บทที่ 35 ติดพันกับความตาย
บทที่ 35 ติดพันกับความตาย
ขวดถูกบดขยี้ในปากของแดร็กคิวล่าและของเหลวที่ไหลออกมาได้ทำให้ปากของแวมไพร์ถูกเผาไหม้กลายเป็นควันทันที นี่เป็นน้ำมนต์ที่แท้จริงซึ่งแม้แต่ปีศาจที่แท้จริงอย่างรอยก็ยังไม่สามารถทนได้แล้วนับประสาอะไรกับปีศาจเทียมเช่นแดร็กคูล่า ในเวลาไม่นานคางของเขาครึ่งหนึ่งก็สลายไป!
แดร็กคูล่าไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องขณะที่น้ำมนต์บางส่วนไหลลงสู่ลำคอของเขา
แวมเฮลซิ่งหลุดพ้นจากการควบคุมของแดร็กคิวล่าแต่เขาใช้อาวุธไปเกือบหมดแล้วจึงทำได้เพียงแค่รอดูผลของน้ำศักดิ์สิทธิ์
ขวดน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ทำให้แดร็กคูล่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่แค่เพียงขวดเดียวดูเหมือนจะน้อยเกินไป หลังจากแดรกคิวลาใช้เรียวแรงที่เหลือฉีกชิ้นส่วนร่างกายที่ละลายออกไปบาดแผลของเขาก็เริ่มรักษาตัวเองอย่างช้าๆ
แวนเฮลซิ่งทำได้เพียงฝืนยิ้มอย่างขมขื่น เขามาถึงทางตันแล้ว
นี่คือช่วงเวลที่รอยรอคอยและเป็นเหตุผลที่เขาลงมือฆ่าไวเคนและแอนนา รอยต้องการที่จะเห็นว่าแวนเฮลซิ่งจะทำอะไรต่อไปได้อีกในเมื่อเขาไม่มีโอกาศถูกกัดโดยไวเคนและขาดความสามารถในการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า
หากโลกใบนี้ดำเนินตามธีมหลักของเนื้อเรื่องอยู่จริงๆ ตัวละครหลักที่เป็นพระเอกของเนื้อเรื่องอย่างแวนเฮลซิ่งควรที่ได้รับใช้วิธีการบางอย่างเพื่อกำจัดแดร็กคิวล่าได้
หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาจริงๆ รอยจะต้องเตือนตัวเองอย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการยั่วยุตัวละครหลักเหล่านี้เมื่อเขาเข้าสู่โลกอื่นในอนาคต
ตอนนี้แวนเฮลซิ่งหมดหนทางจริงๆแล้วและรอยก็ยิ่งตั้งตารอเพื่อดูจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงสุดท้าย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่รอยคาดคิดเอาไว้ไม่เกิดขึ้น แดร็กคูล่าที่ฟื้นพลังอีกครั้งโผเข้าหาด้วยความโกรธก่อนที่จะจับตัวแวนเฮลซิ่งเอาไว้และแยกเขี้ยวกัดลงไปที่คออย่างแรง!
แวนเฮลซิ่งไม่สามารถสลัดตัวออกไปได้ แดร็กคิวล่ากัดและเริ่มดูดเลือดจนร่างกายของแวนเฮลซิ่งค่อยๆหยุดนิ่งลง
รอยแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นตัวเอกตายไปจริงๆ!
ทำไมตอนจบถึงจบง่ายดายเช่นนี้?
แวมไพร์แดร็กคิวล่าทิ้งร่างของแวนเฮลซิ่งลงก่อนจะสยายปีกและระเบิดเสียงหัวเราะอย่างรุนแรงราวกับต้องการประกาศชัยชนะ
รอยที่เฝ้ามองดูอยู่ซักพักแต่ก็ไม่เห็นว่าแวนเฮลซิ่งจะมีโอกาศฟื้นขึ้นมาได้เลย รอยเริ่มรู้สึกมึนงง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ!
ภายนอกปราสาทบนท้องฟ้ายามคำคืนที่ปกคลุมด้วยเมฆดำครึ้มฝน ทันใดนั้นได้เกิดกระแสคล้ายน้ำวนก็ปรากฏกลางอากาศจนขับไล่เมฆดำออกไปและในที่สุดก็เผยให้เห็นหลุมอากาศทรงกลม จากนั้นแสงสีทองสว่างไสวส่องทะลุลงมาจากหลังคาปราสาทตรงไปที่ร่างของแวนเฮลซิ่ง
เมื่อร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยออร่าแห่งแสง เมื่อนั้นภาพลวงตาของทูตสวรรค์หกปีกก็ปรากฏขึ้นบนหัวของแวนเฮลซิ่ง
ฉากนี้ทำให้รอยเริ่มขาอ่อนเขาคิดว่านี้อาจเป็นการปรากฏตัวของเทวทูตผู้พิทักษ์สำหรับเตรียมการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ยกตัวอย่างเช่นการกลับชาติมาเกิด!
แดร็กคูล่าหวาดกลัวมากเสียจนขยับไม่ได้ เขาอยู่ใกล้มากที่สุดและแสงสีทองนั้นยังทำให้รู้สึกถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตของเขา เขาต้องการบินหนีไปในทันที
แต่ทว่าการฟื้นคืนชีพของแวนเฮลวิ่งที่ทั้งรอยและแดร็กคูล่าจินตนาการไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้น!
บนร่างของแวนเฮลซิ่งค่อยๆมีดวงแสงสีทองขนาดเท่าหิ่งห้อยดวงหนึ่งปรากฏออกมา ซึ่งมันดูเลือนรางและแทบจะมองไม่เห็น และเมื่อจุดแสงสีทองปรากฏขึ้นมันเริ่มขึ้นเคลื่อนไหวตามแสงสีทองและค่อยๆหมุนเร็วขึ้น
ทันใดนั้นเองรอยก็เข้าใจทุกอย่าง
วิญญาณ! จุดแสงสีทองนั่นคือวิญญาณ! แวนเฮลซิงตายไปแล้วจริงๆ!
จิตวิญญาณสีทอง? นี่..สิ่งนี้คือจิตวิญญาณของเทวทูต?!
รอยไม่ได้คิดอยู่คนเดียวแต่แดร็กคิวล่าก็คิดแบบเดียวกัน การปรากฏตัวของจิตวิญญาณสีทองนี้หมายความว่าเขาได้ฆ่าแวนเฮลซิงจริงๆ แต่วิญญาณของเทวทูตที่อยู่ในร่างของแวนเฮลซิงกำลังถูกสวรรค์รับกลับคืนไป
ในขณะที่ความโลภของแดร็กคูล่าเข้ามาอยู่ในหัวของเขา ความคิดดังเดิมที่ต้องการถอยหนีหายไปและแดร็กคิวล่ารีบเอื้อมมือออกไปและพยายามคว้าจับวิญญาณสีทองสว่างดวงนี้!
แต่ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับจิตวิญญาณสีทองแขนทั้งข้างของแดร็กคิวล่าก็กลายเป็นขี้เถ้า แสงสีทองลุกล่ามเริ่มจากแขนทั้งสองก่อนจะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วจน แดร็กคูล่าไม่ทันได้ทำอะไรเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างกายของเขาจะสลายหายไป
หากสวรรค์ต้องการดึงจิตวิญญาณของทูตสวรรค์กลับไปแล้วแดร็กคิวล่าจะแย่งชิงมันไปได้อย่างไร?
เมื่อเห็นแดร็กคูล่าสลายกลายเป็นฝุ่นกับตารอยก็ไม่ควรกล้าที่จะทำอะไรเกี่ยวกับวิญญาณดวงนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมรอยถึงสัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้นจากสัญชาตญาณที่รุนแรง ซึ่งจิตใต้สำนึกจากร่างปีศาจของตัวเขาได้ดังก้องไปมาอยู่ในใจมันบอกให้เขาไปรับมันมา! หาทางรับวิญญาณนั้นมาให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม!
สัญชาตญาณกับเหตุผลของรอยขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลาจนทำให้รอยตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งกังวลและลังเล เส้นแสงสว่างส่องผ่านลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนและฉาบไปทั่วจิตวิญญาณสีทองดวงนี้ มันค่อยๆลอยขึ้นไปเร็วขึ้นจนเคลื่อนตัวผ่านหลังคาปราสาทไปแล้วและกำลังมุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เมื่อเห็นภาพนี้รอยก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขารีบกระพือปีกบินออกจากความมืดพุ่งทะลุหลังคาและเข้าหาวิญญาณสีทอง
ในขณะนี้ผู้คนทั้งหมดในทรานซิลเวเนียถูกดึงดูดด้วยเส้นทางแสงสว่างสีทองบนท้องฟ้า ผู้คนต่างพากันออกจากบ้านท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายและมองเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้น บางคนถือไม้กางเขนไว้ในมือขณะที่บางคนคุกเข่าลงบนพื้นและเริ่มสวดมนต์อ้อนวอน
อย่างไรก็ตามจากนั้นพวกเขาก็สังเกตุเห็นปีศาจขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ชาวเมืองสามารถมองเห็นรอยได้ชัดเจนภายใต้เสาแห่งแสงที่สว่างไปทั่วท้องฟ้า
“นั้นมันปีศาจ! มันคือปีศาจ!”
“มันพยายามจะทำสิ่งใด?!”
ผู้คนต่างพากันตื่นตะลึง
ขณะที่รอยบินไปหาเสาแสงและพยายามคว้าบางสิ่งกลางอากาศ
หลังจากวางมือบนดวงวิญญาณสีทองรอยก็ตะโกนออกมา พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเสาแห่งแสงได้เผาไหม้ร่างกายของรอยส่วนวิญญาณสีทองในมือยังแสบร้อนยิ่งกว่า แต่น่าแปลกที่รอยยังไม่ถูกไหม้เป็นเถ้าถ่านเหมือนที่แดร็กคิวลาเป็น รอยกำมือแน่นและดึงวิญญาณออกมาจากเสาแห่งแสงได้สำเร็จ!
ในขณะที่รอยคว้าเอาวิญญาณออกมาเสาแสงบนท้องฟ้าก็หายไปแทบจะทันทีและท้องฟ้ากลับสู่ความมืดอีกครั้ง
ควันสีเขียวลอยโชยออกมาจากฝ่ามือของรอยแขนของเขาถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง และยังมีวิญญาณสีทองปรากฏอยู่ที่ฝ่ามือของเขาซึ่งแม้แต่รอยก็ยังประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมฉันถึงคว้าวิญญาณของเทวทูตมาได้กัน?
รอยไม่รู้เลยว่าเหคุแรงกระตุ้นจากสัญชาตญาณของร่างกายของเขาถึงได้รุนแรงขนาดนี้ ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่รอยกระทำไม่ใช่ทำโดยไม่มีเหตุผล
เหตุใดตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทวดาและปีศาจถึงได้บอกเสมอว่าทั้งสองเป็นศัตรูที่แท้จริงของกันและกัน
นี่เป็นเพราะมีเพียงเทวดาเท่านั้นที่สามารถกำจัดเหล่าปีศาจได้อย่างแท้จริง! และในทำนองเดียวกันก็มีเพียงปีศาจเท่านั้นที่สามารถแย่งชิงวิญญาณของทูตสวรรค์ไปได้!
เมื่อรอยซึ่งเป็นปีศาจที่แท้จริงได้คว้าเอาวิญญาณของทูตสวรรค์มาได้ก็เท่ากับว่ารอยได้ปิดกั้นการเชื่อมต่อระหว่างวิญญาณสีทองดวงนี้กับประตูสวรรค์ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในลำแสงนั้นคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหายไป รอยจึงไม่ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นฝุ่นเหมือนแดรกคิวล่า
นี่เป็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของปีศาจทุกตนดังนั้นจึงไม่แปลกที่รอยจะเกิดแรงกระตุ้นให้ทำตามสัญชาตญาณแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ปีศาจทุกตัวที่พบเจอกับจิตวิญญาณของทูตสวรรค์จะมีแรงกระตุ้นเช่นนี้เสมอ
แน่นอนว่ายังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่รอยสามารถกระชากวิญญาณดวงนี้มาจากเสาแสงนั้นได้
วิญญาณของเทวทูตดวงนี้ไม่แข็งแกร่งมากนัก
รอยได้สติก่อนจะรีบส่งวิญญาณแสงสีทองดวงจิ๋วนี้เข้าสู่ระบบ
อินเทอร์เฟซของระบบแสดงวิญญาณนี้ว่าเป็น 'ชิ้นส่วนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์'!
ใช่วิญญาณของทูตสวรรค์ถูกแสดงด้วยคำว่า 'ศักดิ์สิทธิ์' วิญญาณดวงนี้ไม่ใช่วิญญาณที่สมบูรณ์ แต่เป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนวิญญาณ มันถูกแยกออกจากวิญญาณของอัครทูตสวรรค์กาเบรียล เป็นเพียงแค่หนึ่งในหลายพันชิ้นส่วนที่แยกตัวออกมา
ความสามารถในการแยกวิญญาณออกไม่ได้มีเฉพาะกับปีศาจ เหล่านางฟ้าหรือทูตสวรรค์ก็มีความสามารถนี้ในทำนองเดียวกัน เช่นเดียวกับที่ปีศาจออกไล่ล่าวิญญาณในโลกต่างๆจำนวนนับไม่ถ้วนผ่านทางประตูนรกเทวดาจากสวรรค์ก็มีเส้นทางของพวกเขาในโลกอื่นๆ สิ่งที่แตกต่างระหว่างทั้งสองเผ่าพันธ์ุคือปีศาจนั้นมีจำนวนมากกว่าหลายเท่าดังนั้นเหล่าทูตสวรรค์จึงใช้วิธีแยกจิตวิญญาณเพื่อสร้างอวตารมาต่อกรกับปีศาจ
ที่ใดมีปีศาจที่นั้นก็จะมีเทวดาเช่นกัน โลกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนไม่ได้เป็นสิ่งใดเลยนอกจากสนามรบสำหรับการฆ่าฟันกันระหว่างเทวดากับปีศาจ
ในตอนนี้รอยไม่รู้เลยว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากชิ้นส่วนวิญญาณของเทวทูตกาเบรียล หากถ้ารอยนำมันกลับไปที่อบีส เมื่อรอยพบเจอกับราชาปีศาจพวกเขาอาจจะจ่ายราคามหาศาลเพื่อแลกกับชิ้นส่วนวิญญาณนี้
แน่นอนว่ามันอาจทำให้เกิดปัญหาไม่รู้จักจบสิ้นได้ในทำนองเดียวกัน
แต่เมื่อพูดถึงปัญหาแรกที่กำลังใกล้เข้ามาแล้วนั้น!
อัครทูตสวรรค์กาเบรียลจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาสูญเสียการเชื่อมต่อกับชิ้นส่วนวิญญาณของเขา
ซึ่งภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้คนในทรานซิลวาเนียจู่ๆฝนที่ตกหนักบนท้องฟ้าก็หยุดลงอย่างฉับพลัน บนท้องฟ้ายามค่ำคืนปรากฏวงแหวนเวทมนตร์สีทองสว่างกำลังหมุนวนอย่างช้าๆ จากนั้นแสงออร่าที่ศักดิ์สิทธิ์และแผ่สัมผัสที่น่าเกรงขามก็ค่อยๆแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งเมือง!