บทที่ 7 นรกอเวจีและหุบเหวไร้ก้นบึ้ง
บทที่ 7 นรกอเวจีและหุบเหวไร้ก้นบึ้ง
ปีศาจน้อยนับพันหลั่งไหลสู่ปากปล่องภูเขาไฟ ฉากนี้น่าตกใจเล็กน้อยแต่รอยก็ตระหนักว่าปีศาจตัวน้อยส่วนใหญ่ไม่ได้ปีนลึกลงไปถึงก้นบ่อแมกมา แต่พวกมันเหมือนกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างบริเวณผนังด้านในของปล่องภูเขาไฟ
ปีศาจเด็กเกาะตามผนังหินพลางใช้กรงเล็บเคาะเบาๆตามกำแพงหินคล้ายกับกำลังสำรวจหาบางสิ่ง และในขณะที่รอยกำลังงุนงงว่าพวกมันกำลังทำบ้าอะไรอยู่ปีศาจตัวน้อยที่มีปีกตัวหนึ่งก็กรีดร้องด้วยความยินดีจากนั้นก็เริ่มลงมือขุดตรงจุดที่เพิ่งเคาะเมื่อครู่
ที่แปลกประหลาดก็คือเหล่าปีศาจน้อยตัวอื่นๆต่างก็โห่ร้องวิ่งเฮโลเข้ามาช่วยกันขุดจริงๆ!
นี่เป็นฉากที่แปลกมากเป็นครั้งแรกเลยที่รอยเห็นพวกปีศาจตัวน้อยร่วมมือกัน!
ใช้เวลาไม่นานนักกลุ่มปีศาจตัวเล็กก็สามารถขุดเจอหลุมลึกหลุมหนึ่ง ทันทีที่หลุมนั้นปรากฏขึ้นเหล่าปีศาจตัวน้อยก็ส่งเสียงเชียร์ดังยิ่งกว่าเดิมและรุมล้อมกันอย่างยินดี!
บริเวณนี้มีหลุมมากกว่าหนึ่งปีศาจเด็กขุดหลุมไปทั่วผนังด้านในของปล่องภูเขาไฟและเมื่อมีตัวหนึ่งขุดเจอมันก็จะส่งเสียงเรียกปีศาจน้อยที่อยู่ใกล้ๆเข้ามาร่วมมือกัน
ในที่สุดรอยก็รู้ว่าหลุมที่ปีศาจเหล่านี้สร้างขึ้นนั้นคือจุดที่กลวงและเป็นจุดที่น้ำไปสู่เส้นทางเข้าสู่ด้านหลังของปากปล่องภูเขาไฟ!
จริงๆแล้วมีถ้ำมากมายนับไม่ถ้วนในภูเขาไฟแห่งนี้ แต่ทุกครั้งที่ภูเขาไฟเกิดปะทุขึ้นหินหนืดที่พลุ่งพล่านตามมาจากแรงระเบิดจะฉาบไปทั่งผนังซึ่งทำให้ปากถ้ำเหล่านี้ถูกปิดผนึกอีกครั้ง
พฤติกรรมการขุดถ้ำเช่นนี้ได้ถูกแกะสลักอยู่ในยีนปีศาจเกิดใหม่ทุกตัวมานานหลายล้านปีแล้ว
หลังจากเข้าใจถึงเหตุผลรอยก็ไม่ได้คิดอะไรอีก เขาตามกลุ่มปีศาจที่อยู่ด้านหน้าเพื่อช่วยกันขุดหลุมและตามฝูงชนวิ่งเข้าไปในถ้ำ
ปีศาจน้อยนับพันหายเข้าไปในถ้ำอย่างเป็นระเบียบเหมือนมดกลับรัง เสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่นานหลังจากที่เหล่าบรรดาปีศาจน้อยเบียดเสียดเข้าไปในถ้ำได้แล้ว หินหนืดร้อนทะลุจากชั้นล่างสุดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ด้วยความระมัดระวังอย่างมากรอยค่อยๆเดินตามปีศาจน้อยที่เริ่มสงบลง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาเขาต้องระวังต่อการลอบโจมตีจากปีศาจตัวเล็กตัวอื่นๆในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดแบบนี้ สิ่งที่แปลกก็คือความก้าวร้าวของปีศาจตัวน้อยเหล่านี้ลดลงอย่างมากหลังจากออกจากบริเวณชายหาดซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกมันฟักออกมา พวกมันต่างหาทางวิ่งเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดที่จะทำร้ายปีศาจตัวอื่นเลย
เมื่อภูเขาไฟระเบิดหินหนืดจำนวนมากก็ได้หลั่งไหลเข้ามาในหลุมที่พวกเขาเพิ่งขุดและมันก็ปิดปากหลุมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่มีปีศาจน้อยใกล้ๆตัวใดที่ได้รับบาดเจ็บจากหินหนืดที่เพิ่งไหลมาโดนเท้า รอยคิดว่าปีศาจตัวน้อยจะหยุดเมื่อหินหนืดหยุดไหลเข้ามาแต่พวกที่อยู่ข้างหน้าไม่ได้หยุดอย่างที่คิดและยังออกเดินหน้าต่อไป
รอยทำได้เพียงแค่เดินต่อไปข้างหน้าเพราะปีศาจตัวน้อยที่อยู่ข้างหลังเขาใช้มือของมันผลักและส่งเสียงขู่รอยที่ยืนหยุดขวางทางของของมัน
รอยไม่คาดคิดว่าถ้ำจะยาวขนาดนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้เดินมาไกลกว่าระยะทางจากชายหาดหลายเท่า
และตามความรู้สึกของรอยถ้ำดูเหมือนจะอยู่ในแนวลาดลึกลงไปทางใต้ดิน
นั่นหมายความว่ารอยกำลังเดินทางลึกลงไปยังใต้เปลือกโลก
รอยวิตกกังวลมาก เขาไม่รู้ว่าปีศาจน้อยเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าไปที่ใด แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าสถานที่ที่พวกเขามุ่งหน้าไปน่าจะเป็นที่ที่มีปีศาจอาศัยอยู่จริงหรือไม่
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานจู่ๆทางด้านหน้าก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงนั้นปีศาจตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มกระวนกระวายและรีบกู่กันตามออกไป รอยที่ถูกแรงส่งจากทางด้านหลังก็จำเป็นต้องเร่งความเร็วตามการเคลื่อนไหวของพวกมัน
ตามที่คาดไว้แสงจ้าปรากฏขึ้นจากด้านหน้า หลังจากที่เขาเดินในถ้ำเป็นเวลานานดวงตาของรอยก็ปรับตัวเข้ากับความมืดได้ดังนั้นแสงที่เขาเห็นจึงทำให้เขาต้องหลี่ตา
แต่ความจริงแล้วแสงที่ส่องมานั้นไม่สว่างเลย มันเป็นสีแดงสลัวและมาพร้อมกับคลื่นความร้อนที่พัดเข้ามาไม่หยุด
ในที่สุดรอยก็มาถึงทางออกมันเป็นปากถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เขาดูเล็กมาก อย่างไรก็ตามรอยไม่สามารถถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ในตอนนี้ แต่เขากลับมองด้วยความตกตะลึงในฉากที่ปรากฏต่อหน้าเขา
มันกลายเป็นโถงใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีแสงสลัวส่องออกมาจางๆ พื้นดินเป็นดินดำไหม้เกรียมและต้นไม้ในป่าก็ดูบิดเบี้ยวและเป็นสีดำไหม้เกรียมเช่นกัน ทางแม่น้ำสายใหญ่ที่เกิดจากลาวาไหลเอื่อยๆโดยธารน้ำลาวาหลายสิบแห่งไหลมาจากผนังถ้ำ พวกมันไหลลงจากที่สูงพร้อมกับปล่อยควันสีเขียวและเกิดประกายไฟเมื่อถูกกระตุ้นจากกระแสลมของโลกใต้ดินจึงส่งผลให้เกิดลมร้อนตามมา ลมร้อนพัดเอาเขม่าดำขึ้นมาจากพื้นและทำให้อากาศค่อนข้างสกปรก
นอกจากนี้ยังมีภูเขาหลายลูกซึ่งบางลูกก็สูงและต่ำ แต่ส่วนใหญ่มีสีและโทนเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่านี่คือโลกที่ผสมกันของสีดำและสีแดง ขี้เถ้าภูเขาไฟสีดำในขณะที่สีแดงคือสีแดงมาจากเปลวไฟร้อนของแมกมา
จากมุมมองปัจจุบันของรอยเขาสังเกตได้เพียงส่วนเล็กๆของโลกใต้ดินแห่งนี้ มีเส้นขอบฟ้าอยู่ไกลออกไปซึ่งรอยไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันใหญ่แค่ไหน ตามความเข้าใจของรอยโลกใต้ดินนี้ควรอยู่ใต้ก้นทะเลซึ่งเป็นโพรงที่เกิดขึ้นระหว่างเปลือกโลก ที่นี่มีท้องฟ้าทรงโดมที่รองรับโดยหินแข็งและพื้นดินก็ร้อนขึ้นจากแกนกลางซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพแวดล้อมมีอุณภูมิที่สูง
รอยรู้สึกเศร้าใจจากภายในเมื่อคิดว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในโลกที่เหมือนนรกเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อผิวหนังของร่างปีศาจของเขาสัมผัสได้ถึงอากาศที่ร้อนระอุในที่แห่งนี่ร่างกายของเขาเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความสุขและชวนให้เขากระโดดเข้าไปสำรวจโลกใต้ดินนี้ ความแตกต่างระหว่างความคิดและร่างกายของเขาทำให้เขาอยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
ปีศาจตัวน้อยที่อยู่ข้างหลังรอยเหมือนจะอดทนรอไปได้มันเลยปีนไปตามผนังถ้ำข้ามหัวของปีศาจตัวอื่นๆไป รอยยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่เขาจะถอนหายใจและเลียนแบบมัน
บางตัวที่มีปีกบินออกไปก่อนแล้ว ปีศาจน้อยนับแสนที่มาจากพื้นที่ฟักไข่หลั่งไหลออกมาจากถ้ำเหมือนมดและกระจัดกระจายสู่โลกใต้ดินนี้เป็นฉากที่น่าตื่นตาทีเดียว
พวกเขาไม่ใช่ปีศาจกลุ่มแรกที่เข้ามาในโลกใต้ดินและแน่นอนว่าไม่ใช่กลุ่มสุดท้าย มีปีศาจจำนวนเท่าใดที่อาศัยอยู่ในโลกใต้ดินแห่งนี้?และมีปีศาจมากเท่าใดที่โตเต็มวัย?
ทว่าสิ่งที่รอยซึ่งกำลังปีนลงไปตามผนังถ้ำไม่รู้ก็คือเขาได้มาถึงเพียงระดับชั้นบนสุดของหุบเหวนรกที่ไร้ก้นบึ้งที่เรียกว่าโลกปีศาจนั้นเอง
**ตอนก่อนหน้าค่อนข้างสั้นเลยขอแปลเพิ่มอีกตอนละกัน และก็มีเรื่องจะบอกเพื่อนทุกคนนะครับว่าวันพรุ่งนี้ผมจะเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว ช่วงสองสามวันนี้คงมีเวลาว่างไม่มากนักแต่ผมก็จะพยายามลงให้ได้วันละหนึ่งถึงสองตอนนะ