บทที่ 22 เคานต์แดร็กคิวล่า
บทที่ 22 เคานต์แดร็กคิวล่า
เหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงต้องการอัญเชิญปีศาจอยู่เสมอ?
นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็มีความต้องการและความปรารถนาไม่ว่าจะเพื่อพลังอำนาจหรือจ้องการคงความเยาว์วัยไปชั่วนิรันดร์ พวกเขามักจะมองหาวิธีที่จะบรรลุในสิ่งที่พวกเขาปรารณนาอยู่เสมอซึ่งสิ่งเหล่านี้มักไม่มีทางเป็นไปได้ในทางปกต ดังนั้นการอัญเชิญปีศาจจึงถือกำเนิดขึ้น
โดยพื้นฐานทั่วไปแล้วเหล่าผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการอัญเชิญปีศาจมักไม่ใช่คนดีอะไร คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์คงไม่คิดที่จะขอความช่วยเหลือจากปีศาจดังนั้น ในทางตรงข้ามคงเป็นเฉพาะผู้ที่จิตใจคดโกงและมีจิตชั่วร้ายโดยธรรมชาติเท่านั้นที่จะหากทางติดต่อเพื่อขายวิญญาณให้กับเหล่าปีศาจที่มีชื่อเสียงในเรื่องที่ชั่วร้าย
ลูเซียสเป็นคนจำพวกหลังซึ่งแม้แต่รอยที่เป็นปีศาจก็ยังรู้สึกรังเกลียดเขา
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเหล่าปีศาจต้องการคนชั่วช้าอย่างลูเซียส นี่เป็นเพราะการเซ็นสัญญากับพวกเขาคือการรับประกันว่าปีศาจจะยังคงสามารถปรากฏตัวอยู่ในโลกอื่นๆได้
รอยต้องการเวลาที่จะอยู่ในโลกแห่งนี้ต่อไปเพื่ออกสำรวจสิ่งต่างๆ แต่เขาไม่สามารถยอมรับคำขอของลูเซียสได้ทั้งหมดเขาจึงจงใจพูดหลอกลวงเพื่อชักจูงลูเซียสให้เปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา ตอนนี้รอยเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมในหลายศาสนาจึงมักเชื่อมโยงปีศาจเข้ากับการโกหกและการหลอกลวง ปีศาจไม่ได้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ตนแต่เหล่าปีศาจจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เมื่อได้ติดต่อกับผู้คนที่โลภมากเกินไป!
รอยรู้สึกว่าลูเซียสควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณเขามากกว่า เพราะถ้าหากรอยได้เป็นคนกำจัดปีศาจน้อยอวดดีตัวนั้นและปล่อยให้มันตอบสนองต่อการอัญเชิญจากลูเซียส และเมื่อคนของเขาได้พบกับปีศาจน้อยตัวนั้นเข้าละก็
ในเวลานั้นลูเซียสและคนที่เหลือที่ใช้เลือดเนื้อเป็นเครื่องบูชาเพียงน้อยนิด กลุ่มคนน่าสมเพชที่ลังเลแม้แต่การขายวิญญาณของตัวเองและมอบความภักดีเพียงเล็กน้อย แต่ก็กล้าหาญพอที่จะร้องขอชีวิตนิรันดร์และอยากเป็นผู้ควบคุมโลก ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าปีศาจน้อยอวดดีตัวนั้นคงโกรธมากพอที่จะฉีกพวกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหากว่ามันพบเจอกับเรื่องตลกเช่นนี้!
คุณไม่ควรสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะแม้แต่ปีศาจตัวเล็กๆก็มีพลังมากกว่ามนุษย์ทั่วไปมากมายนัก การฆ่าลูเซียสและคนอื่นๆคงเป็นไปอย่างง่ายดายสำหรับมัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อัญเชิญจะได้รับผลกระทบที่โชดร้ายจากการอัญเชิญปีศาจเนื่องจากปีศาจส่วนใหญ่มีนิสัยชื่นชอบความรุนแรง เมื่อปีศาจพบว่าตนไม่สามารถทำสัญญาได้พวกเขาก็จะไม่ลังเลที่จะฆ่าผู้อัญเชิญและกลืนวิญญาณของพวกเขาแทน ดังนั้นถ้าหากผู้อัญเชิญไม่มีความแข็งแกร่งในการป้องกันตัวเองจากปีศาจหรือมอนเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมามันจะกลายเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
ในกรณีนี้อาจมีเพียงรอยเท่านั้นที่อดทนรอและพูดคุยหลอกล่อเพื่อให้ลูเซียสแก้ไขสัญญา
ในอบีสโลกของเหล่าปีศาจนั้นปีศาจต่างเผ่าพันธ์ุก็ถือว่าปีศาจเช่นเดียวกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือปีศาจบางตัวที่มีสติปัญญาสูงกว่ามักจะเรียนรู้วิธีใช้กลยุทธ์แทนที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ปีศาจที่มีเหตุผลและพูดคุยได้มนุษย์จึงเรียกพวกมันว่าปีศาจ พูดอย่างเคร่งครัดรอยอาจเรียกได้ว่าเป็นปีศาจในความหมายของมนุษย์เช่นเดียวกัน
ช่วงเวลาที่ลูเซียสเปลี่ยนความปรารถนาส่งผลให้ถ้อยคำของสัญญาปีศาจเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ รายละเอียดของสัญญาคือลูเซียสจะมอบวิญญาณที่มีคุณภาพจำนวนหนึ่งร้อยดวงให้แก่รอย ในทางกลับกันรอยก็จะทำตามสัญญาและมอบอายุขัยให้กับลูเซียสเป็นเวลาร้อยปี สัญญาของรอยไม่มีกำหนดเวลานั่นหมายความว่าจนกว่าลูเซียสจะมอบวิญญาณครบร้อยดวงให้กับรอยตามสัญญา ในช่วงเวลานี้รอยสามารถใช้อำนาจจากสัญญานี้เพื่อต่อต้านการขับไล่จากพลังของโลกได้
นั่นไม่ใช่ทั้งหมด รอยได้ปรับแต่งถ้อยคำเพื่อให้แน่ใจว่าเขาต้องการเพียงแค่ให้ลูเซียสมีอายุขัยร้อยปีไม่ใช่อีกร้อยปีของชีวิต เนื่องจากลูเซียสอายุได้สี่สิบแล้วรอยเพียงต้องการให้เขามีชีวิตไปอีกหกสิบปีเท่านั้นเขาจึงถือว่าสามารถทำตามสัญญาได้อย่างสมบูรณ์!
แม้ว่าลูเซียสจะสามารถมองเห็นสัญญาปีศาจแต่มันก็เป็นเพียงข้อตกลงระหว่างพวกเขาทั้งสอง สัญญาปีศาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของพลังงานที่สร้างขึ้นจากพลังของประตูนรก และเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับปีศาจโดยตรงดังนั้นลูเซียสจึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าสัญญานั้นคืออะไร ลูเซียสทำได้เพียงจ้องมองสัญญาอย่างไม่เข้าใจ
ในที่สุดรอยก็ยื่นเล็บแวววาวออกมาและชี้ไปบนสัญญาเพื่อให้ลูเซียสเซ็น สัญญาฉบับนี้สมบูรณ์ทันทีเมื่อมีลายเซ็นของลูเซียส
รอยไม่จำเป็นต้องเซ็นเพราะชื่อของเขาปรากฏบนสัญญาปีศาจตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามมันไม่ได้แสดงชื่อปีศาจที่แท้จริงทั้งหมดของเขา แต่เป็นเพียงส่วนสุดท้ายของชื่อจริงของเขา "โอซิริส"
ทันทีที่ลูเซียสลงนามในสัญญามันก็ลุกเป็นไฟซึ่งแสดงว่าสัญญามีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ และความรู้สึกกดดันที่รอยประสบก็ค่อยจางหายไปอย่างช้าๆ
สิ่งที่ลูเซียสต้องเผชิญในวันนี้มีช่างน่าตื่นเต้นดังนั้นใบหน้าที่อ้วนของเขาจึงเต็มไปด้วยเหงื่อและคราบไขมัน ดวงตาของเขาฉายแสงเมื่อมองดูเปลวไฟค่อยๆกลืนสัญญาปีศาจพลางพึมพำออกมา
“เป็นไปได้จริงๆ มันเป็นไปได้จริงๆ! ในที่สุดข้าก็ได้เซ็นสัญญากับปีศาจได้แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ต้องหวาดกลัวแวมไพร์พวกนั้นอีกต่อไปแล้ว!”
ลูเซียสไม่ควรพูดออกมาดังๆแต่เขาเผลอโผล่งออกมาในระหว่างที่เขาตื่นเต้น แน่นอนว่ารอยได้ยินชัดและเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องนี้
“เจ้าหมายถึงผู้ใด? มีผู้อื่นได้เซ็นสัญญากับปีศาจอีกนอกจากเจ้าแล้วเรื่องนี่เกี่ยวข้องอะไรกับแวมไพร์”
ลูเซียสตื่นตระหนกกับท่าทางดุร้ายของรอยและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ลูเซียสลนลานคุกเข่าตอบอย่างหวาดกลัวว่า
“ใช่แล้วท่านจอมราชาปีศาจของข้า! ข้าน้อยหมายถึงพวกแวมไพร์นามว่าเคานต์แดร็กคิวล่า! มีข่าวลือในเมืองว่าเขาเป็นลูกชายของบรรพบุรุษตระกูลวิลลิส สี่ร้อยปีที่แล้วเขาได้กลายเป็นแวมไพร์และได้รับความแข็งแกร่งรวมถึงชีวิตนิรันดร์โดยการเซ็นสัญญากับปีศาจ”
แวมไพร์เคานต์แดร็กคิวล่า?? รอยตะลึงเมื่อได้ยินชื่อนี้
รอยยังคงสงบในขณะที่เขาถามอย่างติดตลกว่า
“โอ้? ดังนั้นในตอนแรกที่เจ้าถามถึงชีวิตนิรันดร์ เจ้าอยากเป็นแวมไพร์เช่นนั้นหรือ”
"ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างแน่นอนขอรับ" ลูเซียสรีบส่ายหัว “สิ่งมีชีวิตเช่นแวมไพร์นั้นเป็นสัตว์ประหลาด ข้าน้อยไม่อยากเป็นเช่นเดียวกับพวกมัน! ต่อให้เอาวิญญาณมาแลกยังจะดีเสียกว่า! ข้าไม่อยากถูกคริสตจักรตามล่าไปทั้งชีวิต”
รอยได้ยินคำที่น่าสนใจอีก คริสตจักร!
รอยเคยสงสัยว่าเขาถูกเรียกตัวผ่านประตูนรกไปยังสถานที่ที่คล้ายกับโลก ท้ายที่สุดเมื่อมองไปที่ลูเซียสและคนอื่นๆพวกเขาก็ดูคล้ายกับมนุษย์จากโลกเดิมของรอยจนเขาอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้ ทว่าหลังจากได้ยินคีย์เวิร์ดเช่น แวมไพร์ แดร็กคูล่า จนถึงคริสตจักร ความสงสัยของรอยก็เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
รอยตัดสินใจหาข้อมูลเพิ่มเติม
“เจ้าดูจะกลัวแวมไพร์มาก พวกมันทำร้ายพวกเจ้าหรือ?”
“ใช่แล้วนายท่านของข้า!” ลูเซียสหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาด้วยความกังวลและเช็ดเหงื่อที่ท้วมใบหน้าออก
“สี่ร้อยปีที่ผ่านมาเมืองของเราถูกผีดูดเลือดที่น่ารังเกรียจตามรังควานมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามช่วงแรกแดร็กคิวลาเป็นแวมไพร์เพียงตัวเดียวและโชคดีที่เขาไม่ต้องการเลือดมากจนเกินไป ด้วยจำนวนประชากรที่ไม่มากในเมืองจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหา อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเคานต์แดร็กคิวล่าได้รับเจ้าสาวแวมไพร์เพิ่มขึ้นมาอีกสามคนและการโจมตีของพวกเขานับวันก็เริ่มบ่อยขึ้น ทุกวันมีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากการดูดเลือดและจำนวนประชากรในเมืองก็ลดลงในตอนนี้เมืองกำลังจะล่มสลายแล้ว”
“แล้ว?เหตุใดเจ้าถึงไม่หนี” รอยถาม
"มันเป็นไปไม่ได้ขอรับ ผู้หลบหนีทั้งหมดล้วนถูกแดร็กคูล่าสังหาร เขาปฏิบัติต่อผู้คนในเมืองนี้เหมือนเป็นปศุสัตว์ของเขาแล้วเขาจะปล่อยเราไปได้อย่างไร” ลูเซียสอธิบายอย่างขมขื่น
“ยิ่งไปกว่านั้นเกือบทุกคนในเมืองล้วนแต่เปป็นคนยากจนและไม่มีเงินมากพอที่จะหลบหนีไปเมืองอื่น!”
“แต่เจ้าพูดถึงการมีอยู่ของคริสตจักร!” รอยเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆแต่ยังคงตรวจสอบต่อไป
“คริสตจักรอนุญาตให้แวมไพร์แสดงตัวอย่างเปิดเผยได้อย่างไร”
" ไม่ใช่เลยนายท่าน " ลูเซียสส่ายหัว
“เพราะหลังจากเคานต์แดร็กคิวล่ากลายเป็นแวมไพร์บรรพบุรุษของตระกูลวิลลิสก็ส่งคำตำหนิของพวกเขาไปยังคริสตจักร พวกเขายอมรับไม่ได้ที่จะให้ผู้อื่นลงมือฆ่าบุตรชายเพียงคนเดียวของพวกเขา ทว่าพวกเขาสาบานกับพระเจ้าว่าจนกว่าจะมีลูกหลานของพวกเขาจะกลับมาชำระคำสาปของเคานต์แดร็กคิวล่าด้วยน้ำมือตนเองได้แล้วละก็ หากทำไม่สำเร็จวิญญาณของบรรพบุรุษทั้งหมดจะไม่สามารถไปสู่สรวงสวรรค์ได้ เนื่องจากคำสาบานนี้คริสตจักรจึงยินยอมให้ครอบครัววิลลิสติดต่อกับแดร็กคิวล่าและไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆอีก”
“แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างไปแล้ว!” ลูเซียสพูดต่อ “ครอบครัววิลลิสพยายามหาทางฆ่าแดร็กคิวล่ามาสี่ร้อยปีแล้ว แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยและพวกเขาก็ตายด้วยน้ำมือของเขาทีละคน ครอบครัว วิลลิสที่เคยใหญ่โตค่อยๆลงจนเหลือสมาชิกเพียงสองคน เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ครอบครัววิลลิสจะหายไป หลังจากทราบเรื่องนี้คริสตจักรก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และเริ่มส่งคนมาจัดการในที่สุด!”
“ตั้งแต่คริสตจักรส่งคนมาแต่เจ้ายังกล้าเรียกหาปีศาจชังเป็นเรื่องที่น่าขันนัก” รอยหัวเราะ
“เจ้าไม่กลัวติดพันกับความตายเหรอ?”
ตอนนี้รอยเริ่มสงสัยว่าลูเซียสอาจกำลังพยายามที่จะล่อปีศาจเช่นเขาออกมาหรือไม่!
"ไม่ไม่! ท่านจอมปีศาจของข้าได้โปรดอย่าเข้าใจผิด!”
ลูเซียสสัมผัสได้ถึงข้อสงสัยของรอยและอธิบายด้วยความตื่นตระหนก
“ใช่แล้วคริสตจักรส่งคนมา แต่ท่านรู้หรือไหมว่าพวกเขาส่งใครมา? มันคือแวนเฮลซิ่ง! เขาเป็นสัตว์ประหลาดอีกตัวเช่นเดียวกับแวมไพร์! ผู้คนในเมืองไม่ต้องการให้เขามาช่วยเพราะถ้าหากแวนเฮลซิ่งผู้นั้นล้มเหลวเคานต์แดร็กคิวล่าจะระบายความโกรธของเขาต่อชาวเมืองและจะทำลายมันทั้งหมด! ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองหาความช่วยเหลือจากท่านจอมราชาปีศาจ”