บทที่ 16 กลิ่นหอมหวานของวิญญาณ
บทที่ 16 กลิ่นหอมหวานของวิญญาณ
รอยสรุปได้ว่าความคืบหน้าในการเพิ่มขึ้นพลังงานเวทย์มนตร์ส่วนใหญ่นั้นเกี่ยวข้องกับการเสพติดวิญญาณ
เขาสงสัยว่าทำไมปีศาจถึงชอบกลืนกินวิญญาณมากคงเพราะวิญญาณนั้นจะช่วยเพิ่มพลังเวทย์มนตร์ให้แก่พวกเขา มิฉะนั้นพวกปีศาจคงไม่คลั่งไคล้พวกมันเพียงเพราะรสนิยมส่วนตัว
ดังนั้นหลังจากการสรุปความคิดรอยจึงดึงดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ออกมาถือไว้ในมือ
ฉันควรมัน! คิดดูสิฉันได้ใช้ดวงวิญญาณทั้งหมดไประบบเพื่อการปรับเปลี่ยนร่างกายของฉัน แต่ยังไม่เคนได้ลิ้มรสชาติจริงๆของพวกมันเลยซักครั้ง วิญญาณดวงเล็กๆนี้มันอร่อยจริงๆเหรอ?
วิญญาณที่รอยเอาออกมานั้นเป็นดวงวิญญาณที่มีขนาดเล็กที่สุด น้ำลายไหลออกจากปากของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่จ้องมองจิตวิญญาณดวงเล็กในมือ ความปรารถนาที่รุนแรงนี่ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกับตอนที่เขาได้เห็นอาหารอร่อยในช่วงเวลาที่เขาเคยเป็นมนุษย์ รอยแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกินมัน!
รอยใช้แขนเช็ดน้ำลายลวกๆก่อนที่จะโยนลูกบอลแสงดวงนี้เข้าปาก
วิญญาณขนาดเท่าเม็ดถั่วละลายทันทีที่สัมผัสกับน้ำลายของเขา ไม่สิมันหายไปต่างหากน้ำลายของปีศาจสามารถย่อยสลายวิญญาณได้จริงๆ!
ในขณะเดียวกันรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างสุดพรรณนาที่ส่งมาจากลิ้นของรอย ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจของเขาเหมือนอยู่ในความสุขสุดขีด ร่างกายของเขาเหมือนจะกำลังหลั่งสารโดพามีนอย่างเมามันโดยที่สติของเขารวมถึงร่างกายราวกับว่ากำลังล่องลอย
เขาลอยกำลังลอยอยู่ในหมู่เมฆ
ความรู้สึกนี้ดำเนินไปอีกสักพักก่อนจะค่อยๆหายไป รอยค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆในขณะที่นึกถึงความรู้สึกสุดพรรณาที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งคิดถึงรสที่ค้างอยู่ในคอสมองของเขาก็ยิ่งส่งสัญญาณว่ามันต้องการมากขึ้น!
รอยกำลังตกอยู่ในมนต์สะกดเขาไม่สามารถหยุดตัวเองจากการเอาวิญญาณที่เหลือออกมากินได้ ทว่าโชคดีที่เขายังคงมีสติและกลับมาควบคุมตนเองได้เล็กน้อยเพื่อฝืนบังคับตัวเองให้ต่อต้านความกระหายต่อวิญญาณ
อะไรที่ใกล้เคียงกับสิ่งนี้! มันคือสิ่งเสพติดทว่ามันน่าดึงดูดกว่ามาก! รอยสัมผัสหน้าอกของเขาที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความรู้สึกหวาดกลัวหลังจากที่เขาได้สติกลับคืนมา
เมื่อรอยสงบลงเขาพบว่าวิญญาณที่เขาเพิ่งกินลงไปดูเหมือนว่าจะหายไปเกือบทั้งหมดและมีเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นความรู้สึกของความร้อนที่ไหลเวียน มันแพร่กระจายไปทุกส่วนของร่างกายของเขาก่อนและจากนั้นสุดท้ายมันก็ไหลไปรวมกันที่หัวใจของเขาและหยุดอยู่ที่นั่น
ความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อครู่น่าจะเป็นพลังเวทใช่หรือไม่ รอยนึกถึงประสบการณ์อีกครั้งเขายังไม่แน่ใจดังนั้นจึงเปิดหน้าต่างอินเทอร์เฟซระบบเพื่อตรวจสอบสเตตัสของเขา
รอยใช้พลังเวทที่เหลืออยู่ไปกับทักษะไซโคคิเนซิสจนหมด ดังนั้นตอนนี้ตัวนับพลังงานเวทย์มนต์คงเหลือคือ 0 (+0.3)!
สิ่งนี้หมายความว่าอะไร? การเพิ่มขึ้น 0.3 ของพลังงานเวทย์มนตร์เป็นสิ่งที่ค่อยๆฟื้นขึ้นมาเองอย่างช้าๆหรือมันเกิดจากการบริโภควิญญาณเมื่อกี้?
ถ้าเป็นอย่างหลังนั่นหมายความว่าวิญญาณที่กลืนกินสามารถปรับปรุงพลังเวทย์มนตร์ของได้จริงๆ นี่อาจไม่ใช่ข่าวดีสำหรับรอยเพราะนั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถพึ่งพาระบบเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทว่ายังคงต้องแบ่งส่วนมาเพื่อเพิ่มพลังงานเวทย์มนตร์ของเขาอีกส่วนหนึ่งซึ่งหมายความว่าเขาจะยิ่งต้องการจิตวิญญาณมากยิ่งกว่าเดิม
รอยไม่สามารถยอมรับความจริงที่เผชิญได้ ฉันต้องเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังในการเพิ่มขึ้นของพลังงานเวทย์มนตร์และคิดหาวิธีปรับปรุง ไม่งั้นชีวิตในอนาคตของฉันคงแย่ไปทั้งชีวิตจากการทำงานเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า!
รอยเปิดหน้าใหม่ที่ว่างเปล่าและเริ่มวาดภาพอีกครั้ง
สำหรับรอยการใช้วิญญาณในระบบนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการกินพวกมันโดยตรงเพื่อพัฒนาคุณสมบัติพลังงานเวทย์มนตร์ของเขา ทั้งสองแบบนั้นเผาผลาญวิญญาณเหมือนกันแต่ระบบนั้นพิเศษกว่ามาก มันสามารถนำมาซึ่งสิ่งต่างๆได้อย่างมหัศจรรย์อย่างเช่นกางเกงในตัวใหญ่ที่รอยกำลังวาดอยู่ตอนนี้!
ใช่กางเกงในตัวใหญ่! คุณอาจไม่เชื่อแต่รอยก็เปลือยกายมาตลอดตั้งแต่เขาเกิด!
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็วิญญาณส่วนเกินมากพอที่จะทำเสื้อผ้าสำหรับตัวเอง ก่อนหน้าเมื่อเขายังเป็นปีศาจตัวน้อยนั้นมันไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกมากนั้น แต่ตอนนี้จิตใจของรอยยอมรับไม่ได้อีกต่อไปเพราะว่าตอนนี้ร่างกายของเขาใหญ่ขึ้น! ความรู้สึกโล่งๆบริเวณช่วงร่างของเขามันไม่ได้วิเศษขนาดนั้น
รอยกำหนดสีของกางเกงในให้เข้ากับสีผิวของเขา ซึ่งทำมาจากผ้าฝ้ายแท้ที่ระบายอากาศได้ดีจนในที่สุดรอยก็สบายใจเสียที
แม้ว่ารอยจะคิดว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสได้ในการใช้งานน้องชายของเขาแต่การปกป้องมันก็เป็นสัญชาตญาณของผู้ชายทุกคนและแม้แต่ปีศาจก็ไม่มีข้อยกเว้น
นี่… ฉันคงเป็นปีศาจตัวแรกที่สวมกางเกงในชั้นบนของหุบเหวใช่มั้ย? รอยคิดขณะที่เขาบินออกไป
คราวนี้รอยกระพือปีกปีศาจของเขาและบินขึ้นสำรวจจากท้องฟ้าเบื้องบน
เหวนรกนี้กว้างใหญ่แค่ไหน? รอยไม่มีทางรู้ได้เลยแม้ว่าเขาจะตะเวนเดินทางไปหลายร้อยกิโลเมตร แต่อันที่จริงเขากลัวว่าจะไม่มีโอกาศได้เห็นเส้นขอบฟ้าแล้วนับประสาอะไรกับระดับล่างของเหว
ระหว่างที่รอยบินไปมาในอากาศเขาได้เห็นหลายฉากจากพื้นดิน อืม..มันคือศัตรูของเขา
ศัตรูของรอยบินมาหาเขาจากบนพื้นดินมันคือปีศาจประเภทนกผสมแมลงที่มีปีก อย่างไรก็ตามรอยสามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างสบายใจ ที-ไวรัสได้พัฒนาความแข็งแกร่งและความเร็วของรอยเป็นอย่างมากและมันก็มีแนวโน้มว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างช้าๆ
ปีศาจประเภทบินเหล่านี้ไม่มีความแข็งแกร่งมากนักดังนั้นเมื่อเขาเจอกับปีศาจพวกนี้รอยก็สามารถบดขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย หางและกรงเล็บอันแหลมคมของรอยสามารถฉีกร่างของพวกเขาได้ทันทีเมื่อถูกเขาจับตัวได้
ในขณะเดียวกันรอยยังได้เรียนรู้วิธีการล่าของปีศาจที่มีปีก เมื่อพบเหยื่อปรากฏตัวบนพื้นเขาจะดำดิ่งลงอย่างรวดเร็วและยังสามารถจัดการปีศาจขนาดใหญ่บางตัวได้โดยตรงด้วยผลกระทบจากแรงปะทะที่เพิ่มขึ้นจากการทิ้งตัวลง
เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของเขารอยจึงเลือกปีศาจที่โตเต็มวัยเป็นเป้าหมายในการตามล่าของเขา การต่อสู้กับปีศาจอันดับต้นๆนั้นน่าสนใจกว่าการกลั่นแกล้งผู้อ่อนแอและมันก็มีประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ของรอย
เมื่อเทียบกับปีศาจที่บินได้แล้วรอยถือว่าเขามีพละกำลังมากกว่าพวกมันหลายเท่า และเขาก็ยังมีข้อได้เปรียบจากการบินเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่ทรงพลังบนพื้นดิน เป็นผลให้ปีศาจที่ฉลาดบางตัวเลือกที่จะหลีกเลี่ยงรอยหลังจากที่รอยพิสูจน์พลังของเขาจากการฆ่าปีศาจระดับต่ำชั้นสูงได้สำเร็จ
บัดนี้รอยถือว่าเป็นทรราชในหมู่ปีศาจ เขาอาจจะกำจัดราชินีแมงมุงอารานิย่าได้เขามุ่งหน้ากลับไปหาเธอตอนนี้
อย่างไรก็ตามรอยไม่เลือกที่จะกลับไปเพราะการฆ่าอารานิย่าไม่ได้น่าดึงดูดสำหรับเขาอีกต่อไป นี่เป็นเพราะรอยค้นพบสิ่งหนึ่งเมื่อเขาได้รวบรวมวิญญาณได้เป็นจำนวนมาก นั่นคือคุณภาพของวิญญาณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิต
เขาได้ล่าปีศาจที่ทรงพลังในอันดับต้นๆทั้งหมดกว่ายี่สิบสามตัว แต่วิญญาณของพวกเขาล้วนเป็นวิญญาณคุณภาพต่ำเมื่อถูกประเมินจากระบบโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกมันมีขนาดใหญ่กว่าเป็นพิเศษเท่านั้นมันไม่ได้มีความพิเศษอื่นใดเพิ่มเติม
นอกจากนี้รอยไม่จำเป็นต้องใช้ถ้ำในการหลบซ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายอีกต่อไปเพราะตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเขาจะกลับไปฆ่าอารานิย่าเขาก็จะไม่ได้รับอะไรมากไปกว่าวิญญาณคุณภาพต่ำดวงหนึ่ง แถมการดำเนินการนี้จะใช้เวลามากและเขาต้องยอมทิ้งพื้นที่ที่เขาสำรวจมาเพื่อบินกลับไปเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร มันไม่คุ้มเลยเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่ว่าในกรณีใดรอยก็ยังคงอยู่ในระดับบนของอเวจีไปอีกระยะหนึ่งและเขาสามารถแก้แค้นอารานิย่าได้หากเธอยังคงไล่ตามหาเขา
ชีวิตในนรกชั้นบนนี้ช่างน่าเบื่อหน่ายสำหรับรอย และมันเหมือนกันสำหรับปีศาจเกือบทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ เวลาของพวกเขาหมดไปกับการต่อสู้และการล่าสัตว์ในทุกๆวัน รอยพยายามปรับตัวเข้ากับมัน เขาก็ทนได้ไม่นานนักหลังจากผ่านไปนาน รอยรู้สึกว่าเขาจะต้องกลายเป็นบ้าไปจริงๆถ้าเขายังใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป เขายังเคยคิดว่าควรจะแบ่งวิญญาณหนึ่งหรือสองดวงสำหรับใช้เขมือบทุกวันเป็นงานอดิเรก
และในวันหนึ่งขณะบินอยู่ในอากาศและรอให้ศัตรูวิ่งเข้ามาหาเขา จู่ๆรอยก็พบเห็นปีศาจหลายสิบตัวรวมตัวกันอยู่บริเวณลานโล่งที่อยู่ห่างออกไป
ไม่มีความขัดแย้งแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันและพวกเขาก็วิ่งไปในทิศทางเดียวกันด้วยท่าทางสิ้นหวัง!
สถานการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นและแม้แต่ปีศาจที่อยู่ในอากาศก็กระพือปีกไปในทิศทางเดียวกัน
ฉากนี้ทำให้รอยนึกถึงช่วงเวลาที่เขาเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ปีศาจจะทำเช่นนี้ภายใต้สถานการณ์พิเศษเท่านั้น
รอยขับไล่ความเบื่อหน่ายออกจากความคิดของเขาก่อนจะเปลี่ยนทิศทางและบินตามปีศาจตนอื่นไป
หลังจากบินไปได้ระยะหนึ่งเขาก็รับรู้ถึงกลิ่นหอมที่ไม่อาจพรรณนาได้มันทำให้รอยหลงใหลทันที
กลิ่นหอมนี้คล้ายกับกลิ่นของวิญญาณที่รอยกลืนกิน แต่เท่าทีรอยรู้คือกลิ่นหอมหวานของวิญญาณมันไม่เข้มข้นขนาดนั้นและเป็นไปไม่ได้ที่มันจะแพร่กระจายมาได้ในระยะไกล
นี่อาจเป็นกลิ่นหอมหวานของจิตวิญญาณคุณภาพสูงในไหม!รอยตระหนัก
รอยไม่รอที่จะพุ่งเข้าหามันอย่างสุดตัว