ตอนที่ 86 : ผู้ใดสามารถทำได้ ฟรี วันที่ 2021/02/11
เซี่ยหลิวฮุย และลู่เสี่ยวฉิงได้ท้าทายโม่ปูหุย และเหม่ยเหลียนฮวาในเวลาเดียวกัน เป็นข่าวใหม่ที่สร้างความตกใจให้แก่ตำหนักยุทธ์ ลู่เสี่ยวฉิงท้าทายเหม่ยเหลียนฮวานั้นเข้าใจได้ เพราะทั้งสองเคยเป็นสิบอันดับแรกของศิษย์ชั้นนอก และฝีมืออาจเทียบเคียงกันก็เป็นได้
แต่กับเซี่ยหลิวฮุยนั้นเป็นบุคคลผู้ถูกลืมเลือน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะกล้าท้าทายโม่ปูหุย แต่เมื่อพวกเขาทราบว่าเซี่ยงเส้าหยุนเป็นลูกพี่ของเซี่ยหลิวฮุย ศิษย์ผู้อื่นถึงกับตกใจไปตามกัน
ในขณะที่เซี่ยหลิวฮุย และลู่เสี่ยวฉิงท้าทายต่อเป้าหมายของทั้งสอง เซี่ยงเส้าหยุนเข้าไปยังหอคอยแห่งขีดจำกัด ที่เขาไม่เผยตัวออกมา ไม่ใช่เพราะไม่สนใจเซี่ยหลิวฮุย และลู่เสี่ยวฉิง แต่เซี่ยงเส้าหยุนมั่นใจว่าทั้งสองเอาชนะได้แน่นอน
แน่นอนว่า ความจริงในใจคือ ทั้งโม่ปูหุย และเหม่ยเหลียนฮวาไม่ได้สำคัญต่อตนองแม้แต้น้อย เขาจึงไม่ต้องการเสียเวลากับทั้งสอง เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่อยากรับชมการประลอง สิ่งแรกที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรกจึงเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่ง
คราวนี้ เซี่ยงเส้าหยุนได้ผ่านการท้าทายจากห้องแห่งขีดจำกัดสามห้องรวด และหลังจากนั้น เด็กหนุ่มต้องรู้สึกเสียใจอย่างมากเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส ห้องที่เจ็ดและแปดนั้นมีไว้สำหรับให้ระดับดวงดาวขั้นท้ายได้ท้าทายเท่านั้น
ด้วยพลังการต่อสู้ของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นท้าย ทั้งสองห้องจึงไม่ยากมากนัก แต่ปัญหาอยู่ที่ห้องที่เก้า ซึ่งมีไว้สำหรับระดับดวงดาวขั้นแปดหรือเก้าเท่านั้นจึงจะรอดได้ เขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในห้องนั้น แต่ในที่สุดก็รอดชีวิต และเอาชนะมันมาได้
หลังจากท้าทายทั้งสามห้องสำเร็จ เขาได้รับข่าวว่าเซี่ยหลิวฮุย และลู่เสี่ยวฉิงต่างได้รับชัยชนะในการประลอง ชื่อเสียงของเซี่ยหลิวฮุยจึงกระฉ่อนไปทั่ว และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสด้วย
สำหรับลู่เสี่ยวฉิง นางเป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์หญิงผู้โดดเด่นรองจากกงฉินหยิน เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกยินดีกับพวกเขา แต่อีกครั้ง นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาคาดหวัง
เหตุผลเดียวที่ให้ท้าทายโม่ปูหุย และเหม่นเหลียนฮวาคือทำลายจิตวิญญาณในการฝึกยุทธ์ของทั้งสอง ทำให้พวกเขาติดอยู่ในระดับยุทธ์เดียวกันตลอดไป และหมกมุ่นกับความเสื่อมโทรมนับจากนี้ การทำเช่นนี้ดีกว่าการสังหารทั้งสอง สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เขาไม่ต้องกังวลในการลงมือด้วยตนเอง
แน่นอนว่า เขากลัวหากลงมือด้วนตนเอง จะไม่อาจระงับความโกรธได้ และสังหารทั้งสองแทน หากสังหารทั้งสอง จะส่งผลเสียต่อสถานะของเขาในตำหนักยุทธ์
‘ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีแผนเสียก่อน’ เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตนเอง
เซี่ยงเส้าหยุนใช้เวลาถึงสามวันในการฟื้นฟูบาดแผล ระหว่างนั้น เซี่ยหลิวฮุย ลู่เสี่ยวฉิง และผู้อาวุโสบางคนก็ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนเช่นกัน แม้ผู้อาวุโสที่เข้ามาเยี่ยมเยียนเซี่ยงเส้าหยุนนั้นจะมีเป้าหมายที่แท้จริงคือผู้อาวุโสเจิ้นเผิง เนื่องจากพวกเขาล้วนต้องการได้รับคำแนะนำในการฝึกยุทธ์
หลังจากผ่านไปสามวัน เจ้าตำหนักหยางเกาฉวนได้เรียกหาเซี่ยงเส้าหยุนให้ไปพบในตำหนัก การประชุมในตำหนักนั้นแท้จริงแล้วมีเพียงผู้อาวุโส และเหล่าผู้มียศสูงแห่งตำหนักยุทธ์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าร่วม ศิษย์ทั่วไปไม่เคยได้รับอนุญาต
เซี่ยงเส้าหยุนคิดไม่ออกว่าเหตุใดเขาจึงถูกเรียกไป แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะปฏิเสธได้ ดังนั้น เขาจึงไปตามคำเชิญ เมื่อมาถึงเขาได้พบว่านอกจากหยางเกาฉวนแล้ว ยังมีผู้อาวุโส และผู้ดูแลมากมายอยู่ที่นี่ และยังมีผู้ที่เขาไม่รู้จักอีกสองถึงสามคน
เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนมาถึง สายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่เขา โดนเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้เยาว์มากมาย ทำให้ตัวเขานั้นดูใหญ่โตทันที เด็กหนุ่มทักทายกับทุกคนก่อนจะยืนข้างเคียง ร่างอรชรจึงเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนมองผู้ที่เข้ามาใหม่ การแสดงออกก็เปลี่ยนไป ด้วยคิดกับตนเองอย่างช่วยไม่ได้ ‘ดูเหมือนเราจะหนีจากนางไม่พ้นจริง ๆ’
ด้วยคาดหวังว่าผู้มาใหม่จะเริ่มจัดการเขา แต่นางกลับทักทายผู้อื่นก่อนจะยืนข้างเคียงเช่นกัน นางไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย
‘หือ? นี่นางลืมข้าไปแล้วรึ? แต่นั่นไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย’ เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบา
ในตอนนั้นเองเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของนางที่จ้องมาอย่างเชือดเฉือน ด้วยความตื่นตระหนก เขาครุ่นคิดในใจ ‘บ้าฉิบ ดูเหมือนนางจะแค่แกล้งทำเป็นจำเราไม่ได้’
เมื่อผู้อื่นสังเกตได้ว่า เซี่ยงเส้าหยุนจ้องมองผู้มาใหม่อย่างไม่กระพริบตา หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยคำดูถูกความไร้ยางอายนี้ เป็นเรื่องปกติหากบุรุษจะจ้องมองสตรี แต่นี่มันโจ่งแจ้งเกินไป
“อะแฮ่ม เซี่ยงเส้าหยุน นั่งก่อนเถิด” หยางเกาฉวยกล่าว เพื่อเรียกความสนใจของทุกคน
“ขะ ขอรับ” เซี่ยงเส้าหยุนตอบ เขาฟื้นคืนสติ และเดินไปนั่งยังที่ว่าง
เมื่อนั่งลงแล้ว มีผู้เยาว์คนหนึ่งกล่าวอย่างไม่ยืนดี “ท่านเจ้าตำหนัก ข้าไม่ยอมรับ เหตุใดเขาจึงได้นั่งในขณะที่เราต้องยืนด้วยเล่า?”
เซี่ยงเส้าหยุนตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เซี่ยงเส้าหยุนได้สร้างผลงานให้แก่ตำหนักยุทธ์ จึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถนั่งได้” หยางเกาฉวนตอบ เขาได้ทราบเรื่องจากผู้อาวุโสเจิ้นเผิงแล้ว ด้วยเซี่ยงเส้าหยุนเป็นเหตุผลให้ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงบรรลุระดับราชา ความสำเร็จนั่นถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม
“ผลงานอะไรกัน? ท่านเจ้าตำหนัก โปรดบอกมา บางทีพวกเราอาจทำได้เช่นกัน” ผู้เยาว์กล่าว เขาคือเยี่ยเทียนหลง ศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสที่หนึ่งนั่นเอง และยังเป็นยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นเจ็ด
ในวันที่เยี่ยเทียนหลงได้กลับมายังตำหนักยุทธ์ เขาได้เห็นเซี่ยงเส้าหยุนเอาชนะหลี่เถียนปา และผู้อื่นได้ในสนามประลอง และยังไม่พอใจต่อเซี่ยงเส้าหยุนนับแต่นั้นมา เขาคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนเป็นภัยคุกคามมาโดยตลอด พูดตามตรง แท้จริงเขาแค่อิจฉาเซี่ยงเส้าหยุน
“นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” หยางเกาฉวนตำหนิอย่างไม่ยินดี ศิษย์ผู้นี้กล้าท้าทายเจ้าตำหนักเช่นเขาหรือ? เจ้าศิษย์ผู้นี้คิดว่าตนเองใหญ่มาจากไหนกัน
แต่เยี่ยเทียนหลงไม่เต็มใจจะปล่อยเรื่องนี้ไป “ท่านเจ้าตำหนัก พวกเราล้วนเป็นศิษย์ที่จงรักภักดีต่อตำหนักยุทธ์ ข้ามั่นใจว่าพวกเราทั้งหมดสามารถทำในสิ่งนั้นได้ โปรดบอกเราเถอะ ท่านเจ้าตำหนัก”
จากนั้นเขาจึงโค้งตัวลงจนสุดต่อหน้าหยางเกาฉวน และจากพฤติกรรมของเขาเอง ราวกับจะโค้งตัวจนกว่าจะได้คำตอบ
“อวดดีนัก!” ผู้อาวุโสที่หนึ่งตำหนิ
ผู้อาวุโสที่หนึ่ง เจียฉือ มีอิทธิพลในตำหนักยุทธ์ในฐานะเจ้าตำหนัก เขาดูราวกับชายวัยกลางคน แต่แท้จริงแล้วมีอายุถึงแปดสิบปี เป็นยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับแปรสภาพ และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในตำหนักยุทธ์ที่มีโอกาสก้าวสู่ระดับราชา
หยางเกาฉวนผายมือ และกล่าว “ผู้อาวุโสที่หนึ่ง นับจากที่เขาต้องการทราบ ข้าจะบอกเขาเอง” เขาจ้องมองตรงไปที่เยี่ยเทียนหลง และกล่าว “ขณะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรก เซี่ยงเส้าหยุนได้เอาชนะห้องแห่งจีดจำกัดตั้งแต่ห้องที่สาม ไปจนถึงห้องที่หก เจ้าสามารถทำเช่นนี้ในตอนที่มีระดับยุทธ์เท่าเขาได้ไหม?”
คำเหล่านั้น สร้างความตกใจต่อทุกผู้ที่ได้ฟัง
เยี่ยเทียนหลงก็ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าตกใจ ขณะตะโกน “ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้”
“อะไร นี่เจ้าจะกล่าวหาว่าข้าพูดปดหรือ?” หยางเกาฉวนขมวดคิ้ว
“ไม่ขอรับ ศิษย์ไม่กล้า” เยี่ยเทียนหลงรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ยังไม่ใช่แค่นั้น เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนยังเป็นศิษย์ระดับพื้นฐาน เขายังสามารถเอาชนะห้องแห่งขีดจำกัดห้องแรก และห้องที่สองได้ และสามวันที่ผ่านมานั้น เขายังสามารถเอาชนะห้องที่เจ็ด แปด และเก้าได้อีกด้วย ซึ่งตอนนี้เจาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสี่เท่านั้น เจ้าคิดว่าตนเองสามารถทำได้เช่นเขาหรือไม่?” หยางเกาฉวนถามกลับ