บทที่ 274
ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม กลุ่มของชินฉางที่อยู่ด้านล่างถึงกับขมวดคิ้วเพราะชายหนุ่มที่ขึ้นไปด้านบนยังไม่ลงมาแต่อย่างใด หลายคนเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้วส่วนชินฉางกำหมัดในมือแน่น ทางด้านเนี่ยฟงเองก็หาได้อาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว จึงหันไปสอบถามแก่ชายชราที่นั่งอยู่กลางห้อง
“ท่านผู้เฒ่า ข้าซื้อแค่แผนที่ขอรับอาวุธที่อยู่ที่นี่หาได้ถูกใจข้าแม้แต่น้อย”
ชายชรายกยิ้มพร้อมกับสะบัดมือขวาเก็บคัมภีร์ในมือนำดาบสองเล่มออกมาวางไว้บนพื้น
“เจ้าสนใจดาบเล่มสองเล่มนี้หรือไม่ ส่วนแผนที่เจ้าต้องลงไปซื้อที่ด้านล่าง”
“ขอรับ”
เนี่ยฟงยกยิ้มเดินเข้ามาหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาดูกวัดแกว่งไปมาหลังจากนั้นก็วางลงพื้นที่เดิมแล้วก็หยิบดาบอีกเล่มขึ้นมาพบว่ามันมีน้ำหนักมากกว่าปกติจึงทดลองโคจรลมปราณไปที่มือขวาก็พบว่าดาบในมือยกได้อย่างปกติแต่ทว่ามีบางอย่างแปลกประหลาดจิตสังหารของดาบพุ่งพวยออกมาไม่นานก็จางหายไป หลังจากนั้นเขาก็วางลงไปที่เดิม
“เรียนท่านผู้เฒ่า ข้าคิดว่าดาบทั้งสองเล่มนี้ไม่เหมาะกับข้าขอรับ”
ชายชราหาได้กล่าวสิ่งใดยกมือขวาไล่ชายหนุ่มด้านหน้าออกจากห้อง เนี่ยฟงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ก้มคารวะพร้อมกับหันหลังเดินลงไปด้านล่าง
“ไอ้หนูเหตุใดเจ้าไม่เลือกดาบสองเล่มนั้น”
“ไม่ดีกว่าขอรับ อย่างที่ข้ากล่าวดาบทั้งสองเล่มมันไม่เหมาะกับข้าแม้แต่น้อย ยิ่งดาบเล่มที่สองมีจิตสังหารพุ่งออกมาจากดาบด้วยข้าคิดว่าเจ้าของดาบเล่มนั้นคงใช้ดาบเล่มนั้นสังหารผู้คนมากไม่น้อย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรื่องสนุกกำลังรอข้าอยู่ พวกไอ้หนูทั้งเจ็ดคนนั้นยังอยู่ด้านล่างเจ้าจะจัดการอย่างไร”
เนี่ยฟงหาได้กล่าวสิ่งใดตอบก้าวเดินลงมาอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องมองไปที่กลุ่มของชินฉางด้านล่าง
“ข้าไม่คิดว่าพวกท่านยังอยู่ คิดว่าพวกท่านหลบหนีไปเสียแล้ว”
ชินฉางก้าวเดินออกมาชี้นิ้วมือขวาไปที่ชายหนุ่มด้านหน้า
“ปากดีนักไอ้หนู คอยดูว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร”
“ใจเย็นๆพี่ชาย ท่านได้สั่งสอนข้าแน่นอน ว่าแต่ทำไมตอนนี้ท่านถึงลงไปคุกเข่า”
แน่นอนว่าระหว่างที่เนี่ยฟงกล่าวก็แผ่ลมปราณเข้าไปกดดันจนชินฉางต้องลงไปคุกเข่ากับพื้น ชายฉกรรจ์ทั้งหกคนที่อยู่ด้านหลังต่างตื่นตกใจรีบวิ่งหลบหนีอย่างรวดเร็วโดยทิ้งชินฉางคุกเข่าอยู่บนพื้น เหตุการณ์ทั้งหมดหลายคนที่อยู่ภายในร้านต่างให้ความสนใจไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนี่ยฟงเองเมื่อลงมาจากชั้นสองก็ก้าวเดินไปที่คนดูแลด้านล่างเพื่อติดต่อซื้อแผนที่ ชั่วน้ำเดือดเมื่อได้แผนที่มาเนี่ยฟงจึงเดินเข้าหาชินฉางที่คุกเข่าอยู่พร้อมกับเหงื่อไหลเปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง
“หวังว่าครั้งนี้จะเป็นบทเรียนต่อท่านไม่มากก็น้อยนะขอรับ”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็เดินจากไปชินฉางถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้นเมื่อเนี่ยฟงสลายแรงกดดัน หลังจากออกจากร้านขายอาวุธได้ไม่นานเขาก็พบว่ามีใครบางคนสะกดรอยตามอยู่ เนี่ยฟงแสยะยิ้มเดินสอบถามโรงเตี๊ยมสำหรับเข้าพักจนในที่สุดก็มีโรงเตี๊ยมว่างอยู่หนึ่งห้อง เป็นโรงเตี๊ยมขนาดกลางมีห้องพักอยู่บนชั้นสองส่วนด้านล่างมีไว้สำหรับทานอาหาร ไม่รีรอเนี่ยฟงรีบเข้าห้องพักอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้ามาในห้องเขาก็นำแผนที่ออกมาศึกษาเพราะแผนที่ที่ได้มาเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ พบมันถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนแบ่งเป็นสามสี เขาอยู่ในส่วนของพื้นที่สีเขียวเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนรองลงมาเป็นสีแดงและเหลือง
“เจ้าไม่ตรวจสอบแหวนที่ได้มาจากแม่หนูนั้นรึ”
เสียงสะบัดมือดังแว่วเนี่ยฟงก็นำแหวนออกมาเมื่อนำของทั้งหมดออกมาก็พบว่ามีคัมภีร์อยู่สองเล่มและแผ่นหนังสามม้วน เขาหยิบคัมภีร์สองเล่มออกมาตรวจสอบพบว่าเป็นคัมภีร์ทักษะยุทธรวบรวมลมปราณและวิชาฝ่ามือ หลังจากนั้นก็ตรวจสอบแผ่นหนังทั้งสามพบว่ามันเป็นแผนที่สามชิ้นต่อกันจนเป็นแผ่นใหญ่ ในระหว่างนั้นเนี่ยฟงก็พบว่ามันเหมือนกับแผนที่ที่ซื้อมาเพียงแต่ว่ามีบางอย่างต่างออกไปมันมีบางอย่างขีดเขียนเพิ่มในแผนที่ทั้งสามแผ่น
“หวังว่าแผนที่ที่ได้มาจะมีสมบัติอยู่นะขอรับ”
“เอาสิจากที่ดูในแผนที่มันไม่ได้ไกลจากที่นี่มากนัก”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปสำรวจ”
ในระหว่างนั้นด้านหน้าประตูก็มีเสียงเคาะดังลั่น เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเก็บของทั้งหมดแล้วเดินมายังประตู ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังลั่น เปรี้ยง ประตูห้องพักของเนี่ยฟงถูกทำลายเศษประตูพุ่งเข้าหาเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว เขาเพียงสะบัดมือขวาเศษซากทั้งหมดก็ถูกซัดไปทางขวามือ โครม เมื่อจ้องมองดูก็พบว่ามีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งร่างกายสูงใหญ่มีมัดกล้ามยืนจ้องมองตนอยู่ ไม่ถึงสองลมหายใจก็พบเห็นเป็นชินฉางก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“พี่ใหญ่วังโจวขอรับ เป็นมันผู้นี้ที่สร้างความอับอายให้แก่ข้า”
“กล้าดีไม่น้อยไอ้หนู”
สิ้นเสียงกล่าววังโจวก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงอย่างรวดเร็ว ใช้ออกด้วยกระบวนท่าหมัดและฝ่ามือออกมาโจมตี เนี่ยฟงทำได้เพียงยกมือขวาปัดป้องไปมาพร้อมกับหันไปจ้องมองชินฉาง
“ข้าตั้งใจจะปล่อยท่านไป แต่น่าเสียดายยิ่งนักที่ท่านนำตัวของท่านเองมาให้ข้าทุบตี อีกทั้งยังนำสุกรตัวใหญ่มาให้ข้าทุบตีอีกด้วย”
วังโจวได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มด้านหน้ากล่าวถึงกับสบถออกมาเสียงดังลั่น
“มารดามันเถอะ ข้าจะหักแขนเจ้า”
วังโจวต่อยหมัดขวาเข้ามาอย่างรวดเร็วเนี่ยฟงก้าวเท้าขวาเบี่ยงตัวหลบไปทางขวาพร้อมกับง้างมือขวาตบไปที่ใบหน้าของวังโจวเสียงดังลั่น เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ วังโจวกระเด็นออกไปทางซ้ายชนกับผนังเสียงดังลั่น ใบหน้าด้านขวาปูดบวมแดงก่ำเป็นรอยฝ่ามือนอนแน่นิ่งบนพื้น เนี่ยฟงหันไปมองชินฉางที่ยืนตัวสั่นด้วยความตกใจและหวาดกลัว
“กว่าข้าจะหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักใช้เวลานานมากแค่ไหน ไม่ถึงหนึ่งเค่อพวกท่านก็พาคนมาทำลายประตูห้องข้า แล้วคืนนี้ข้าจะพักที่ใด เรื่องนี้พวกท่านจะรับผิดชอบอย่างไร”
ชินฉางยืนตัวสั่นสะท้านพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาด้วยความหวาดกลัว
“เช่นนั้นเชิญเจ้าไปพักที่บ้านข้าได้หรือไม่ ที่นั่นมีบ้านพักว่างเหลือมากพอสมควรที่จะต้อนรับเจ้า”
เนี่ยฟงยกยิ้มกล่าวตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ได้เช่นนั้นท่านก็นำทางเถอะ แต่ว่ารบกวนท่านจ่ายค่าเสียหายให้แก่โรงเตี๊ยมด้วยก็แล้วกัน”
ชินฉางพยักหน้าตอบรับหลังจากนั้นก็ตะโกนเสียงดังลั่น มีชายฉกรรจ์สองคนรีบเข้ามาในห้องแบกร่างของวังโจวลงไปด้านล่าง เนี่ยฟงก็เดินตามชินฉางลงไปเช่นกัน เขารอชินฉางเกือบสิบลมหายใจสำหรับจ่ายค่าเสียหายแก่โรงเตี๊ยมแน่นอนว่าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรู้สึกงุนงงไม่น้อยเพราะได้เงินจากพวกชินฉางส่วนมากจะเป็นเถ้าแก่เองที่ต้องจ่ายเงินให้พวกชินฉางแทน เนี่ยฟงถูกนำตัวเดินลัดเลาะไปตามทางเดินไม่ถึงหนึ่งเค่อก็พบกับบ้านหลังใหญ่ตามที่ชินฉางกล่าว ด้านหน้าเป็นกำแพงหินสูง เมื่อผ่านประตูไม้ด้านหน้าเข้ามาก็พบว่ามีพื้นที่กว้างด้านหน้าสำหรับฝึกยุทธ์ด้านในเป็นบ้านที่ทำมาจากหินและไม้ผสมกันหลังใหญ่ไม่น้อย มีชายฉกรรจ์หลายคนรีบพุ่งเข้ามารับตัววังโจวรีบเข้าไปในบ้านพักอีกหลังที่อยู่ใกล้ๆกัน
“ข้าต้องให้คนพาพี่ใหญ่ไปรักษาก่อน เจ้าตามข้ามาเถอะข้าจะพาเจ้าไปยังที่พักเอง”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับเดินตามชินฉางไปเช่นเดิม เดินอ้อมมาทางด้านซ้ายก็พบเป็นบ้านพักหลังหนึ่งออกมาแบบเช่นเดียวกับบ้านหลังใหญ่เพียงแต่มีขนาดเล็กลงมานักเหมาะแก่การเป็นบ้านพักรับรอง
“เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูอาการพี่ใหญ่ หากเข้าต้องการสิ่งใดก็เรียกขานได้ข้าจะส่งคนมาเฝ้าที่หน้าบ้านพัก”
“รบกวนท่านแล้ว”
ชินฉางได้ยินเสียงตอบรับของชายหนุ่มด้านหน้าก็รีบเดินออกไปทันที ไม่ถึงสิบลมหายใจก็มาชายหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาหาเนี่ยฟง
“หากมีสิ่งใดเรียกใช้ข้าได้ขอรับ ข้ามีนามว่าวังกุ่ยโจว”
“ได้แต่ว่าเวลานี้เจ้าไปพักผ่อนเถอะข้ายังคงไม่มีสิ่งใดที่จะเรียกใช้”
“แต่ว่า”
“เจ้าไปเถอะ หากพบชินฉางข้าจะบอกกล่าวต่อเขาเอง”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็เดินเข้าไปในบ้านพัก
“แปลกใจเหตุใดเจ้าถึงมาพักที่นี่”
“ท่านก็น่าจะรู้ว่าข้าหาได้ทราบเรื่องราวของที่นี่มากนัก จึงต้องสอบถามจากคนพวกนี้”
“แล้วเจ้าไม่รู้รึว่าคนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่รีดไถเถ้าแก่ร้านบะหมี่”
“แน่นอนว่าเรื่องนั้นข้าทราบดี แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องการคนสืบข่าวอยู่ดีขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวไม่นานเนี่ยฟงก็นั่งโคจรลมปราณกลางบ้านพัก