอันดับต้น ๆ ยกเว้นงานประกาศรางวัลต่าง ๆ หรือรายการบันเทิงจริง ๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นพวกเขามารวมตัวกันอยู่ที่นี้
การที่จะได้เห็นคนพวกนี้รวมตัวกันก็คงเป็นช่วงพิธีมอบรางวัลบันเทิงทางภาพยนตร์และโทรทัศน์ยอดเยี่ยมประจำปี 2555 ซึ่งเกิดขึ้นทุก ๆ สามปีเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามหงต้าหลี่ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อเชิญพวกเขา คนดังเองก็ต้องจ่ายค่าตั๋วแพง ๆ เองด้วยซ้ำ แม้ว่าใครจะพูดแบบนี้ แต่ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
ต้องบอกก่อนว่าสำหรับที่นั่ง VIP ราคาถูกที่สุดก็แค่ 2,000 หยวน
แต่ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ ความจริงอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ชางเวินชีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
"อัยยา นี้ไม่ใช่พี่ชางเหรอ?!"
ขณะที่ชางเวินชีกำลังคิดอยู่ เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านข้าง "ฮ่า ๆ ฉันไม่ได้คิดว่าจะได้ที่นั่งใกล้กันขนาดนี้!"
หลังจากหันกลับไป ชางเวินชีก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของดิงเชียงเฉินและพูดว่า “ฮ่าฮ่า ไงเพื่อนดิง มาตอนไหน หายากนะเนี้ยที่จะเจอนายในที่แบบนี้ ฉันไม่คิดว่าเราสองคนจะได้นั่งใกล้ๆกัน มาดูการถ่ายทอดสดด้วยเหรอ?”
หลังจากดิงเชียงเฉินขอเปลี่ยนที่กับคนข้าง ๆ ของเขาเพื่อใกล้ชางเวินชี เขาก็ได้นั่งข้างชางเวินชี จากนั้นเขาก็พูดว่า "จริง ๆ แล้ว เป็นเพราะท่านนายน้อยหาที่นั่งให้ฉัน ฉันมาที่นี่ตั้งแต่ 16.00 น. แล้ว ถ้านายมาช้ากว่านี้ นายคงมาไม่ทัน”
"อะไรนะ?!" หลังจากได้ยินดิงเชียงเฉินพูด ชางเวินชีก็รู้สึกประหลาดใจ "นายอยู่ที่นี่ตั้งแต่สี่โมง?! นายมีเวลาว่างขนาดนั้นเลยหรอ? นายนั่งรอที่นี่สี่ชั่วโมง?”
ดิงเชียงเฉินมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะพูดเบา ๆ "สี่ชั่วโมง? ฉันถือว่ามาช้ามากเลยนะ ว่าแต่นายเห็นเจียเฉิงหลงไหม?”
"ใช่ ฉันเห็น แล้วเขาทำไม?" ชางเวินชีถามแปลก ๆ
“เขามาที่นี่ตั้งแต่บ่ายสองโมงครึ่ง” ดิงเชียงเฉินพูด "หลินห่าว ทีมงานภาพยนตร์ของเรามาที่นี่ตั้งแต่ 14.00 น. แล้ว เขาเห็นเฉิงหลงรอตั้งแต่ 14.30 น. น่าประทับใจมากเลยว่าไหม?”
"ช่างน่าทึ่ง!" ชางเวินชีพูดต่อ "ว่าแต่ทำไมเขาถึงมาที่นี่เร็วขนาดนี้ล่ะ? ในฐานะนักแสดง เขาไม่ได้สนิทกับคนที่มาจากวงการเพลงนิ"
“ไม่สนิทหมายความว่ายังไง?” ดิงเชียงเฉินพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่เข้ากับคนอื่นจริงๆ แต่เรากำลังหมายถึงท่านนายน้อยเลยนะ นับประสาอะไรกับฮีเฉิงหลง แม้ว่าจะมีฮีเฉิงหลงเป็นสิบคน พวกเขาก็ต้องยอมมา!”
"อะไรกันเนี้ย?!" ชางเวินชีอ้าปากค้างและถามต่อ "ว่าแต่ทำไมเป็นงั้นเหรอ?"
"นายยังจำภาพยนตร์พายุชั่วพริบตาที่เราสร้างได้ไหม?" ดิงเชียงเฉินถาม “ที่บอกว่าท่านนายน้อยต้องการจะเปลี่ยนชื่อน่ะ”
"ใช่ ฉันจำได้ ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงบทสคริปและพล็อตเรื่องหรอ?" ชางเวินชีถามอย่างงงงวย "เกิดอะไรขึ้น?"
"เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ?" ดิงเชียงเฉินพูดต่อ “นายเห็นฉากศิลปะการต่อสู้ไหม? นั่นมันของจริง มันเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่แท้จริง! ไม่ใช่ว่าฉันโม้นายนะ แต่นายรู้จักชายชราในวิดีโอหรือเปล่า? ฉันเห็นเขาทำลายบล็อกไม้ขนาดเท่าแขนด้วยมือเปล่าได้ง่าย ๆ เลย!” เมื่อพูดถึงตรงนี่ ดิงเชียงเฉินก็พูดจริงจังว่า "สิ่งที่เราเห็นคือกังฟูของจริง พูดได้เลยว่าฮีเฉิงหลงคนนั้นคือปรมาจารย์กังฟูที่ดีที่สุดในประเทศ นายคิดว่าเขาพูดยังไงตอนที่เขาเห็นวิดีโอ?"
"เรื่องจริงเหรอเนี่ย! นายเห็นมันกับตาของนายเลยเหรอ?!" ชางเวินชีตกตะลึงอีกครั้ง "ฉันเองก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงมา อาจเป็นเพราะชายชราผู้นี้มีตำแหน่งสุดยอดปรมาจารย์กังฟูและเขาก็พยายามที่จะรักษาตำแหน่งนี้ไว้แน่ๆ!"
ดิงเชียงเฉินหัวเราะเบา ๆ “ก็คงแบบนั้นแหละนะ ไม่งั้นเขาคงไม่รีบขนาดนี้หรอก ในมุมมองของฉัน เขาคงต้องเป็นกังวลมากกว่าใคร ๆ เพราะบัลลังก์ของการเป็นสุดยอดปรมาจารย์กังฟูมีแนวโน้มที่จะหายไป ตอนนี้เขาคงต้องคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะเข้าถึงท่านนายน้อย ไม่อย่างนั้นอนาคตของเขาก็คงไม่เหลืออะไร”
"ท่านนายน้อยนี้จริง ๆ เลย" ชางเวินชีส่ายหัวและยิ้ม "เอ๋ ใครจะคิดว่าอาเสี่ยอย่างเขาจะได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่ามีความสามารถเช่นนี้"
"อาเสี่ย?" ดิงเชียงเฉินส่ายหัว “เขาไม่ใช่แค่ถลุงเงินธรรมดา เขาคือสุดยอดอาเสี่ยอัจฉริยะ! ให้ฉันเล่าให้นายฟังไหมล่ะ นายได้ยินมาบ้างไหมว่าภาพยนตร์ของเราจะต้องเปลี่ยนบทใหม่? ส่วนหนึ่งถูกเปลี่ยนไปอย่างไร้เหตุผล ท่านนายน้อยต้องการให้พระเอกหลงเข้าไปในถ้ำที่มีรูปปั้นหยกของเทพธิดาโดยไม่ได้ตั้งใจ ลองเดาดูสิ ว่าเขาพูดอะไรต่อ?”
"พูดว่า?" ชางเวินชีได้ถาม
“ท่านนายน้อยบอกว่ารูปปั้นหยกที่ใช้ต้องเป็นของจริง!” ดิงเชียงเฉินถอนหายใจ "พูดจริงเหรอ! รูปปั้นหยกสูงเท่าคน! การเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบและการแกะสลักรูปปั้นดังกล่าวจะมีราคาอย่างน้อย 300,000! ผู้อำนวยการหลินถามว่าเราจะใช้การพิมพ์ลายแบบ 3 มิติหรือใช้ก้อนหินแทนไหม แต่นายน้อยไม่เห็นด้วยไม่ว่าเราจะเกลี้ยกล่อมยังไงก็ตาม! อัยยา ฉันไม่เคยเห็นใครถลุงเงินได้ขนาดนี้ พร็อพในหนังธรรมดา แต่ต้องเสียเงินถึง 300,000!"
"อะไรกันเนี้ย! นายพูดเล่นรึเปล่า!" ชางเวินชีอุทาน “ไม่มีใครคิดจะทำแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?”
"ใช่ มันคงไม่มีคนแบบนั้นหรอก!" ดิงเชียงเฉินยังคงถอนหายใจ “แต่ความคิดของท่านนายน้อยนั้นแตกต่างจากคนปกติ หลังจากอยู่กับท่านนายน้อยมาได้สักพัก ฉันก็เข้าใจว่าท่านนายน้อยไม่ได้บังเอิญทำหนัง ‘ไม่คาดคิด’ ขึ้นมาเองหรอก! ท่านนายน้อยมีไอเดียที่บรรเจิดและน่าค้นหามาก สำหรับฉันที่ไม่เคยชื่นชมท่านนายน้อยมาก่อน ตอนนี้ฉันกล้าพูดได้เลยว่าที่ท่านนายน้อยเปลี่ยนแปลงพล็อตและบทของหนังเรื่องพายุชั่วพริบตา มันทำให้เรตติ้งหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30%!” ดิงเชียงเฉินพูดในขณะที่ยกมือขึ้นพร้อมกับสามนิ้ว "บอกได้เลยว่าพล็อตเรื่องเก่าเทียบไม่ได้กับพล็อตเรื่องใหม่นี้!"
ชางเวินชีพูดอย่างช่วยไม่ได้ "ยิ่งฉันเข้าใกล้ท่านนายน้อยมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้ว่าเขาลึกลับแค่ไหน เอ๋ เพื่อนดิง นายว่า 'ฉันเป็นนักร้อง' นี้ก็จะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยใช่มั้ย?”