ตอนที่แล้วตอนที่ 239 ผู้เฒ่าผมขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 241 ข้าขอโทษ

ตอนที่ 240 จงเบ่งบาน หมื่นดอกปทุมมาศ


ข่าวการพบตัวการโจมตีคลังเสบียงและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ดึงความสนใจของขุนนาง มือปราบ ผู้ใช้อาคม และฮันเตอร์ผู้อย่างรู้อยากเห็น แม้แต่องค์เจ้าแคว้นที่หนักใจกับเรื่องนี้ก็ถึงกับเสด็จออกมาจากพระราชวัง เพื่อมาชมดูให้เห็นกับพระเนตร

นิลปัทม์เตะทวนยาวที่ปักอยู่บนพื้นให้ลอยพุ่งเข้าใส่เหนือภพ จากนั้นร่างในเกราะทองจึงพุ่งตามไปติด ๆ ด้วยความเร็ว

ท่าทางไม่ใส่ใจของเหนือภพ ทำให้นิลปัทม์ขมวดคิ้วมองอย่างงุนงง เหนือภพมองทวนยาวผนึกปราณอาคมสีทองพุ่งแหวกอากาศเข้ามา เมื่อมันเข้าใกล้ ก็ถูกเหนือภพใช้เพียงนิ้วเดียวเบี่ยงทวนออกจากเส้นทางที่ควรเป็น พุ่งทะลุกำแพงค่ายกลสีทองออกไปปักเข้ากับผนังอาคาร

‘แข็งแกร่ง’

นิลปัทม์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็นิ่วหน้า จากที่จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เหนือภพก็รีบเปลี่ยนทิศทางดีดตัวพุ่งขึ้นสู่ฟ้า จนกระทั่งทะลุผ่านเพดานค่ายกลที่สูงจากพื้นสิบเมตร ร่างของจอมทัพเกราะทองพุ่งสูงขึ้นไปอีกนับยี่สิบเมตร

‘ปราณเทพปทุมมาศ เคล็ดดอกบัวขั้นที่ 7 หมื่นดอกปทุมมาศ ’

สิ้นคำร่ายภายในใจ ร่างของนิลปัทม์ก็ถูกดอกบัวสีทองขนาดใหญ่โอบคลุมเอาไว้ แต่ไม่จบเพียงเท่านั้น ดอกบัวทองเริ่มหมุนด้วยความเร็ว แล้วค่อย ๆ คลี่กลีบออก ทุกครั้งที่กลีบดอกบัวยักษ์คลีออกหนึ่งกลีบ จะปลดปล่อยดอกบัวสีทองขนาดกำมือออกออกมานับร้อย ยิ่งดอกบัวยักษ์สีทองบานออกมากเท่าไหร่ จำนวนดอกบัวทองขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏเพิ่มขึ้น

เพียงแค่ชั่วพริบตา ทั่วน่านฟ้าก็เต็มไปด้วยดอกบัวสีทองขนาดเท่ากับกำปั้น

“นั่นมันวิชาดอกบัวทอง ในตำนาน จอมทัพฝึกไปถึงขั้นที่เจ็ดแล้วหรือนี่”

เหล่าจอมทัพ และผู้ใช้อาคมคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างตกใจ

เป็นที่รู้ทั่วกัน ‘ปราณเทพปทุมมาศ’ เป็นวิชาเฉพาะสำหรับสายเลือดตระกูลสัตตบรรณ ตระกูลผู้พิทักษ์ราชวงศ์อมตะมาตั้งแต่โบราณ น่าเสียดายที่ตระกูลสัตตบรรณถูกฆ่าล้างสังหาร มารดาของนิลปัทม์ผู้เป็นทายาทคนสุดท้าย นางได้รับการช่วยเหลือจาก ‘อหัสกร’ หรือเจ้ากรมสมุหกลาโหมคนปัจจุบัน จนเกิดเป็นความรักและในที่สุดทั้งสองก็ให้กำเนิดนิลปัทม์ ทายาทตระกูลสัตตบรรณคนสุดท้าย ไม่คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีใครสั่งสอน เขาก็สามารถบรรลุมาถึงขั้นนี้ด้วยตัวคนเดียว

“ช่างน่าเสียดาย”

ผู้เฒ่าคนหนึ่งเอยขึ้น แววตาปรากฏความรู้สึกเสียดายออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“เสียดาย ผู้เฒ่าพวกข้าไม่เข้าใจ”

นั่นทำให้ผู้ใช้อาคมระดับสูงที่อยู่รอบด้านเกิดความสงสัย เพราะกลิ่นอายของตาเฒ่านี่ค่อนข้างน่ากลัว แน่นอนคำพูดที่ออกมาจากปากคนแข็งแกร่งเช่นนี้ย่อมไม่โกหก

“วิชาของเขาไร้ที่ติ แต่พลังฝึกฝนอ่อนด้อยเกินไป”

“แต่เห็นชัดว่าจอมทัพเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาเป็นผู้คุมสถานการณ์”

“พวกเจ้ายังเยาว์นัก ลองดูให้ดี แม้จอมทัพจะสามารถกักขังศัตรูไว้ในค่ายกล ทั้งยังวางกำลังทหารโอบล้อมสกัดกั้นทางหนีทีไล่เอาของศัตรูไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สมกับเป็นจอมทัพที่มากประสบการณ์ แต่พวกเจ้าแหกตาดูศัตรูนั่นสิ เขายังคงเยือกเย็นไม่เคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าศัตรูไม่ได้เห็นค่ายกลเทพสวรรค์โบราณอยู่ในสายตาเลย เช่นนั้นถ้าเขาคิดจะหนีก็ย่อมทำได้ง่าย แต่เขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่”

การวิเคราะห์ของผู้เฒ่าลึกลับทำให้หลายคนเปิดหูเปิดตา แม้แต่องค์เจ้าแคว้นก็ยังเห็นด้วยกับความแปลกประหลาดนี้

เมื่อดอกบัวทองคำยักษ์บานจนถึงขีดสุด ก็สามารถเห็นร่างของนิลปัทม์ที่เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับเทพสงครามอุบัติขึ้นใจกลางดอกบัว ได้ชัดเจนมากขึ้น

“จงเบ่งบาน !”

สิ้นคำพูดอันทรงพลัง ดอกบัวทองคำนับหมื่นขนาดกำมือต่างพากันเบ่งบานพร้อมกัน  ทันทีที่เบ่งบานออกก็ปลดปล่อยกลีบดอกบัวทองคำกระจายออกรอบทิศ จนก่อเกิดเส้นแสงสีทองพุ่งออกไปด้วยความเร็วนับหลายหมื่นเส้นทาง

เหนือภพยิ้มเขาเคลื่อนกายหลบเพียงนิดเดียวก็หลบกลีบดอกบัวทองคำที่พุ่งเข้ามาได้ แต่ชื่อเสียงของจอมทัพย่อมไม่ได้มาแค่โชคช่วย หากวิชาของเขามีดีแค่นี้ ก็นับว่าดูถูกเขามากเกินไป

เหนือภพขมวดคิ้วนิ่วหน้า

ร่างแกร่งในเกราะทองคำรวบรวมปราณอาคมทั่วร่าง จนเกิดเป็นออร่าสีทองสว่างเจิดจ้า เขาพุ่งลงมาฟากฟ้าด้วยความเร็ว พร้อมกับพากลีบดอกบัวทองคำนับพันหมุนขว้างเป็นสว่านยักษ์ พุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างไร้ความปรานี ทว่านิลปัทม์รู้จักเหนือภพไม่ดีพอ

‘โล่ดารา’

ปรากฏภาพดวงดาราซ้อนหลังเหนือภพ เหล่าสว่านกลีบดอกบัวของนิลปัทม์ยามเข้าใกล้วงโคจรของดวงดารารอบกายเหนือภพ ก็เกิดการบิดเบี้ยว โล่ดาราของเหนือภพไม่เพียงสร้างโล่พลังงานป้องกัน ยังสามารถบิดเบือนกระแสทิศทางที่ควรเป็น

เมื่อกลีบดอกบัวทองพุ่งเข้ามา มันย่อมพุ่งไปเป็นเส้นตรง แต่เมื่อเข้าใกล้วงโคจรของโล่ดารา หากกลีบดอกบัวทองคำพลังต่ำกว่า ก็จะถูกบีบให้เลี้ยวไปทิศทางอื่นโดยทันที

เมื่อนิลปัทม์เห็นเช่นนั้นก็ไม่ยอมแพ้ เขาทุ่มการโจมตีครั้งใหญ่ออกไป เร่งเร้าปราณอาคมสีทองจนเกิดเป็นภาพเปลวเพลิงปราณลุกท่วมตัว แรงกดดันปราณแผ่กระจายไปรอบ ๆ สร้างความเกรงขามให้กับทุกคน แต่ไม่ใช่กับเหนือภพ

จอมทัพเกราะทองรวบรวมกลีบดอกบัวทองคำทั้งหมดชักนำจนกลายเป็นกระแสน้ำ กลีบดอกบัวทองคำไหลยาวคดเคี้ยวอยู่บนอากาศไม่ต่างจากงู  ก่อนสั่งมันให้พุ่งเข้าใส่เหนือภพอย่างไร้ความปรานี

นิลปัทม์ไม่เชื่อว่าเหนือภพจะสามารถหลบกลีบดอกบัวทองคำนับหมื่นกลีบนี้ได้ เสียงกลีบดอกบัวนับหมื่นพุ่งผ่าอากาศ แต่ละกลีบหมุนคว้างราวกับกงจักร ขนาดแม่น้ำกลีบดอกบัวสีทองนี้กว้างกว่าร้อยเมตร แทบจะไร้ทางหลบหนี

แต่เหนือภพกลับยืนแสยะยิ้มออกมา

“ขอบคุณสำหรับอาวุธ”

สีหน้าของนิลปัทม์เต็มไปด้วยคำถาม ว่าชายหนุ่มคนนี้ขอบคุณเขาเรื่องอะไร ก่อนตาเขาจะเบิกกว้าง

เหนือภพใช้ความพิเศษในการบิดเบือนเส้นทางของโล่ดารา ปล่อยให้กลีบดอกบัวทองคำนับหมื่นพุ่งเข้ามา เมื่อเขาหมุนตัวอย่างเร็ว กลีบดอกบัวทองคำแทนที่จะถูกเบี่ยงออกจากที่เคยเป็นมาโดยตลอด กลับเคลื่อนตัวอ้อมร่างกายของเหนือภพตามแรงเหวี่ยง จนกลีบดอกบัวทองคำพุ่งย้อนกลับไปหาผู้เป็นเจ้าของ และครั้งนี้เสื้อผ้าที่ใช้ปิดครึ่งหน้าของเหนือภพก็ถูกแรงลมเหวี่ยงจนหลุดออก

สีหน้าของผู้ชมรวมทั้งเหล่าทั้งทหารอ้าปากค้าง ไม่เพียงได้เห็นใบหน้าคู่ต่อสู้ได้ชัดเจน ยังได้เห็นการโจมตีโต้กลับที่น่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะผู้เฒ่าลึกลับก็อดไม่ได้จะพึมพำขึ้น

“ยืมดาบคืนสนอง”

จะมีสักกี่คนที่สามารถหยิบยืมพลังจากคู่ต่อสู้ ทำร้ายคู่ต่อสู้ได้ง่ายเพียงแค่หมุนตัวเช่นนี้

‘ปราณเทพปทุมมาศ เคล็ดดอกบัวขั้นที่ 3 ปทุมมาศพ้นธารา’

ภาพร่างดอกบัวตูมสีทองโอบร่างของนิลปัทม์เอาไว้ใจกลางเพื่อปกป้อง ขณะที่สายน้ำกลีบดอกบัวทองคำพุ่งปะทะเข้ามาอย่างเร็ว แม้นิลปัทม์จะสามารถเรียกใช้ปทุมมาศพ้นธาราได้สำเร็จ แต่วิชาหมื่นดอกปทุมมาศของเขานั้นร้ายกาจเกินไป ยิ่งทุ่มใช้มันด้วยพลังปราณขีดสุด  ภาพดอกบัวตูมถูกกระแสน้ำกลีบดอกบัวทองคำเชือดเฉือน ฉีกกระชากซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลีบดอกบัวตูมค่อย ๆ แตกสลายไล่เรียงมาจากชั้นนอก

เพียงแค่พริบตาโล่ดอกบัวตูมสีทองก็แตกสลาย ขณะที่กลีบดอกบัวทองที่เหลือเพียงพันกลีบ พยายามพุ่งเข้าเชือดเฉือนร่างของนิลปัทม์ แต่ชุดเกราะทองคำที่เขาใส่นั้น ไม่ใช่ชุดเกราะธรรมดาทั่วไป มันเป็นชุดเกราะอาคมระดับ 9 ที่ทำขึ้นจากแร่เก้าสี ความแข็งแกร่งของมันยากที่จะทำลาย

แม้ร่างของนิลปัทม์จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แรงอัดกระแทกของคลื่นพลังทำให้เขาไม่ต่างเทวดาร่วงหล่นจากฟ้า ตกลงกระแทกกับพื้นดังตึง !!

เหนือภพเลื่อนสายตัวเองมองตาม แววตาของเขาเปล่งประกายสีม่วงแห่งความโล�

“เจ้าคิดจะฆ่าข้ามันไม่ง่ายหรอก”

นิลปัทม์คิดจะต่อต้านแต่กลับถูกเหนือภพเหยียบอกเอาไว้ หลังของเขากระแทกพื้นดังตึง เหนือภพจับจอมทัพเกราะทองถอดเกราะ ท่ามกลางทุกสายตาที่มองมา ช่างเป็นการกระทำที่เหยียดหยามยิ่ง

เหล่าแม่ทัพนายกอง และเหล่าผู้ใช้อาคมทุกระดับที่เฝ้ารออยู่นอกค่ายกลเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นจอมทัพนิลปัทม์ถูกจัดการ เขากำลังถูกถอดเกราะทีละชิ้นออกจากตัวโดยที่จอมทัพไม่อาจทำอะไรได้

นิลปัทม์พยายามต่อต้านอย่างสุดชีวิต เมื่อเขาเห็นเกราะแขนและหมวกเกราะของเขาถูกชิงไปแล้ว

เหนือภพส่งเสียงจิ๊ออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนใช้มือซ้ายคว้าจับคอนิลปัทม์ แล้วโจมตีด้วยหมัดขวาใส่ใบหน้าหล่อเหล่าอย่างรุนแรงต่อเนื่อง 3 ครั้ง

การกระทำอันโหดเหี้ยมของชายปริศนาทำให้เกิดคำถามภายในใจทุกคน ก่อเกิดเป็นเสียงซุบซิบ

“ท่านรู้จักเขามั้ย”

“ไม่นะ”

“เหนือภพไง ข้าจำเขาได้ เจ้าเด็กที่ก่อเรื่องที่งานประมูล”

“เหนือภพไหน เขาคือพิภพ พิภพคนของสำนักงานฮันเตอร์”

“เขาคือเหนือภพ ฮันเตอร์แรงค์ D ที่ขายสัตว์อสูรให้ผู้สอบคนอื่น ข้าจำได้ ข้าเคยซื้อสัตว์อสูรของเขา”

“อะไรนะ แค่แรงค์ D เจ้าประสาทกลับไปแล้วหรือไง แรงค์ D ที่ไหนตบฮันเตอร์แรงค์ B อย่างจอมทัพจนสิ้นท่าแบบนั้น”

“................”

เสียงซุบซิบมากมายกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้าง โดยไม่มีใครสนใจคนที่ยืนข้างกายอีกแล้ว ทุกคนต่างเพ่งความสนใจมองชายสองคนในค่ายกล ที่ต่อสู้กันเอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่คนที่ต่อสู้เอาเป็นเอาตายมีแต่นิลปัทม์ แต่ทางด้านเหนือภพนั้นเขาค่อนข้างจะสบาย ๆ

องค์อนุชาจ้องมองภาพเหตุการณ์นี้อย่างเป็นกังวล เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสสำคัญ หากองค์เจ้าแคว้นยอมให้นิลปัทม์ใช้พลังค่ายกลเทพสวรรค์โบราณของเมืองอมตะ อย่างเต็มที่ตั้งแต่แรกไม่ใช่ครึ่งกลาง ๆ เช่นนี้ ย่อมสามารถจัดการศัตรูอย่างเหนือภพได้ แต่องค์เจ้าแคว้นระแวงเกินกว่าจะยื่นอาวุธให้กับผู้อื่น ต่อให้สถานการณ์ตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไร องค์เจ้าแคว้นก็ไม่ยินดี

องค์อนุชาเหลือบมองผู้เป็นพี่ชายอย่างองค์เจ้าแคว้นเป็นระยะ เป็นอย่างที่เขาคิดไม่ผิด องค์เจ้าแคว้นต้องการให้นิลปัทม์ตายถ้าเขายอมช่วยเพียงหนึ่งคำพูดก็สามารถพลิกสถานการณ์ให้กับนิลปัทม์ได้

แต่แทนที่องค์อนุชาจะกังวล เขากลับยิ้มกว้าง เขามองไปทางทหารที่ขึ้นคันศรเตรียมยิงอยู่ตลอดเวลา

….มิสู้เขาช่วยสักหน่อย เพียงพอแล้วให้นิลปัทม์รู้ว่าองค์เจ้าแคว้นเลวร้ายเพียงใด ถึงเวลาที่เขาจะเป็นผู้มีพระคุณอย่างแท้จริง ไม่ใช้เป็นเพียงแค่ท่านอาหรือพ่อตาของเขา

“ไอ้พวกโง่ มันกำลังจะแย่งเกราะอาคมเพื่อใช้หนีออกจากค่ายกล รีบยิงเข้าไป อย่าให้มันมีโอกาสหนี”

เมื่อคำสั่งหลุดออกจากปากมหาอุปราช องค์อนุชาของเจ้าแคว้น เหล่าทหารที่เตรียมการอยู่ค่อนข้างลังเล แต่เมื่อจะแย้งก็ถูกมหาอุปราชแย่งคันธนูไปยิงด้วยตัวเอง

เมื่อมีคนหนึ่งเริ่มยิง คนอื่น ๆ ก็ยากที่จะไม่ปฏิบัติตาม การยิงธนูหนึ่งดอกขององค์อนุชาเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ห่าฝนธนูจึงพุ่งผ่านกำแพงสีทองเข้าหาเหนือภพจากสี่ทิศ จนมืดฟ้ามัวดิน

ทหารเองก็ไม่แน่ใจในคำสั่ง ผู้นำทัพเองก็ไม่ทันห้ามปราม องค์เจ้าแคว้นเองก็ไม่ทันตัดสินพระทัย เพราะลึก ๆ ในใจของทุกคนล้วนต้องการทดสอบว่าเหนือภพจะแน่แค่ไหน

ท่ามกลางความชุลมุนนี้จึงเกิดบรรยากาศว่างเปล่าทางความคิด ไม่มีใครแน่ใจว่าจะทำเช่นไรดี พวกทหารจึงตั้งหน้าตั้งตาแต่ยิงต่อไป

เหนือภพมองการกระทำของทหารอย่างดูถูก หลังจากเขาชิงเกราะของนิลปัทม์มาได้ทุกส่วน เขาก็ไม่ลังเลที่จะเตะนิลปัทม์ออกไปจากเส้นทางของห่าธนู อย่างน้อยเขาก็เป็นคู่หมั้นขององค์หญิง เพื่อนที่ดีของเขา จะดีเลวยังไงเขาก็ไม่กล้าพอจะสังหารคนรักของเพื่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด