ระบบใช้จ่ายตอนที่136
บทที่ 136: เขาเป็นลูกชายของฉัน
เมื่อเสียงของผู้ชายคนนั่นดังขึ้นมา ทุกคนก็หันไปมองทางประตูรั้ว
การที่เดินเข้ามาในสถานที่นี้โดยไม่แจ้งใด ๆ คงจะไม่มีใครนอกจากหงเหว่ยกู ผู้ที่มีความสามารถทางธุรกิจของรุ่นใหญ่ตระกูลรุ่นนี้
เมื่อเห็นหงเหว่ยกูมาถึง หลายคนก็เริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง:
“ลุงคนที่ห้าที่มาถึงคนนี้ล่ะที่มักจะตามใจหงต้าหลี่ ในเวลานี้คงตั้งใจจะพยายามหาทางออกให้ลูกเขาล่ะ”
“แม้ว่าเขาจะเอาอกเอาใจหงต้าหลี่มากก็เถอะ แต่เมื่อต้องทำตามกฎของตระกูล ลุงเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้นี้ ว่าไหม?”
“ยากที่จะพูดแฮะ ลุงห้าไม่ใช่คนธรรมดา บางทีเขาอาจจะทำอะไรบางอย่างได้”
"ฮ่าฮ่า เหว่ยกูเข้ามาสิ" เมื่อเห็นหงเหว่ยกู ดวงตาของเจียนหยี่ก็เย็นชาทันที จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า "จะว่าไปแล้วเรื่องวันเกิด หงต้าหลี่ก็จะอายุ 18 ปีเร็ว ๆ นี้แล้วนิ กฎของตระกูลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ฉันเองก็ต้องทำให้ตระกูลพัฒนาต่อไป นายจะด่าฉันเรื่องนี้ไม่ได้หรอกน่ะ เหว่ยกู"
แม้ว่าเขาจะรู้แผนการของหงเจียนหยี่ ซึ่งเป็นพี่ชายคนที่สี่ของตระกูล แต่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลหง มันไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่จะมาหาข้ออ้างและต่อสู้แย่งชิงกัน หงเหว่ยกูพยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า "ฉันรู้" จากนั้นเขาก็หันไปมองหงตู๋แล้วพูดว่า "พ่อ แต่ก่อนร่างกายต้าหลี่อ่อนแอก็จริง และเป็นเรื่องยากที่เขาจะฟื้นตัวได้ เป็นเพราะเหตุผลทางกายภาพและเขาก็ไม่เคยเรียนรู้ในเรื่องการค้าของตระกูลมาก่อน เขาเพิ่งมีสุขภาพที่แข็งแรง ต้องตรวจสอบทันทีเลยหรอ นี่มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ?”
หงตู๋พยักหน้า "ใช่ ฉันคิดทบทวนแล้ว แต่ว่า.."
แม้ว่าหงตู๋จะไม่พูดต่อ แต่หงเหว่ยกูก็เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะพูด
แน่นอนว่าหงเจียนหยี่ก็ยิ้มและพูดว่า "เหว่ยกู นายลืมไปหรอว่าพี่ชายคนที่สามของเราแย่กว่าต้าหลี่ทั้งในด้านความสามารถและสติปัญญา และด้วยกฎของตระกูล เขาจึงเป็นแค่เพียงสมาชิกรอบนอกและมีความสุขกับชีวิตที่เหลือ เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีของทุกคนในตระกูลหง แม้ว่านายจะเอาอกเอาใจต้าหลี่ แต่นายก็ไม่ควรทำผิดต่อกฎของตระกูลแบบนี้นะ ว่าไหม?"
หงเหว่ยกูได้แต่คิด สิ่งที่หงเจียนหยี่พูด เขาเข้าใจดี ในรุ่นของพวกเขา พี่ใหญ่และพี่ชายคนที่สองของเขามีความสามารถระดับสองและแทบจะทำกำไรไม่ได้หรือได้กำไรเพียงเล็กน้อยทุกปี พี่ชายคนที่สามน่าเศร้าที่สุด ด้วยไอคิวของเขา ถึงเขาจะไม่ได้โง่ แต่ตอนนี้ครอบครัวได้เลือกสถานที่ที่จะให้เงินบำนาญแก่เขาไว้แล้ว เมื่อเขาแก่ตัวลงเขาก็จะไปอยู่ที่นั้น ส่วนพี่ชายคนที่สี่ หงเจียนหยี่ เขายังคงมีทักษะบางอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าที่จะลงเรือเข้ามาในคฤหาสน์หงโดยตรงหรอก ด้วยเหตุนี้ หงเหว่ยกูไม่สามารถคัดค้านได้ เขาพูดว่า "พูดถึงเรื่องนี้ นายแน่ใจหรือว่าต้าหลี่ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้?"
"ฉันเองก็ไม่แน่ใจหรอก" หงเจียนหยี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่อยากรักษากฎของตระกูล ฉันไม่ได้ทำแบบนี้เพราะเห็นแก่ตัวเองหรอกนะ”
"ฮ่าฮ่า ดี!" หลังจากฟังคำพูดของหงเจียนหยี่แล้ว หงเหว่ยกูก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ฝ่ามือใหญ่ของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะและพูดว่า "ในเมื่อนายพูดแบบนี้แล้ว ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป!" หงเหว่ยกูที่ยืนอยู่ตรงนั้นมองไปรอบ ๆ ด้วยความรังเกียจก่อนจะยิ้มและพูดว่า "ฮิฮิ มองตาฉันไว้นะคนในตระกูลหง ไม่มีอะไรสำคัญเท่าต้าหลี่! ถ้าอยากจะตรวจสอบ ก็เชิญเลย! ฉันผมจะบอกไว้นะ พวกคุณอย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!"
หลังจากจบประโยคนี้ หงเหว่ยกูก็หันหลังกลับไปและไม่หันกลับมามองอีก!
"เหว่ยกู!"
เมื่อเห็นว่าหงเหว่ยกูกำลังจากไป หนึ่งในสามผู้เฒ่าหงหยิงที่นั่งเงียบ ๆ ก็พูดว่า: “เหว่ยกู แกแน่ใจเรื่องนี้จริง ๆ แล้วหรือ? แกอยากจะเป็นศัตรูทั้งตระกูลงั้นเรอะ?!” ด้วยเสียงตะโกนที่ดังของเธอ ทุกคนในห้องประชุมต่างตกตะลึง ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักถึงความหมายที่หงเหว่ยกูพูดในตอนนี้
เขากำลังบอกว่าถ้าหงต้าหลี่ไม่ผ่านการตรวจสอบ เขา หงเหว่ยกูที่เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหงรุ่นปัจจุบันจะออกจากตระกูลหง!
ถ้ามันเป็นเรื่องจริง สิ่งต่าง ๆ จะแตกต่างจากเดิมทันที
หงเหว่ยกูเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจ แม้ว่าเขาจะออกจากตระกูลหง แต่เขาก็สามารถเข้าสู่ตระกูลใดก็ได้ที่เขาต้องการและสิ่งนี้จะสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับตระกูลหงซึ่งไม่มีใครสามารถรับมือได้ พูดได้ว่า ถ้าหงต้าหลี่ถลุงเงินสิบครั้งหรือร้อยครั้งและสูญเสียเงินทั้งหมด เงินที่เสียไปนั้นน้อยกว่าความเสียหายที่เกิดจากการที่หงเหว่ยกูทิ้งตระกูลเสียอีก!
แม้แต่หงเจียนหยี่ที่เป็นพี่ชายคนที่สี่ของเขาก็ไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินเรื่องนี้
หากหงเหว่ยกูถูกตัดสินให้ออกจากตระกูลหง ไม่ต้องพูดถึงบริษัทของตัวเอง แม้แต่ธุรกิจของหงเจียนหยี่ก็จะถูกทำลายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร ในเวลานี้ หงเจียนหยี่รู้สึกอ่อนแอมากและคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้แข่งขันกับหงเหว่ยกูอีกแน่
“ฉันพูดไปแล้ว ในสายตาของฉัน ตระกูลหงอันแสนยิ่งใหญ่ไม่สำคัญเท่าต้าหลี่ลูกชายฉัน!” หงเหว่ยกูค่อยๆหันมาและจ้องไปที่หงหยิงและพูดด้วยเสียงทุ้มว่า "อย่างไรก็ตาม ต้าหลี่เป็นลูกชายของฉันและเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน ไม่ว่าเขาจะเป็นมังกรหรือหนอน เขาก็ยังเป็นลูกชายของฉัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดของฉัน หงเหว่ยกู ฮ่าฮ่า การที่ฉันมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลหงในรุ่นนี้ ถ้าฉันยังไม่สามารถปกป้องลูกชายได้ แม้ว่าผมจะมีรายได้ 1 แสนล้านหรือล้านล้านก็ตาม มันจะไปมีค่าอะไร?!"
หลังจากพูดแบบนั้นห้องประชุมทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบงัน
ทุกคนรู้สึกถึงความมุ่งมั่นของเขาจากคำพูดของหงเหว่ยกู วันนี้มีเพียงสองทางเลือก ข้อที่หนึ่ง การตรวจสอบยังคงดำเนินต่อไปและหากว่าหงต้าหลี่ไม่ผ่าน หงเหว่ยกูจะออกจากตระกูลหง ข้อที่สอง ยกเลิกการตรวจสอบและฝ่าฝืนกฎของตระกูล
แน่นอนว่าทั้งสองทางเลือกนั้นไม่ดีเลย
ในขณะนี้ทุกคนในห้องประชุมใหญ่ต่างจับจ้องไปที่หงเจียนหยี่ ผู้ริเริ่ม แน่นอนว่าการจ้องมองของพวกเขาไม่ได้เป็นมิตร หากว่าหงเหว่ยกูถูกบังคับให้ออกจากตระกูลหง ผลที่ตามมาก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถจัดการได้
ใบหน้าของหงเจียนหยี่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาไม่คิดว่าหงเหว่ยกูจะกล้าถึงขั้นนี้ได้และไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดขนาดนี้! จนถึงตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่แสดงความแข็งแกร่งต่อไป มิฉะนั้นเขาจะไม่มีที่ยืนในตระกูลหง หงเจียนหยี่สงบจิตใจของเขา แต่ความกล้าของเขาไม่เพียงพอ "เหว่ยกู นี่เป็นกฎของตระกูลเรา นายไม่มีสิทธิ์มาตำหนิฉันนะ"
“ทำไมฉันต้องโทษนาย” หงเหว่ยกูหัวเราะและพูดว่า “ฉันเข้าใจดีว่านายคิดอะไรอยู่”
"พอได้แล้ว!" ทันใดนั้นหงตู๋ก็ตบเก้าอี้และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า "เหว่ยกู แกเป็นลูกของฉัน ลูกชายที่มีค่าที่สุดและเป็นลูกชายที่ดีที่สุดในตอนนี้ ต้าหลี่ยังเป็นเด็กที่ฉันชอบมากตั้งแต่ต้าหลี่ยังเด็ก ๆ คราวนี้ฉันจะลงมือเอง การตรวจสอบครอบครัวจะจะต้องเลื่อนออกไป!"
เมื่อเขากล่าวในห้องประชุม ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบเป็นครั้งแรก จากนั้นก็มีการโต้แย้งกันไปทั่ว:
“ท่านผู้เฒ่าจะทำเพิกเฉยต่อกฎของตระกูลแบบนี้เหรอ?!”
"ใช่ ใช่ ในเมื่อท่านกำหนดกฎไว้แล้ว คนรุ่นหลังจะจัดการกับกรณีแบบนี้ยังไง?"
"ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามกฎ มันจะเกิดความโกลาหล!"
"ท่านจะทำอะไร? ท่านไม่กล้าไล่เหว่ยกูออกจากตระกูลงั้นเหรอ?"
"หุบปาก!" ผู้เฒ่าคนที่สอง หงเหว่ยที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาก็ตะโกนขึ้น "เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูด! ควรฟังสิ่งที่พี่ใหญ่พูดก่อน!” ปกติเขาเป็นคนง่ายๆ แต่ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความโกรธ ทุกคนที่รู้จักเขาจะรู้กันดีว่าเขาไม่ค่อยโกรธง่าย แต่เมื่อเขาโกรธ เขาจะโกรธเหมือนดั่งฟ้าร้อง ทุกคนจึงแทบหุบปากทันที
เมื่อห้องประชุมเงียบสนิท หงตู๋ก็ค่อย ๆ พูดว่า "เหว่ยกู ร่างกายต้าหลี่อ่อนแอมาตลอด ตอนนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่เขาแข็งแรงขึ้น ฉันจะไม่ทำให้เขายุ่งยากและตอนนี้ฉันจะยังไม่ส่งทีมตรวจสอบไปหาเขา แต่ฉันมีเงื่อนไข"
“ดีครับ พ่อมีเงื่อนไขอะไร” เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสที่จะพลิกเรื่อง หัวใจของหงเหว่ยกูก็แทบจะกระโดดออกมาและรีบพูดว่า "ถ้าพ่ออนุญาต ผมยินดีที่จะช่วยให้เขาได้รับส่วนแบ่งให้กับตระกูล!"
"โอ้ ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก" หงตู๋กระแอมในลำคอ แล้วค่อย ๆ พูดว่า "ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้หลานต้าหลี่ใช้เงินเยอะและทำหลายอย่างหรือ?"
"ใช่ครับ" หงเหว่ยกูพยักหน้า “ดูเหมือนว่าเพราะเหตุนี้ร่างกายของเขาเลยดีขึ้น”
“อืม..ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบหรอก เพราะเขาเองก็ไม่สามารถทำธุรกิจด้วยเหตุผลร่างกาย ฉันเองก็จะไม่โทษเขาในเรื่องนั้นหรอกนะ” หงตู๋หยุดชั่วคราวและพูดว่า "ดังนั้นฉันจะไม่ทดสอบความสามารถทางธุรกิจของเขา ฉันจะยกเว้นและทดสอบเขาด้วยวิธีอื่นแทน"
"วิธีอื่น?" หงเหว่ยกูถามอย่างสับสน "แล้ว?"
"ตามกฎของตระกูลหงของเรา เด็ก ๆ ในครอบครัวจะได้รับเงินลงทุนทั้งหมด 10 ล้านหลังจากวันเกิดครบ 18 ปี" หงตู๋กล่าวช้า ๆ "แล้วจากการลงทุนหลังจากหนึ่งปีจะคำนวณกำไรทั้งหมดใช่ไหม?"
"อะ ใช่ครับ" หงเหว่ยกูพยักหน้า
“แต่ต้าหลี่ไม่เคยสัมผัสกับธุรกิจมาก่อน ดังนั้นก็คงไม่สามารถทำได้ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ยุติธรรม” หงตู๋กล่าว “อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้วิธีการทำธุรกิจใช่ไหม?”
"ใช่แล้ครับ" หงเหว่ยกูยังคงพยักหน้า
หงตู๋จึงกล่าวต่อว่า "ดังนั้นฉันจึงมีวิธีอื่นแทน ฉันได้ยินมาว่าแกเพิ่งให้เงินค่าขนมเขาราว ๆ 20 ล้าน จากนั้นเขาก็ควักเงินค่าขนมและทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย และไปทำธุรกิจบันเทิงด้วยใช่ไหม?”
เมื่อฟังสิ่งที่หงตู๋พูด เด็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็รู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
พวกเขามักจะมีเงินติดกระเป๋ามูลค่าหนึ่งแสนหรือแปดหมื่นหยวนเท่านั้น ในทางกลับกันหงต้าหลี่มีเงินในกระเป๋าของเขาหลายสิบล้านหยวน
"ใช่ครับ" หงเหว่ยกูพยักหน้า
"เพราะฉะนั้นวิธีการตรวจสอบสำหรับหงต้าหลี่ คือ คำนวณว่าเขาสามารถทำกำไรหรือสูญเสียเงินจากสิ่งที่ซื้อและลงทุนในระหว่างการประชุมตระกูลในครั้งหน้า" หงตู๋ยิ้ม “เทคโนโลยีก็มีประโยชน์ของมัน อย่างน้อยต้าหลี่ก็ไม่ได้เล่นการพนันและเสพยาและดูเหมือนว่าเขาจะมีพรสวรรค์ด้วย ดังนั้นเราจะใช้ 20 ล้านเป็นตัววัดผล ในการประชุมตระกูลครั้งหน้า ถ้าเขามีอุปกรณ์และของเล่นที่เขาลงทุน ให้เขาเอามาเป็นตัวชี้วัดในการตรวจสอบ เขาจะผ่านการตรวจสอบ คิดว่าไง? ในระหว่างนั้นผู้เฒ่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงและปล่อยให้เขาเล่นอย่างอิสระ แน่นอน” หงตู๋ยกไม้เท้าทองคำของเขาขึ้นชี้ไปที่หงเหว่ยกู "และแกก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแทรกแซงด้วย"
เมื่อได้ยินเงื่อนไขนี้ หงเหว่ยกูก็ตัดสินใจในที่สุด "ได้ครับ! ผมสัญญา! อย่างน้อยผมก็เชื่อในการมองการณ์ไกลของต้าหลี่!"
หงตู๋หัวเราะ “งั้นก็ไปได้แล้ว และอย่าลืมพาต้าหลี่มาพบฉันในการประชุมตระกูลวันที่ 16 มิถุนายนด้วย”
“รับทราบครับพ่อ ผมเข้าใจแล้ว” หลังจากที่พ่อของเขายิ้ม หงเหว่ยกูก็หันหลังอีกครั้งและรีบจากไปอย่างรวดเร็ว