เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 139: อีหลิงป่วย 3
大姐大 บทที่ 139: อีหลิงป่วย 3
เมื่อพูดจบแล้วเจี่ยนหยู่หมินก็ฮัมเพลงให้เจี่ยนอีหลิงฟัง
เสียงของเจี่ยนหยู่หมินนั้นดี และเมื่อร้องเพลงก็ยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม
เขาเลือกเพลงที่มีเนื้อร้องฟังแล้วนุ่มนวลและมีเสน่ห์
เจี่ยนอีหลิงไม่มีเซลล์ดนตรีแม้แต่เซลล์เดียว แต่เธอรู้ว่าเพลงนี้เพราะมาก เหมือนกับน้ำอุ่นที่ไหลผ่านเข้าไปในใจของผู้คน
หลังจากที่ร้องเพลงจบแล้ว เจี่ยนหยู่หมินก็ยิ้มและกล่าวกับเจี่ยนอีหลิง “ฟังเพราะบ้างไหม พอที่จะเก็บเงินได้ไหม”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้าและถามว่า “เท่าไหร่เหรอ”
เจี่ยนหยู่หมินถึงกับผงะไปชั่วขณะ เขาเพียงพูดเล่นอย่างไม่ใส่ใจ แต่น้องสาวของเขากลับถามเขาว่าราคาเท่าไหร่ขึ้นมาจริงๆ
จริงๆมันมีราคาเท่าไหร่กันแน่ เจี่ยนหยู่หมินร้องเพลงครั้งหนึ่งจะได้เงินถึงหลายแสนหยวน
เจี่ยนหยู่หมินยิ้ม “น้องสาวพี่ พี่จะให้ส่วนลดเธอ แปดไคว้แปดสิบแปดเหมา* เลขมงคล ราคายุติธรรม เธอเห็นว่ายังไง”
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า จากนั้นจากนั้นก็ยื่นมือออกไปขอโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากเจี่ยนหยู่หมิน
“อย่าเล่นโทรศัพท์มือถือตอนนอน มันจะตกใส่หน้าได้” เจี่ยนหยู่หมินพูด
หลังจากที่เจี่ยนหยู่หมินพูดจบ เขาก็มองไปยังใบหน้าเล็กๆของเจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง แล้วก็ต้องยอมแพ้เธอ
ของใช้ส่วนตัวและของใช้ในชีวิตประจำวันของเจี่ยนอีหลิงก็ถูกแม่บ้านส่งมาหลังจากที่เจี่ยนอีหลิงมาถึงที่โรงพยาบาล รวมไปถึงโทรศัพท์มือถือของเจี่ยนอีหลิงด้วย
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็เพิ่มเจี่ยนหยู่หมินเป็นเพื่อนและส่งหงเปา(อั่งเปา)ให้กับเขา
เจี่ยนหยู่หมินคลิกไปที่หงเปา และก็มี 8.88 หยวน ซึ่งก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมายนักในนั้น
เจี่ยนหยู่หมินมองดูหงเปาและก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้น พี่ชายคนนี้จะร้องเพลงเพิ่มอีกสองสามเพลงให้กับเธอ เพื่อที่ว่าพี่ชายคนนี้จะได้หาเงินได้เยอะๆสำหรับเช้าวันนี้ไ
“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงตกลงกับข้อเสนอ
เจี่ยนหยู่หมินร้องเพลงให้เจี่ยนอีหลิงฟังต่อ
ทุกครั้งที่ร้องได้เพลงหนึ่ง เจี่ยนอีหลิงก็จะส่งหงเปาให้กับเขา 8.88 หยวน
เมื่อตอนที่ย่าเจี่ยนกับแม่บ้านกลับมาแล้วนั้น เจี่ยนหยู่หมินก็ได้รับหงเปาจากเจี่ยนอีหลิงไปห้าซองแล้ว
รวมรายได้ทั้งหมด 44.4 หยวน
ย่าเจี่ยนกับแม่บ้านนำอาหารมาเป็นจำนวนมาก มีโจ๊กขาวและก็ยังมีอย่างอื่นอีกมาก
“เธอชอบโจ๊กขาวหรือว่าโจ๊กลูกเดือย” เจี่ยนหยู่หมินถามเจี่ยนอีหลิง
ในเมื่อตอนนี้เธอสามารถทำได้เพียงดื่มโจ๊ก ตัวเลือกของเธอจึงมีเพียงระหว่างโจ๊กขาวกับโจ๊กลูกเดือย ส่วนอย่างอื่นนั้นเธอก็ได้แต่เพียงมองดู เธอจำเป็นต้องรอให้ตัวเธอเองอาการดีขึ้นเสียก่อนจึงจะสามารถทานอาหารอย่างอื่นได้
“โจ๊กลูกเดือย”
หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงได้เลือกแล้ว เจี่ยนหยู่หมินก็ยกเตียงของเจี่ยนอีหลิงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็นำเอาช้อนตักป้อนให้กับเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “ฉันกินเอง”
เจี่ยนอีหลิงไม่เคยถูกใครป้อนมาก่อน
“ถ้าเธอไม่สามารถถือมันไว้ให้มั่นจะเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็นปัญหาถ้าเธอทำหก ดังนั้นให้ฉันป้อนเธอจะปลอดภัยกว่า”
เจี่ยนหยู่หมินยืนยันว่าเขาจะป้อนเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมรับ และได้ดื่มโจ๊กลูกเดือยคำเล็กๆที่เจี่ยนหยู่หมินนำมาให้ที่ปาก
ในขณะที่กำลังทานโจ๊กอยู่นั้น เจี่ยนชูฉิง เวินน่วน เจี่ยนหยุ่นเฉิง และเจี่ยนหยุ่นน่าวก็มาถึง
ย่าเจี่ยนได้บอกพวกเขาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เวินน่วนเดินมาอย่างรวดเร็วที่เตียงและมองไปยังเจี่ยนอีหลิงที่มีใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เวินน่วนพูดว่า “เซี่ยวหลิง ลูกอาการดีขึ้นบ้างไหม”
เสียงของเวินน่วนนั้นสั่นเครือเล็กน้อย และน้ำตาก็ทะลักออกมาจากตาของเธอโดยไม่รู้ตัว
เจี่ยนชูฉิงและเจี่ยนหยุ่นเฉิงยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นไม่ได้เข้าไปข้างใน เขานั้นถูกเจี่ยนหยุ่นเฉิงขอให้รออยู่ที่ด้านนอกประตู
ขณะที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู เจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นมองดูเหตุการณ์ภายในห้องจากระยะห่าง และเขาก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที
เหมือนกับมีคำพูดของพี่ชายคนโตเจี่ยนหยุ่นเฉิงดังขึ้นมาที่ข้างหู
น้ำตาของแม่ ความเศร้าของพ่อ และ…
สายตาของเจี่ยนหยุ่นน่าวกวาดผ่านเจี่ยนอีหลิงไปโดยไม่ชะงักค้าง แต่เขาก็ยังเห็นใบหน้าเล็กๆที่ซีดเผือดนั้น