ระบบใช้จ่ายตอนที่135
บทที่ 135: กฎของตระกูล
เมืองเทียนจิง ถนนวงเวียนห้า สะพานทิศเหนือ ป่าเทียนอ๋า
ทำเลที่ตั้งยอดเยี่ยมและสภาพแวดล้อมก็เงียบสงบ ถนนสายหลักผ่านสี่แยกวงเวียนและตรงไปยังใจกลางเมืองเทียนจิง ต้นไม้ที่ร่มเงาตามริมถนนทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ถนนที่กว้างขวางและรถที่อยู่บนท้องถนนไม่กี่คัน ทำให้สภาพการจราจรค่อนข้างดี
ถนนสายหลักมีความกว้าง 20 เมตรและสร้างขึ้นโดยตระกูลหง
ถนนสายนี้ทอดยาวไปทางทิศเหนือและล้อมรอบไปด้วยป่าเขียวชอุ่มที่ดูเหมือนจะทอดยาวหลายพันไมล์ทำให้ทิวทัศน์ดูสวยงามเป็นพิเศษ ในตอนท้ายของถนน ในกลางป่าเทียนอ๋า มีคฤหาสน์ขนาดยักษ์อยู่
มันเป็นของตระกูลหง ที่ดินของตระกูลหง
คฤหาสน์ใหญ่ทั้งสี่แห่งของเมืองเทียนจิงประกอบด้วย “คฤหาสน์ตระกูลหลิว” ของตระกูลหลิวคือหลิวอี้ฮุย, “พีระมิด” ของผู้ประกอบการการเงินตระกูลเจียง, “อาณาจักรใต้ดิน” ของตระกูลซุน ผู้ประกอบการน้ำมันและหลังสุดท้ายคือตระกูลหง “เรือนป่าไม้”
ผืนป่าเทียนอ๋าทั้งหมดนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลหง เนื่องจากคฤหาสน์ของตระกูลหงที่เรียกตัวเองว่า “เรือนป่าไม้” ขนาดของอาณาเขตจึงมีขนาดใหญ่มาก คฤหาสน์ทั้งหมดมีพื้นที่อาคารประมาณ 200,000 ตารางเมตรโดยมีอาคารเกือบ 100 แห่งรวมถึงสระว่ายน้ำ 4 สระ,สนามเทนนิส,ห้องโบว์ลิ่ง,โรงภาพยนตร์,โรงละครดนตรี,เตาเผา,ห้องเก็บไวน์ใต้ดินและอื่น ๆ อีกมากมาย
ที่จริงหากเอาไปเทียบกับบ้านหรูของเมืองเทียนจิงก็ไม่ได้แตกต่างอะไรนัก อย่างไรก็ตามพื้นที่ป่าและทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มนุษย์ไม่ได้แตะต้องและบ่อน้ำพุร้อนขนาดเล็กเป็นสิ่งที่หายาก บางครั้งก็อาจจะเห็นหมีออกมาล่าสัตว์เป็นอาหารก็มี
ในคฤหาสน์นี้มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ถึงสามลำ โดยมีเฮลิคอปเตอร์พิเศษสามลำประจำการเพื่อให้สมาชิกในตระกูลหงใช้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเข้าใจว่า เหตุใดบุตรของตระกูลหงถึงต้องเสียสละธุรกิจในการประชุมของตระกูล เพราะหากสมาชิกในตระกูลคนใดคนหนึ่งมีคุณสมบัติพร้อม เพียงแค่พวกเขาขอ พวกเขาก็สามารถรับเงินทุนเริ่มต้นมูลค่าสูงได้ถึง 50 ล้าน
ในห้องประชุมส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดใน “เรือนป่าไม้” ของตระกูลหง
ห้องประชุมมีขนาดกว้างขวางมากประมาณ 500 ตารางเมตรและมีคนอยู่ข้างในไม่มากนัก ผู้เฒ่าทั้งสามที่นั่งอยู่ด้านบนไม่แยแสอะไรเลย พวกผู้เฒ่าเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน พวกเขาเป็นผู้อาวุโสที่ผู้คนต่างเคารพนับถือมากที่สุดในตระกูลหง
คนที่อยู่ตรงกลางมีคิ้วสีขาวทั้ง 2 ข้างและมีหนวดเคราสีขาวประมาณหนึ่งนิ้ว แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมีริ้วรอยมากมาย แต่ใบหน้าของเขาก็ดูสดใสและมีชีวิตชีวา ดวงตาของเขายังไม่ขุ่นมัวและเหมือนกับชายชราทั่วไป เขาสวมชุดเสื้อคลุมสีดำพร้อมไม้เท้าทองคำในมือ เขานั่งอยู่นิ่ง ๆ และไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง แต่ก็ยังดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือคนอื่น ๆ เขาเป็นพ่อของพี่น้องหลายคนรวมถึงพ่อของหงเหว่ยกู เขาเป็นผู้อาวุโสร่วมสมัยของตระกูลหง หงตู๋!
ชายที่อยู่ทางซ้ายของหงตู๋สวมเครื่องแต่งกายถังสีแดงเข้มพร้อมสวมหมวกทรงกลมสีดำดูเหมือนดาราทีวีรายการเก่า ๆ ชื่อรายการว่าแฮปปี้แฟมิลี่ ดวงตาตี่ ๆ ของเขาดูเหมือนกำลังจ้องมองอยู่เสมอ ในมือของเขาถือลูกบอลโยคะแล้วก็หมุนไปหมุนมาอยู่ตรงนั้น เขามักจะยิ้มอยู่เสมอและเขาหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาเป็นครั้งคราวเพื่อจิบชาหลงจิ่ง ชายชราคนนี้เป็นคนในตระกูลนอก แต่เป็นคนรุ่นเดียวกันและมีอำนาจเช่นเดียวกับหงตู๋ เขาเป็นผู้อาวุโสอีกคนของตระกูล
ผู้อาวุโสคนที่สาม คือ คุณยายผมสีเงิน เธอหลังค่อมและถือไม้เท้าที่แกะสลักจากไม้พะยูง เธอดูเหมือนหญิงชราจากละครเรื่องขุนศึกตระกูลหยาง เธอสมควรได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนางเอกและเป็นผู้หญิงคนเดียวในรุ่นของหงตู๋และหงเหว่ยที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพี่หงหยิง
ในเวลานี้ด้านซ้ายมือ ผู้อาวุโสทั้งสามกำลังนั่งอยู่ที่นั่น หนึ่งในนั้นหล่อเหลาและสวมสูทสีเงินเทา เขาเป็นพ่อของอันเปาและเป็นพี่ชายคนที่สี่ของหงเหว่ยกู ชื่อ หงเจียนหยี่
ส่วนอีกสองคน ถ้าหงต้าหลี่มาร่วมประชุม เขาจะต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วคือหงอันเปาและหงอันเฉิง!
อีกด้านหนึ่งเป็นที่ของผู้อาวุโสบางคนที่มีสิทธิ์พูดและเป็นคนมีอำนาจในตระกูลนั่งอยู่ ด้านข้าง ๆ พวกเขานั้นเป็นคนที่เก่งในตระกูล
“ผมไม่รู้ว่าพ่อและท่านผู้เฒ่าทั้งสองกำลังจะบอกอะไร” หงเจียนหยี่ถามผู้อาวุโสทั้งสามอย่างสุภาพ
แม้ว่าหงตู๋จะเป็นพ่อของเขา แต่หงเจียนหยี่ก็ไม่กล้าพูดจาหยาบคายเพราะพวกเขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูล
“เจียนหยี่ แกเพิ่งบอกว่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาต้าหลี่อายุครบ 18 ปีแล้วและตามกฎของตระกูลควรส่งทีมตรวจสอบไปประเมินความสามารถทางธุรกิจของเขา ถูกต้องไหม?” หงตู๋มองไปที่หงเจียนหยี่และพูดอย่างไม่แยแส
"ใช่ครับ" หงเจียนหยี่พยักหน้า
“ตามกฎของตระกูล” หงตู๋พูดช้า ๆ “สมาชิกในตระกูลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะต้องได้รับการประเมินความสามารถทางการค้าเป็นครั้งแรกเพื่อดำเนินการจัดสรรสินทรัพย์เบื้องต้น อย่างไรก็ตามสำหรับเด็กคนนี้ แกก็น่าจะรู้ใช่มั้ย?”
"ใช่ ผมรู้" หงเจียนหยี่พูด “แต่กฎของตระกูลไม่สามารถยกเลิกได้ ไม่งั้นผมคงไม่ได้มาที่นี่ล่วงหน้าหรอก เมื่อกำหนดไว้แล้ว ใคร ๆ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่บรรพบุรุษของตระกูลหงตั้งไว้จริงไหม? แม้ผมจะดูไม่สุภาพไปบ้าง แต่ก็ซื่อสัตย์และผมคงไม่ได้ทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวหรอกครับ”
หลังจากที่เขาพูดแบบนี้ ผู้อาวุโสของครอบครัวคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยและคนหนุ่มสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างรู้สึกอิจฉาหงต้าหลี่เป็นอย่างมาก
“ไอ้เด็กคนนี้เกิดมาในครอบครัวที่ดี แต่สภาพร่างกายของเขาดันพิเศษกว่าคนอื่นน่ะสิ ตอนนี้เขาอายุ 18 ปีแล้ว ควรที่จะเข้าร่วมประชุมตระกูลแล้ว แต่ก็นะ ถ้าเขามา ฉันเกรงว่าเขาจะตกที่นั่งลำบาก ความเห็นแก่ตัวสามารถทำให้ตัวเขานั้นถูกฆ่าตายได้ง่าย ๆ เลย” หงตู๋ส่ายหัวพร้อมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หงต้าหลี่เกิดมาในครอบครัวที่ดี แต่ความแข็งแกร่งและความสามารถของตัวเขานั้นมันยังไม่เพียงพอ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะสามารถปั้นดาราหญิงได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาโชคดีเท่านั้น และโชคไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้ ทุกวันนี้เขาเองก็ได้ยินมาว่าหงต้าหลี่จะผลาญเงินไปกับการผลิตรายการ “ฉันเป็นนักร้อง” ซึ่งเขาใช้เงินทุนสำรองมากกว่าห้าล้านบาทเลยด้วยซ้ำ
ผู้คนในที่ประชุมต่างตำหนิหงต้าหลี่ในที่ประชุมตระกูล เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจจะใช้อำนาจเหนือหงเหว่ยกู เพื่อที่เขาจะไม่สามารถเถียงความผิดเรื่องพฤติกรรมใช้เงินสิ้นเปลืองของหงต้าหลี่ได้อีกต่อไป และด้วยพฤติกรรมการใช้เงินของหงต้าหลี่ เมื่อทีมตรวจสอบได้ออกเดินทางและผลลัพธ์ออกมา มันจะถูกตอกกลับว่าเป็นจริงแน่นอน ไม่ว่าหงเหว่ยกูจะเอาใจหงต้าหลี่มากแค่ไหน เขาก็จะทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้ากฎของตระกูล
เมื่อหงเหว่ยกูอายุครบ 40 ปี 90% ของเงินที่เขาหามาได้จะถูกเก็บรวบรวมโดยตระกูล เพราะเขาไม่มีทายาทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ด้วยเหตุผลนี้ เงินที่หงเหว่ยกูจะได้รับคงมีค่าเพียงน้อยนิด
ซึ่งสิ่งที่หงเจียนหยี่พูดในตอนนี้มันสมเหตุสมผล แม้แต่ผู้อาวุโสก็ไม่สามารถคัดค้านได้
เหตุผลที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้ตระกูลหงพัฒนาไปได้ถึงเพียงนี้ก็เพราะกฎของตระกูลหงนั่นเอง!
ตระกูลหงจะไม่เอาคนที่คอยแต่จะผลาญเงินของตระกูลไว้แน่!
สมาชิกในครอบครัวที่มีอายุอย่างน้อย 18 ปี ต้องเริ่มลงทุนในอุตสาหกรรม แม้ว่าจะเพิ่งเริ่มก็ต้องทำตามกฏ ตราบใดที่คนในครอบครัวเริ่มลงทุน คนจากตระกูลหงในคฤหาสน์ "เรือนป่าไม้" จะถูกส่งมาจัดการเรื่องนี้
ส่วนการหารายได้มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการสิ่งที่ลงทุนไป
ในประวัติตระกูลหงมีเด็กน้อยคนหนึ่งที่ทำตัวไม่ดีมาโดยตลอด ตัวเขาคนนั้นก็ไม่มีข้อยกเว้นในการประชุมของครอบครัว เมื่ออายุสิบแปดปี อาเสี่ยน้อยจะถูกไล่ออกจากสมาชิกตระกูลหลัก แม้ว่าเขาจะมีกินมีใช้อย่างไม่กังวล แต่เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอันแสนมหัศจรรย์ได้เหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป
หงตู๋ได้แต่ถอนหายใจ กฎของตระกูลก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ และคำพูดของหงเจียนหยี่ก็เป็นดั่งจุดอ่อนของหงต้าหลี่
“สิ่งที่แกพูดมันก็มีเหตุผล แต่แกก็เห็นนิว่าสภาพร่างกายของหงต้าหลี่เป็นยังไง?” หงตู๋ได้ถาม
“ครับพ่อ” หงเจียนหยี่ทำหน้าบึ้งตึงและพูดว่า “แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาไม่ลงทุน พ่อ พ่อก็รู้ว่าตระกูลหงของเราไม่ต้องการให้สมาชิกดูแลธุรกิจส่วนตัวหลังจากอายุครบ 18 ปี ตราบใดที่มีการลงทุนย่อมมีบุคลากรเฉพาะทางที่จะจัดการให้ได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะสื่อ คือ ต้าหลี่สามารถเลือกการลงทุนทางธุรกิจได้แม้สภาพจะเป็นเช่นนั้น” หงเจียนหยี่หยุดและพูดช้า ๆ “อีกทั้งผมยังได้ยินมาว่าในช่วงเวลานี้ร่างกายของต้าหลี่ดูเหมือนจะดีขึ้น ทุก ๆ วันเขาจะไปเล่นกับถังมู่ซิน ลูกสาวของตระกูลถังจนดึกดื่นและกลับบ้านนอนเท่านั้น ผมไม่คิดว่าเขาดูเหมือนคนป่วยเลย ว่ามั้ย?”
“อืม มันก็จริง” หงตู๋พยักหน้า “ช่วงนี้ร่างกายของเด็กคนนั้นดูแข็งแรงขึ้นมาก”
ในตอนนี้หงเหว่ยซึ่งสวมชุดถังสีแดงก็ยิ้มและพูดว่า “พี่ตู๋ มันเป็นข่าวดีที่ร่างกายของต้าหลี่แข็งแรงขึ้นนะ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ส่งคนไปแอบสอดแนมเขา ฉันก็พูดไม่ถูกว่าเขาหายดีแล้วรึเปล่า แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ด้านหงหยิงยังพูดอีกว่า “ไอ้เด็กคนนี้นะเหรอ ต้าหลี่ป่วยตั้งแต่แรกเกิด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะแข็งแรงขึ้นหรอกนะ แต่ทำไมช่างบังเอิญเสียจริง ดันมาแข็งแรงยามอายุเข้าใกล้ 18 ปี พระเจ้าช่างโหดร้ายกับเขาจริงๆ”
“มันคือโชคชะตา และมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” หงตู๋กล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “เมื่อห้าหรือหกปีที่แล้ว ครั้งสุดท้ายที่หงต้าหลี่เรียกฉันว่าคุณปู่ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ยินเขาเรียกฉันอีกครั้งไหมเมื่อเจอกัน เฮ้อ...”
พอฟังเขาพูดอย่างนั้น ใบหน้าของหงเหว่ยและหงหยิงก็ดูแปลกถนัดตา
พอพูดถึงหงต้าหลี่ มันก็ทำให้พวกเขานึกถึงอดีต นึกถึงยามที่พวกเขาคาดหวังตัวเขามากมาย คาดหวังว่าเขาที่เป็นลูกชายของหงเหว่ยกูจะมีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในยุคนี้ น่าเสียดายที่ยิ่งหวังสูง ความผิดหวังก็สูงเช่นกัน กรณีของหงต้าหลี่นั้นน่าผิดหวังมาก
“พ่อ สรุปแล้วพ่อคิดเห็นอย่างไร” หงเจียนหยี่ได้กล่าว “ท้ายที่สุดแล้ว กฎของตระกูลก็ต้องปฏิบัติตามกฎ”
“อย่างน้อยวันเกิดของหงต้าหลี่ก็คือวันที่ 28 พฤษภาคม มันก็อีกไม่กี่วัน เราน่าจะรอจนกว่าจะถึงเวลานั้นดีกว่า แล้วค่อยพูดเรื่องนี้ก็ได้” ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหง แต่หงตู๋ก็ทำได้เพียงทำตามกฎเท่านั้น เขาต้องการปกป้องหงต้าหลี่ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถทำลายกฎของตระกูลได้
ทันทีที่พวกเขาได้ยินการตัดสินใจของผู้อาวุโสหงตู๋ สมาชิกในครอบครัวรอบ ๆ ก็เริ่มพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ดูสุขใจ:
“เหล่าผู้นำเห็นด้วยแล้ว คราวนี้หงต้าหลี่มีปัญหาใหญ่แล้วล่ะ”
"ผู้อาวุโสเองก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก ใครกันจะกล้าแหกกฎตระกูล?
“เฮ้ ที่จริงแล้วลองคิดดูดีๆสิ ชีวิตของหงต้าหลี่ก็น่าสงสารนะ แม้ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวที่ดี แต่ตอนเกิดมาเขาก็ป่วยเลย มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี้”
“ก็งั้นแหละนะ ถึงเขาจะเกิดมาในครอบครัวที่ดี แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังถูกกวาดออกจากศูนย์กลางของตระกูลอยู่ดีอยู่ดี”
ทันใดนั้นเมื่อทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ เสียงผู้ชายร่างยักษ์ก็ได้ดังขึ้น: “จะบอกว่าถ้าต้าหลี่อายุครบ 18 ปี คนในตระกูลจะส่งทีมตรวจสอบใช่มั้ย? งั้นฉันขอคัดค้าน!”