Chapter 64:พายุที่ใกล้เข้ามา
เนื่องจากเสี่ยวหลัวต่อต้านตนเองอยู่เสมอมันจึงทำให้ ฮวาง รั่วหราน จงเกลียดจงชังผู้ชายคนนี้อยู่เสมอ และปราถานาให้เขาไม่มีตัวตนอยู่ในชั้นเรียน แต่ในเวลาที่เธอสิ้นหวังมากที่สุด กลับเป็นเขาที่เป็นคนที่ปรากฏตัวขึ้น และช่วยของชีวิตของเธอเอาไว้ ความรังเกียจของเธอที่มีต่อ เสี่ยวหลัว ตอนนี้นั้นพังทลายลงไปจนหมดสิ้นแล้ว
เธอมีสีผิวที่เป็นเอกลักษณะ ใบหน้าที่เรียว ตามด้วยคิ้วที่คมดั่งคันศร พร้อมกับดวงตาที่ดำสนิท
ฮวาง รั่วหราน ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง พร้อมกับจ้องมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับ ตอนนี้ในหัวใจของเธอไม่อาจสงบได้เลย
“คนสวย เธอชื่ออะไรเหรอ?” จาง ซูซาน ถามด้วยรอยยิ้มขณะที่มอง ฮวาง รั่วหราน จากกระจกมองหลัง
“ฮวาง รั่วหราน”
"ปรากฏว่าน้องสาวคนสวยคนนี้ชื่อ ฮวาง รั่วหราน ชื่อของฉันคือ จาง ซูซาน และฉันก็เป็นเพื่อนที่ดีของเสี่ยวหลัว ชื่อเล่น ฉานเปา เธอสามารถเรียกฉันว่า จางเกอ หรือ เปาจี๋ ก็ได้นะ" จาง ซูซานหัวเราะและพยายามทำให้บรรยากาศที่มืดมนมีชีวิตชีวาขึ้น
ฮวาง รั่วหราน ไม่เข้าใจอารมณ์ขันของ จาง ซูซาน เธอยังคงไม่ตอบสนองใดๆ เธอนั่งอยู่ในที่นั่งของเธอและไม่ได้พูดอะไรออกมา ความกลัวที่เธอเพิ่งประสบพบยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเธอ มันทำให้บรรยากาศภายในรถ ลดลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเงียบงัน
จาง ซูซาน ไม่ยอมแพ้ เขาไม่เชื่อว่า เขาไม่สามารถทำให้บรรยากาศที่มืดมนนี้สว่างไสวขึ้นได้ เขาไอแห้งและพูดว่า "ใช่แล้วน้องสาว ฉันจะเล่าเรื่องตลกเรื่องหนึ่งให้เธอฟัง มีรถบรรทุกคันใหญ่คนหนึ่งขับผ่านต้นไม้ แล้วเมื่อเขาเห็นลิงนั่งอยู่บนต้นไม้ จากนั้นรถบรรทุกจึงหยุดลง ลองเดาดูสิว่าทำไม เขาถึงหยุดรถ?"
ใช้มุกนี้จริงอะ ยังจะใช้มุกเก่าคร่ำครึแบบนี้อีกเหรอให้ตายเถอะ!
เสี่ยวหลัว ได้แต่ส่ายหัว เขาไม่เชื่อหรอกว่า ฮวาง รั่วหราน จะไม่เคยได้ยินเรื่องตลกเรื่องนี้ เขามองไปที่เบาะหลัง ตามความคาดหมาย ฮวาง รั่วหราน ไม่ตอบสนองอะไรจริงๆ
จาง ซูซาน กล่าวต่อไปว่า“เพราะคนขับรถบรรทุกคิดว่าตูดลิงเป็นไฟแดง! เธอไม่คิดว่าเขาโง่เหรอ เขาโง่จริงๆ ใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆ ...”
เขาพูดพร้อมกับหัวเราะจนน้ำตาไหล ขณะที่พยายามกลั้นขำอย่างหนัก
เขาหัวเราะไปประมาณสี่หรือห้าวินาทีเท่านั้น แล้วเขาจึงพบว่า ฮวาง รั่วหราน ไม่ตอบสนองอะไรเลย จากนั้นเขาจึงหันไปมองหน้า เสี่ยวหลัว
"มัน ... มันไม่ตลกเลยงั้นเหรอ?" จาง ซูซาน ถาม
“ไม่เลยสักนิด” เสี่ยวหลัว ตอบอย่างตรงไปตรงมา
จาง ซูซาน หดคอของเขากลับ "ช่างเป็นเรื่องที่น่าอาย น่าอายมาก!"
"ขับรถของแกให้ดีเถอะ และอย่าไปผิดทางอีก" เสี่ยวหลัว บอกเขา
จาง ซูซาน เริ่มกระวนกระวายและยกระดับเสียงของเขาในขณะที่เขาพูดว่า " ถ้าฉันไปผิดทางอีกครั้ง ฉันให้สาบานเลย ว่าฉันจะไม่แตะต้องผู้หญิงไหนอีกในชีวิต!"
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงหัวเย่
แม้ว่า ฮวาง รั่วหราน จะยังคงตื่นตระหนกอยู่ แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอของ จาง ซูซาน ที่จะไปส่งเธอที่หอพักโดยตรง เมื่อเธอลงจากรถแล้วเธอก็โค้งตัวขอบคุณ เสี่ยวหลัว และ จาง ซูซาน จากนั้นจึงพูดต่อว่า“ขอบคุณ”
หลังพูดขอบคุณเสร็จ เธอจึงหันหลังกลับและเดินเข้าไปในมหาลัย
เสี่ยวหลัวเข้าใจบุคลิกของเธอดี เธอมีบุคลิกที่แข็งแกร่งไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่สามารถยอมรับการช่วยเหลือจากผู้ชาย
“ผู้หญิงคนนั้นไม่เลวเลย ดูสิช่องว่างระหว่างขาเธอเล็กแค่ไหน ฉันคิดว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่! เสี่ยวหลัว แกรีบลงไปแล้วไปหาเธอซะ” จาง ซูซาน หัวเราะขณะมองไปที่ด้านหลังของ ฮวาง รั่วหราน ขณะกำลังเดินไป
“ในสมองของแก ไม่มีอะไรนอกเหนือจากเรื่องอย่างว่าเลยหรือไง” เสี่ยวหลัว พูดอย่างเอือมระอา
“ไอน้องชาย บรรพบุรุษของเราเคยกล่าวไว้ว่า ความต้องการอาหารและความต้องการทางเพศเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์ แกไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ในสังคมของเราทุกวันนี้ มีแต่พวกตะเข้หมาป่าและชิ้นเนื้อแบบนี้นั้นหาได้ยากมาก ดังนั้นหากแกไม่ได้ปับๆสาวสวยคนนี้ ไม่ช้าก็เร็วหมาป่าตัวอื่นก็จะคาบไปอยู่ดี ทำไมแกไม่ลองชิมชิ้นเนื้อนี้เองซะเลยล่ะ ชีวิตนั้นควรที่จะหาเรื่องผ่อนคลายซะบ้าง!” จาง ซูซาน เทศน์นา เสี่ยวหลัว อย่างจริงจัง
"ทฤษฎีพวกนี้มันไร้สาระทั้งเพ"
เสี่ยวหลัวลูบจมูกแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "โอ้ใช่? แกจะไปซ่อง หลังจากที่ส่งฉันเสร็จจริงๆเหรอ?”
ซ่อง?
การแสดงออกที่ใบหน้าของ จาง ซูซาน เปลี่ยนไปในทันที “ห๊า? แกพูดคำนี้ออกมาอย่างเปิดเผยได้อย่างไร แกไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยเหรอ?”
“แกเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนบอกฉัน หรือว่าแกจะไม่ไปที่ไนท์คลับแล้ว” เสี่ยวหลัว หันไปมองไปที่เขาอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายหยุดใช้คำว่า ซ่อง ได้โปรดเถอะ มันไม่ได้หรูหราเลย”
“มันขึ้นอยู่กับแก ว่าแกจะทำให้ฉันหยุดใช้คำนี้ได้ไหม?”
จาง ซูซาน พูดกับเสี่ยวหลัวตรงๆอย่างจริงจังว่า " โอเค งั้นต่อไปนี้แกจะต้องเรียกกิจกรรมแบบนี้ว่ากินสับปะรดนอกบ้าน และต่อจากนี้ไปเมื่อเราพูดถึงกิจกรรมที่หรูหราและสง่างามนี้ว่า "กินสับปะรด" เป็นไงหละคำพูดนี้ดีไหม”
เสี่ยวหลัวไม่พูดอะไร เขารู้สึกขอบคุณเล็กน้อยที่น้องสาวของเขาไม่ได้ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้
******
เมื่อกลับมาที่หอ ก่อนที่เสี่ยวหลัวจะเปิดประตู เขาก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางดังออกมาจากข้างใน
เมื่อเขาเดินเข้าไปห้อง ภายในห้องก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ถ้วย, หนังสือ, กล่อง ... กระจัดกระจายไปทั่ว เก้าอี้ถูกพลิกคว่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ของเสี่ยวหลัว ราวกับว่าหอพักนี้โดนพวกโจรยกเค้าอย่างไรอย่างนั้น
จู เสี่ยวเฟย และ เติ้งไค นอนอยู่บนเตียงพร้อมรอยฟกช้ำที่เต็มไปทั่วร่างกาย เสื้อผ้าของพวกเขาฉีกขาด จูเสี่ยวเฟย ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มากโดยเฉพาะ มุมปากของเขาที่เป็นสีม่วงคล้ำ และดวงตาของเขาที่บวมปูด จนดูเหมือนกับลูกมะนาวสองลูก
“พี่…. หลัว…” ทั้งสองคนร้องเรียก เสี่ยวหลัว ทั้งน้ำตา เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่?" เสี่ยหลัว ถาม
“มันเป็นคนที่จากชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้า พวกมันมาตามหาพี่ แต่พวกมันหาพี่ไม่พบ ดังนั้นพวกมันจึงทุบตีเราแทน” เติ้งไค อธิบายพร้อมกับขบฟันกรามแน่น ไม่ว่าเขาจะขี้ขลาดแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้หลังจากที่เขาโดนขนาดนี้”
จู เสี่ยวเฟย พ่นเลือดออกมาเต็มปากและพูดด้วยความโกรธว่า“ไอพวกเวรนั่น รอจนกว่าฉันจะดีขึ้นก่อนเถอะ ฉันจะทำพวกมันชดใช้สำหรับสิ่งที่พวกมันทำในวันนี้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการที่ฉันต้องถูกไล่ออกก็ตาม!”
“ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าจะถึงตอนนั้น ฉันจะทำให้พวกมันชดใช้ในตอนนี้เอง!”
ใบหน้าของเสี่ยวหลัวตอนนี้นั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน เขาอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ ซ่ง เจียหนาน และกลุ่มของมันก็ยังคงยั่วยุเขาอยู่ซ้ำๆ เขามาถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว “ชมศิลปะการต่อสู้ซานต้า มันอยู่ที่ไหน!”
หัวใจของ จูสี่ยวเฟย เต้นแรง“พี่หลัว พี่จะทำอะไร พี่อย่าทำอะไรวู่วามเลย!”
“นายกับเติ้งไค ควรพักผ่อนอยู่ในห้อง เพียงแค่บอกฉันมาว่า ชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้าอยู่ที่ไหนก็พอ” เสี่ยวหลัวพูดอย่างใจเย็น อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่สยดสยองก็ฝังลึกลงไปในดวงตาของเขา
จูเสี่ยวเฟย หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“พวกเขาอยู่ที่สนามบาสเก็ตบอลในร่ม ถัดจากสระว่ายน้ำ สถานที่นั้นเป็นสถานที่ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้ซานต้า เทควันโด คาราเต้ และชมรมวูซู และมหาลัยก็อนุมัติไซต์นั้นเป็นพิเศษสำหรับพวกเขา”
“เข้าใจแล้ว”
เสี่ยวหลัวยืนขึ้นเปิดประตูแล้วเดินออกไป
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค มองหน้ากันพวกเขาเห็นความกังวลใจจากสายตาของกันและกัน
"เติ้งไค แกคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้งั้นเหรอ?"
“ฉันไม่รู้ แค่ถ้าหากพี่หลัว ไม่กลับมาภายในครึ่งชั่วโมง เราต้องโทรหาที่ปรึกษา”เติ้งไค กล่าวตอบอย่างเป็นกังวล
จูเสี่ยวเฟย พยักหน้าเห็นด้วย เพียงแค่ตอนนี้บางสิ่งบางอย่างที่ เสี่ยวหลัว แสดงออกมา มันทำให้พวกเขารู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูก เสี่ยวหลัวไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆ ยังมีคนอีกกว่าร้อยคนอยู่ในชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้าและเสี่ยวหลัวก็ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่ว่าเขาจะเป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถสู้กับคนที่มากกว่าร้อยคนได้ ถ้า ซ่ง เจียหนาน ทำให้ เสี่ยวหลัว ได้รับบาดเจ็บ จูเสี่ยวเฟย คงจะรู้สึกไม่เสียใจไปตลอดชีวิตของเขา
……
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบ ห้าทุ่มแล้ว แต่ชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้าก็ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่เหมือนเดิม ผู้คนกำลังฝึกอบรมอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้
นอกเหนือจากสมาชิกของชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้า แล้วยังมีคนของชมรมอื่นอีกมากมาย หลังจากคืนนั้นที่ ซ่ง เจียหนาน ได้ส่งคำท้าทายเสี่ยวหลัวเพื่อต่อสู้ แม้ว่าเสี่ยวหลัวจะไม่ได้มาที่นี่ แต่คนอื่นๆ ก็มาถึงด้วยความคาดหวังอย่างที่สุด พวกเขากระตือรือร้นและอยากที่จะดูว่าเสี่ยวหลัวเป็นคนที่โหดเหี้ยมอย่างสัตว์ร้ายในตำนานจริงๆหรือไม่ “ช่างน่าอับอายเหลือเกิน ไอเจ้านั่นมันไม่แม้แต่กล้าที่จะแสดงตัวออกมา”
"ช่ายยย. มันกลัวจนมันไม่กล้ากลับไปที่หอพักของตัวเอง”
“ฉันหละสงสัยจริงๆว่า ไอขยะชิ้นนี้มันกลายเป็นคนดังในฟอรัมของมหาลัยเราได้อย่างไร มันไม่ใช่เสี่ยวหลัวจ้าวปีศาจแล้ว มันเป็นเสี่ยวหลัวไอคนขี้ขลาดมากกว่า”
สมาชิกสองคนของชมรมศิลปะการต่อสู้ซานต้าพูดซุบซิบกันที่ประตูขณะที่พวกเขาพักดื่มน้ำ