บทที่ 269
ไม่ถึงสองลมหายใจเนี่ยฟงก็หายไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน หานป๋อรีบหันไปมองที่บริเวณศีรษะของมนุษย์หินก็พบเนี่ยฟงยืนจ้องมองวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองด้านหน้าอย่างไม่วางตา ประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือขวาทันใดนั้นเขาก็จ้วงแทงมือขวาไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทอง หลังจากนั้นก็ดึงมือขวาออกมาโดยทิ้งป้ายหยกเอาไว้ ไม่นานก็มีประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือขวาไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทอง อักษรด้านในค่อยๆกลายเป็นสีแดงอย่างช้าๆ หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวานำมีดสั้นสีดำออกมาถือเอาไว้ คมมีดกรีดไปที่ฝ่ามือซ้ายหลังจากนั้นก็ซัดมันไปที่ป้ายหยกตรงกลางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทอง เปรี้ยง เลือดสีแดงฉานกระจายไม่นานก็ถูกกลืนกินด้วยอักษรสีฟ้าภายในวงอักขระศักดิ์สิทธิ์
เวลาสองชั่วยามอรุณเริ่มลาลับขอบฟ้าเนี่ยฟงก็แสยะยิ้มพร้อมกับถีบเท้าถอยออกมาเสียงสะบัดมือดังแว่วทันใดนั้นวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าที่กดดันมนุษย์หินเอาไว้ก็จางหายไป มนุษย์หินเริ่มที่จะขยับตัวได้อีกครั้งทันทีที่มันเห็นเนี่ยฟงก็รีบคุกเข่าอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยวาจาบางอย่างออกมา เนี่ยฟงยกยิ้มพยักหน้าตอบรับหลังจากนั้นก็สะบัดมือขวามนุษย์หินก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว หลายคนถึงกับตื่นตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นจูคังที่เอ่ยวาจาออกมา
“เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรกับของพวกนี้”
เนี่ยฟงหันไปมองจูคัง
“เจ้านำไปแจกจ่ายเถอะ สำหรับข้าเพียงพอแล้ว”
จูคังขมวดคิ้วเดินเข้าไปตรวจสอบพวกคัมภีร์ที่เนี่ยฟงโยนกองเอาไว้ก็หาได้รับรู้ว่ามันคือคัมภีร์ยุทธแบบใดเพราะอ่านไม่ออกเขาจึงทำได้เพียงเลือกหยิบแก่นพลังปราณระดับสีดำธาตุสายลมเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นก็เดินไปบอกกล่าวแก่พวกหานป๋อ
“มนุษย์หินนั่นมันหายตัวไปได้อย่างไรกันเนี่ยฟง”
เนี่ยฟงหันไปมองด้านหลังก็พบเห็นหัวอิงที่เดินเข้ามา
“ข้าส่งมันไปยังที่ที่ควรอยู่แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ว่าแต่ภารกิจของเราเสร็จสิ้นแล้วจะทำอย่างไรต่อ”
หัวอิงได้แต่ส่ายศีรษะไปมา
“เรื่องนั้นข้าก็หาได้รับรู้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้ว
“พวกเจ้าไม่เคยออกไปทำภารกิจรึ”
“เคย เพียงแต่ว่าหยวนเจี้ยนจะเป็นคนจัดการทั้งหมด ตัวข้าเองก็หาได้ทราบว่าจะต่อทำสิ่งใดต่อ”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับหลังจากนั้นก็พุ่งทะยานไปยังซากศพของหยวนเจี้ยนรีบปลดแหวนออกมาตรวจสอบ เขานำของในแหวนออกมาทั้งหมดเพื่อตรวจสอบหัวอิงก็เข้ามารวมหาด้วยเช่นกัน ไม่นานเป็นหัวอิงที่สบถเสียงดังลั่นออกมา
“บัดซบ ไอ้สารเลวนั่น”
เนี่ยฟงหันไปมองหัวอิงที่ในมือถือจดหมายหนึ่งฉบับ
“มีสิ่งใดรึหัวอิง”
“เจ้าเอาไปอ่านเถอะแล้วจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด”
เมื่อเนี่ยฟงเปิดอ่านข้อความในจดหมายถึงกับตื่นตกใจ เพราะเนื้อหาด้านในเป็นการวางแผนสังหารตนเองโดยมีผู้มีอันดับจากเขตเจ็ดทั้งหมดว่าจ้างหยวนเจี้ยนให้มาสังหารตนเองรวมไปถึงคนจากเขตหนึ่งอีกหลายคน หนึ่งในนั้นก็มีชื่อของหัวอิงด้วยเช่นกัน เนี่ยฟงหันไปจ้องมองหัวอิงที่ตอนนี้โกรธจนหน้าแดงก่ำ
“เจ้าจะทำอย่างไรต่อหัวอิงหากกลับไปได้ ข้าจะร้องเรียนเรื่องนี้ให้แก่ผู้ปกครองเขต”
“แล้วเจ้าจะได้สิ่งใดกลับมา”
หัวอิงนิ่งค้างจ้องมองเนี่ยฟงด้วยความสงสัย
“เวลาที่เหลือเจ้านำกำลังคนของเราไล่ล่าสังหารพวกเขตเจ็ดให้หมดก็แล้วกัน ส่วนวิธีการกลับไป ข้าจัดการเอง”
“เจ้ารู้รึ ว่าต้องทำสิ่งใด”
“ข้าพอทราบว่าต้องทำสิ่งใด เจ้ารีบนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่ทุกคนเถอะ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
สิ้นเสียงกล่าวหัวอิงก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงก็ตรวจสอบของที่นำออกมา ไม่นานก็พบบางอย่างเป็นป้ายหินมีอักษรเขตสลักอยู่ส่วนอีกด้านเป็นอักษรหนึ่ง เนี่ยฟงทดสอบเร่งโคจรลมปราณไปที่ป้ายหินก็มีวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองปรากฏออกมา ชั่วน้ำเดือดก็ได้ยินเสียงเอ่ยวาจาดังแว่วออกมา
“ภารกิจเสร็จสิ้นแล้วใช่หรือไม่”
“เสร็จสิ้นแล้วขอรับ”
“แจ้งทำทุกคนให้ทราบอีกเจ็ดวันให้กลับมายังจุดเดิม”
หลังจากนั้นเสียงกล่าวที่ได้ยินก็จางหายไปพร้อมกับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทอง เนี่ยฟงหันไปตะโกนเสียงดังลั่น
“อีกเจ็ดวันจะมีคนมารับเราที่นี่ แต่ต้องไปยังจุดเดิมเร่งลงมือเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวเขาก็สะบัดมือขวาเก็บของที่เกลื่อนพื้นของหยวนเจี้ยนแล้วพุ่งทะยานติดตามหัวอิงอย่างรวดเร็วเพื่อติดตามสังหารคนของเขตเจ็ดที่แอบซ่อนอยู่บริเวณใกล้เคียง ไม่นานทั้งหมดก็ออกเดินทางกลับไปยังจุดเดิมที่มา รุ่งเช้าของวันที่เจ็ดวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าชั่วน้ำเดือดก็มีเรือขนาดใหญ่สองลำปรากฏออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทอง เนี่ยหรี่ตามองพบว่าเป็นเรือลำเดิมที่นั่งโดยสารมา เรือสองลำค่อยๆลอยลงมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากบนเรือ
“ขึ้นเรือเถอะ ถึงเวลากลับแล้ว”
หลายคนตะโกนโห่ร้องรีบพุ่งทะยานขึ้นไปบนเรือ ไม่ถึงครึ่งเค่อทั้งหมดก็ขึ้นมาบนเรือเหลือเพียงคนไม่ถึงครึ่งที่อยู่บนเรือ ทั้งหมดต่างก้าวเดินเข้ามากล่าววาจาของคุณเนี่ยฟงเป็นการใหญ่ แน่นอนทำให้ชายชราสวมชุดขวาถือไม้เท้าที่พบครึ่งแรกแปลกใจไม่น้อยเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานเรือลำใหญ่สองลำก็ค่อยๆลอยขึ้นบนท้องฟ้า เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่มันก่อตัวจนสำเร็จเรือทั้งสองลำก็พุ่งทะยานหายเข้าไปในวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทอง
ในระหว่างนั้นเองที่ห้องโถงในเขตปกครองของเขตเจ็ดชายชราผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่จ้องมองแผ่นป้ายหินในมือด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเอ่ยวาจาแว่วดังมาจากมุมมืดอีกฝั่งของห้อง
“เจ้าคิดทำสิ่งใดกันแน่ อู๋เมิ่งกวง”
ชายชราที่ถูกเรียกขานชื่อหันไปจ้องมองถึงกับตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว รีบลงไปคุกเข่าอย่างเร่งรีบพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาเสียงสั่นเครือ
“ท่าน ท่านเทพพยากรณ์จัวกุ๋ยกู่”
“เหอะ เจ้ายังรับรู้ถึงการมีตัวตนของข้ารึ ข้ากำลังถามเจ้าว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน”
“ข้า ข้าเพียงทำตามคำสั่งขอรับ”
จัวกุ๋ยกู่ถึงกับขมวดคิ้ว
“คำสั่ง คำสั่งผู้ใด”
“เป็นคำสั่งของคุณชายเวิ่นเทียนขอรับ ส่วนเป็นเพราะเหตุใดข้าไม่ทราบ เพียงแค่มีคำสั่งให้สังหารคนจากเขตหนึ่งทั้งหมดขอรับ”
จัวกุ๋ยกู่พยักหน้าตอบรับพร้อมกับยืนนิ่งครุ่นคิดบางอย่าง ในขณะนั้นเองอู๋เมิ่งกวงก็สะบัดมือขวานำจดหมายออกมายื่นให้แก่จัวกุ๋ยกู่
“หากท่านไม่เชื่อข้าเชิญอ่านข้อความในจดหมายนี้เถอะขอรับ”
จัวกุ๋ยกู่ยกมือขวาขึ้นมา
“ไม่ต้อง อีกอย่างเจ้าไม่ต้องเฝ้ารอการกลับมาของคนของเจ้าแล้ว คนพวกนั้นถูกสังหารหมดแล้ว เจ้าเตรียมกับแรงกดดันที่จะเปลี่ยนแปลงระดับความสามารถของเขตเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวจัวกุ๋ยกู่ยกยิ้มจ้องมองอู่เมิ่งกวงที่ตอนนี้นิ่งค้างก้มหน้ากำหมัดทั้งสองแน่น ไม่ถึงสองลมหายใจจัวกุ๋ยกู่ก็จางหายไปออกจากห้องโถงหลงเหลือเพียงความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณ
ทันทีที่เนี่ยฟงกลับมาก็เรียกตัวเข้าพบอย่างรวดเร็วโดยผู้ปกครองเขต จัวกุ๋ยกู่นั่งจ้องมองกระดองเต่าในมืออย่างไม่วางตา ไม่นานก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินผ่านม่านวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองออกมาพร้อมกับเอ่ยวาจาเสียงดัง
“คารวะท่านอาจารย์”
จัวกุ๋ยกู่เงยหน้าจากกระดองเต่าอย่างช้าๆ
“ระดับฝีมือเจ้ารุกหน้าขึ้นไม่น้อย จะเป็นการรบกวนหรือไม่หากข้าจะมอบหมายงานให้เจ้าหนึ่งชิ้น”
“งานใดขอรับ”
“ข้าจะเล่ารายละเอียดให้ฟังก็แล้วกัน อย่างที่เจ้าเคยทราบว่ายังคงมีพื้นที่รอบนอกอีกมากมาย งานที่ข้าจะมอบหมายให้เจ้าไปทำก็คือแผ่นดินที่เป็นที่อยู่ของอดีตเทพตกสวรรค์หลบหนีไปที่นั่นมากที่สุด ข้าให้เวลาเจ้านานตามที่เจ้าต้องการขอเพียงเจ้ากลายเป็นผู้นำของที่นั่น”
เนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองจัวกุ๋ยกู่ด้วยความตื่นตกใจ
“เพราะเหตุใดขอรับ”
“เจ้าคิดว่าเจ้าเพียงผู้เดียวจะโค่นล้มพวกเทพได้อย่างนั้นรึ”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้นขอรับ”
“ดีเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเตรียมตัว”
สิ้นเสียงกล่าวจัวกุ๋ยกู่ก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงพร้อมกับซัดฝ่ามือขวาไปที่หน้าอกอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง เนี่ยฟงค่อยๆร่วงลงไปนอนกับพื้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเอ่ยวาจาดังแว่วออกมา
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน”
“เวิ่นเทียนเริ่มลงมือแล้ว มันส่งจดหมายสั่งการให้สังหารคนจากเขตหนึ่งทั้งหมด เจ้าคิดว่าเขาทำไปเพื่อสิ่งใด”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เทพบัดซบพวกนั้นคงไม่ไว้ใจเจ้าแล้วตาเฒ่า เจ้าคิดที่จะให้ไอ้หนูนี่หลบหนีไปอยู่ที่นั่นรึ”
“ไม่ ข้าคิดว่าคงเป็นเวิ่นเทียนลงมือเพียงผู้เดียว”
“แล้วเจ้าจะแจ้งเรื่องนี้ให้แก่คนที่แคว้นหลี่หรือไม่”
“ไม่ต้อง เรื่องทั้งหมดข้าจัดการเอง ว่าแต่ตัวเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“เรื่องของข้าจัดการหมดสิ้นแล้ว วางใจเถอะข้าจะดูแลไอ้หนูนี่เอง เจ้าเตรียมพร้อมสำหรับความสนุกที่จะเกิดขึ้นที่นั่นเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวของลุ่ยกงทั้งสองก็หัวเราะเสียงดังลั่นทิ้งให้เนี่ยฟงนอนอยู่กับพื้นเช่นเดิม