ระบบใช้จ่าย ตอนที่ 126
ได้โปรดติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 126: เตรียมกระตุ้นหัวใจ
ในฐานะที่เป็นคนขับรถที่อุทิศตนให้ตระกูลของหงต้าหลี่ โดยธรรมชาติแล้ววังหมิงหยูจะต้องรายงานเรื่องสำคัญเช่นนี้ต่อหัวหน้าของเขา ในขณะที่คนอื่นไม่ว่าง เขาก็รีบออกไปข้างนอก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกทันที
พอเชื่อมต่อปลายสายอย่างรวดเร็วก็ได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ของหงเหว่ยกูดังขึ้น หงเหว่ยกูนั้นได้พูดว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
วังหมิงหยูจ้องมองหงต้าหลี่ที่กำลังหัวเราะอยู่ เขาสะอึกและพูดว่า "ท่านผู้ชายครับ ผมคิดว่าท่านนายน้อยต้าหลี่ได้ทำสิ่งที่เหลือเชื่อขึ้นแล้วครับ ท่านยังจำชายชราที่ชนกระจกมองหลังของท่านนายน้อยได้ไหมครับ?"
ตอนนั้นชายชราคนนั้นได้ทำกระจกมองหลังรถยนต์เสียหายไปครั้งหนึ่ง หงเหว่ยกูจึงทำการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ใช่ภัยคุกคาม "ชายชรา? คนชื่อว่า หวังต๊ะหมิง? คนที่เป็นเพียงช่างทำผมธรรมดา ที่มักจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกเช้าสินะ มีอะไรเกี่ยวกับเขางั้นหรือ?"
วังหมิงหยูพึมพำ "วันนี้ชายชราคนนั้นได้ชนกระจกมองหลังรถยนต์ของเราอีกครั้งครับ ... "
หงเหว่ยกูสงสัย "ชายชราคนนี้กำลังทำอะไรอยู่? ต้าหลี่ไม่ได้เรียกร้องค่าชดใช้ชายชราที่ชนครั้งก่อนนิ แล้วที่เขาชนกระจกครั้งนี้ล่ะ?"
วังหมิงหยูกล่าวว่า "ท่านผู้ชายครับ เงินไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญ คือ ชายชราคนนั้นมีทักษะศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง!"
หงเหว่ยกูรู้สึกแปลกใจมาก แค่ก แค่ก แค่ก! เขาถามว่า "จริงเหรอ? ชายชราคนนั้นมีทักษะศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง? เขาอายุ 60 ปีแล้วไม่ใช่หรอ?"
วังหมิงหยูพูดว่า "ไม่ใช่ 60 ปีครับ อายุที่แท้จริงของเขา คือ 73 นอกจากนี้ทักษะของเขา ... " วังหมิงหยูรู้สึกพ่ายแพ้ "จะบอกว่า.. ถ้าผมได้ต่อสู้กับเขา ผมคงไม่สามารถแลกหมัดเขาถึงสิบหมัดได้"
"…"
หลังจากหยุดพูดไปนาน หงเหว่ยกูก็ตกใจ "นายจะบอกว่าชายชราคนนี้ที่ทุบกระจกรถมองหลังของต้าหลี่ เขาดูอ่อนกว่าวัยถึง 20 ปีและนายก็ไม่สามารถสู้กับเขาได้เลยอย่างนั้นหรอ?!" ไม่น่าแปลกใจที่หงเหว่ยกูจะตกใจ วังหมิงหยูทำงานให้เขามาหลายปี ดูแลความปลอดภัยของหงต้าหลี่มาตลอด ความสามารถของเขาเห็นได้ชัดว่าเขานั้นอยู่ในขั้นมาตรฐาน
มันไม่ใช่เรื่องพูดเกินจริงเลย แต่วังหมิงหยูนั้นมีความสามารถในการต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธได้ถึง 4-5 คนด้วยซ้ำ
แต่วังหมิงหยูกลับบอกว่า เขานั้นไม่สามารถสู้แลกหมัดกับชายชราคนนั้นได้!
วังหมิงหยูไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องยอมรับมัน "มันเป็นเรื่องจริงครับ พลังทั้งหมดที่มีก็ไม่อาจสู้โชคชะตาของท่านนายน้อยต้าหลี่ได้ จากนั้นก็ได้มีคนหนึ่งไปเป็นศิษย์ของกีเซอร์หวัง คนนั้นคือ มู่ซีเซียว นายน้อยของตระกูลมู่"
หงเหว่ยกูพูดช้า ๆ "อืม มู่ซีเซียว เขาเป็นคนที่คล้าย ๆ กับหลิวหมิงซิน แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง?"
วังหมิงหยูพูดอย่างใจร้อนว่า "มู่ซีเซียวเป็นคนที่คลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้ และหงต้าหลี่ได้จ้างกีเซอร์หวังให้มาเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเขา จากนั้นมู่ซีเซียวก็ได้เป็นลูกศิษย์ของชายชราผู้นั้นและคอยปกป้องท่านนายน้อยต้าหลี่ครับ" ตอนนี้มันทำให้วังหมิงหยูรู้สึกตกต่ำลงด้วยหน้าที่ตำแหน่งของเขา กีเซอร์หวังพูดกับมู่ซีเซียวตรง ๆ ว่า เขาต้องติดตามท่านนายน้อยต้าหลี่และปกป้องท่านนายน้อยต้าหลี่ไม่ให้เจออันตรายใด ๆ
"ตอนนี้เขาเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของท่านนายน้อยต้าหลี่ครับ" และจากนั้นวังหมิงหยูเน้นคำ "ตามมาตรฐานของท่านนายน้อยต้าหลี่แล้ว มู่ซีเซียวก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของเขาด้วยครับ"
หงเหว่ยกูรู้สึกมึนกับข้อมูลที่ได้ฟังจากวังหมิงหยู "โอ้พระเจ้า ... ชายชราที่ทำอาชีพช่างทำผมและได้ขับรถชนกระจกหลังในวันนั้น กลับมีทักษะการต่อสู้ขั้นสูง และนายน้อยจากตระกูลมู่ เขามาหาที่เทียนจิงโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่สุดท้ายได้มาเป็นผู้ติดตามของต้าหลี่ หมิงหยู ได้โปรดเตรียมยาชูกำลังไว้ให้ฉันด้วยคืนนี้ ฉันเกรงว่า ฉันจะเป็นโรคหัวใจเข้าให้แล้ว"
วังหมิงหยูรับทราบ "รับทราบครับ"
ขณะที่วังหมิงหยูจบการสนทนาทางโทรศัพท์ หงต้าหลี่ก็โบกมือให้เขา "ลุงวัง คุยโทรศัพท์เสร็จรึยัง? เราต้องเตรียมพร้อมออกเดินทางแล้วนะ"
วังหมิงหยูเก็บโทรศัพท์ไว้และรีบเดินกลับมา "ท่านนายน้อยครับ พวกเราจะต้องไปพบกับทีมงานฝ่ายผลิตตอนนี้หรือเปล่าครับ?"
หงต้าหลี่เหยียดแขนและสั่งลูกน้องของเขา "ใช่ เราไปดูกันดีกว่าว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นยังไงแล้วบ้าง"
นายน้อยจากตระกูลมู่ มู่ซีเซียว ก็ได้ช่วยเคลียร์ทางอย่างถ่อมตน "เชิญเลยครับท่านนายน้อยต้าหลี่!"
ผู้คนติดตามก็ได้ตามมา "ท่านอาจารย์เชิญครับ"
หงต้าหลี่ก็ได้เดินอย่างมาดเท่ห์เข้าไปในรถกับถังมู่ซิน รถโซแองเจิ้ลเป็นอะไรที่ดีมาก กว้างขวางสบาย กีเซอร์หวังและมู่ซีเซียวและผู้ติดตามทั้งเก้าคนต่างก็ขึ้นรถ
สถานที่อยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของทีมผู้ผลิต ภายในไม่กี่นาที หงต้าหลี่ก็เห็นดิงเชียงเฉินยืนอยู่ข้างถนน
ขณะที่ต้าหลี่เปิดประตูและลงจากรถ เขาก็พูดว่า "เพื่อน! นายดูยุ่งมากเลยนะ!"
เมื่อเห็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภลงมาจากรถ ดิงเชียงเฉินก็วิ่งไปหา "อัยยา ท่านนายน้อยต้าหลี่ ในที่สุดท่านก็มาถึงที่นี่ ผมกลัวว่าท่านจะไม่มาวันนี้แล้วสะอีก เมื่อคืนท่านนอนหลับสบายไหมครับ? ตอนนี้ทีมผู้ผลิตที่อยู่ข้าง ๆ ได้เวลาพักแล้ว"
หงต้าหลี่ชอบในทัศนคติของเขา "ให้ทิปเงินเขา! 5000 หยวน"
หนึ่งในผู้ติดตามเอาเงินออกจากกระเป๋าแล้วนับ "นี่จากท่านนายน้อย!"
ดิงเชียงเฉินยิ้มกว้าง "ขอบคุณครับท่านนายน้อย! หายากเลยนะครับ ที่จะพบกับเจ้านายที่ใจดีเช่นนี้!"
กลุ่มคนของหงต้าหลี่ออกเดินทาง ขณะที่พวกเขากำลังเดิน ดิงเชียงเฉินได้บอกหงต้าหลี่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องของภาพยนตร์
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้กำกับเพลง แต่เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของทีมงานผู้สร้าง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับภาพยนตร์มากมาย
ภาพยนตร์ที่พวกเขาถ่ายทำนั้นเดิมเรียกว่า ผู้ติดตามสายลม มันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พายุชั่วพริบตา ภาพชายคนหนึ่งได้กลายเป็นปรมาจารย์กังฟูที่ยอดเยี่ยม เนื้อเรื่องก็อ่อนหวาน เกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งอยู่ในครอบครัว แต่คนในครอบครัวโดนสังหารและเรียนรู้ทักษะบางอย่างจากอาจารย์ หลังจากนั้นก็ไล่ฆ่าศัตรูเพื่อแก้แค้น หงต้าหลี่เกือบหลับในตอนที่ฟังอยู่
ตัวละครหลักในเรื่องนี้มีชื่อว่า ลองเสี่ยวเทียน หงต้าหลี่เกือบหยุดหายใจ เมื่อเขาได้ยินชื่อ เขาไม่อยากพูดถึงในระหว่างคอนเสิร์ตของลี่เนียนเหว่ย แต่เมื่อเขาได้ยิน เขาก็พบว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีรสนิยมเลย
เสี่ยวเทียน ชื่อยาวไปและแตกต่างจาก ลองอู่เทียน มาก
หงต้าหลี่พูดอย่างเด็ดเดี่ยว "เปลี่ยนชื่อตัวละครหลัก ถ้านายไม่เปลี่ยน ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้!"
เขาเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่แท้จริง ดิงเชียงเฉินตอบอย่างเด็ดขาด "ชื่อตัวละครนำ? ไม่มีปัญหาครับ! ท่านหงต้าหลี่มีอะไรในใจอีกไหมครับ?"
หงต้าหลี่ตอบว่า "เดี๋ยวก่อน ให้ฉันดูสคริปต์หลังจากเราไปถึงที่นั่น"
"รับทราบครับ!" จากนั้นพวกเขาก็เห็นฉากที่อยู่ตรงวงนอกของภูเขาเทียนจิง ฉากไม่ใหญ่มาก ประมาณสองสามร้อยตารางเมตร มีแทร็ค, กล้อง, แสงไฟต่าง ๆ และอุปกรณ์เครื่องเสียง มีนักแสดงหลายคนแต่งตัวในชุดเสื้อผ้าโบราณและยืนอยู่ข้างๆ
ดิงเชียงเฉินพูดว่า "เรามาถึงแล้วครับ"
หงต้าหลี่มองไปที่นักแสดงและถามว่า "นี่ไม่ใช่หนังไซไฟใช่ไหม? ทำไมพวกเขาถึงต้องแต่งตัวในชุดเสื้อผ้าโบราณกันหมดเลยล่ะ?"