Chapter 42:ไอไก่อ่อน
หลังจากที่โอนเงินจากในบัตรธนาคารของพวก เย่ หยิงหยิง เข้าไปยังบัญชีของเขาแล้ว เสี่ยวหลัวตอนนี้เพียงกังวลเกี่ยวกับนาฬิกากาแลคซีสวิสโอเมก้าเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีมูลค่า 50,000 หยวน แต่ตอนนี้มันไม่มีค่าอะไรเลย ดูเหมือนว่ามันจะไม่มี "โรงรับจำนำ" อยู่แถวๆนี้ มันดีมากที่จะขายมันออกไป หากมันไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ มันก็ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
"ว้าว! นาฬิกาสวิสโอเมก้าสตาร์ ราคาอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 59,999 หยวน พี่หลัว พี่ไปเอาเจ้าสิ่งนี้มาจากที่ไหน"
จูเสี่ยวเฟย ผู้มีสายตาเฉียบคมในเรื่องของแบรนด์เนม เขาจำได้ในทันทีว่านาฬิกาที่อยู่ที่ข้อมือของเสี่ยวหลัวนั้นไม่ใช่ราคาถูกๆ มันเป็นนาฬิกาซีรี่ส์โอเมก้า ของสวิสตัวจริงเสียงจริง เขากลิ้งไปมาเหมือนลูกชิ้นม้วนตัวเกือบที่จะชนเสี่ยวหลัว เขาจ้องมองนาฬิกาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
"จะเอามาจากที่ไหนได้หละ พี่หลัวก็ต้องเป็นคนที่ซื้อมาแน่นอนอยู่แล้ว " เติ้งไค กล่าว
จูเสี่ยวเฟยจับมือของเสี่ยวหลัวแน่น เขามีความรู้สึกที่ชื่นชมเทิดทูลอยู่เต็มไปทั่วทั้งใบหน้าของเขา: "พี่หลัว จากนี้ไปพี่คือพ่อของผม!"
เสี่ยวหลัวรู้สึกพูดไม่ออกไปอยู่ครู่หนึ่ง: "อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของ เติ้งไคมัน ฉันชนะเดิมพันเมื่อวานนี้ไม่ได้ซื้อมา"
ชนะเดิมพันงั้นเหรอ?
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค มองหน้ากันมีความตกใจปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
เสี่ยวหลัว เล่าเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาให้ฟังคร่าวๆ แต่แน่นอนเขาพูดถึงแค่การแข่งขันสนุกเกอร์เท่านั้น เขาไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆ ที่เกิดขึ้น
“พระเจ้า พี่หลัว พี่เป็นตำนานที่มีชีวิต แม้แต่ในงานปาร์ตี้พี่ก็สามารถคว้ารางวัลที่มีมูลค่ากว่า 50,000 หยวนมาได้ หากพี่เข้าร่วมกิจกรรมที่ใหญ่กว่านี้ พี่จะไม่ชนะและเอาผู้หญิงสวยๆกลับมาเลยงั้นหรอ?” จูเสี่ยวเฟย ถามด้วยความประหลาดใจ
เสี่ยวหลัวไม่สนใจเขาและหันไปถามเติ้งไค “เติ้งไค นายรู้ไหมว่าฉันจะขายนาฬิกาเรือนนี้ได้ที่ไหน?”
“เรื่องง่ายๆ!”
เติ้งไค วางหนังสือของเขาและนั่งลงบนเตียง“ตอนนี้มีแพลตฟอร์มการซื้อขายของมือสองมากมายบนอินเทอร์เน็ต พี่เพียงแค่ต้องลงทะเบียนบัญชีและโพสต์ข้อความลงไปเท่านั้น จากนั้นก็รอให้ผู้ซื้อมาติดต่อ”
เสี่ยวหลัวขมวดคิ้วของเขา นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ตอนนี้อินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาขึ้นมามากแล้ว ใช้วิธีนี้เพื่อหาผู้ซื้อบนอินเทอร์เน็ตเป็นวิธีที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ทันทีที่เขาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เสี่ยวหลัวก็เลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้ามือสองและโพสต์ข้อมูลของนาฬิกากาแลคซีสวิสโอเมก้าราคา 49,000 หยวนลงไป
“คลาสเรียนภาษาอังกฤษจะเริ่มในอีก 15 นาที พี่หลัวไปกันเถอะ” เติ้งไค มองดูเวลาและกระโดดลุกขึ้นจากเตียงของเขา
…
เสี่ยวหลัวไม่สนใจที่จะเข้าคลาสเรียน “ฉันจะไม่ไปวันนี้ เสี่ยวจูช่วยฉันเช็คชื่อด้วย”
เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยเขาทำสิ่งนี้บ่อยๆ
เมื่อจูเสี่ยวเฟย ได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัวเขาก็อ้าปากค้าง
“พี่หลัวพี่ชายที่ดีของผม เราเป็นกลุ่มผู้ชายพวกเดียวในคราสเรียน ผมจะช่วยพี่ในการเช็คชื่อได้อย่างไร? มันชัดเจนมากถ้าเราคนใดคนหนึ่งไม่ได้อยู่ที่นั่น พวกผู้หญิงสามารถทำได้ แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้ชายพวกเดียวเราไม่สามารถที่จะทำได้”
เสี่ยวหลัวเขาหัวเราะเบาๆและตบไหล่ของจูเสี่ยวเฟย “อย่าจริงจังไปเลย ทำไมฉันถึงจะต้องโดดเรียนด้วยหละ ฉันแค่ล้อเล่น”
อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลัวกับมีรอยยิ้มที่ขมขื่นที่อยู่ภายในใจ ชูเยว่ นั้นลงเรียงภาษาอังกฤษระดับมืออาชีพ เสี่ยวหลัวไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ ตอนนี้เขาต้องเข้าเรียนทุกคลาส
......
เมื่อพวกเขาเดินไปถึงห้องเรียน ผู้ดูแล ฮวาง รั่วหราน ก็อยู่ที่นั่นแล้ว เธอชำเลืองมองทั้งสามคนขณะที่กำลังเช็ดกระดาน ถึงแม้ว่าอาจารย์ผู้สอนในวิทยาลัยส่วนใหญ่จะใช้สื่อมัลติมีเดียเป็นบทเรียน แต่บางครั้งพวกเขาก็ใช้ชอล์กแบบเก่าเพื่อเขียนและวาดภาพบนกระดาน เพื่อที่จะสื่อข้อความให้ได้ดีขึ้น
ทันทีที่เสี่ยวหลัวนั่งลง อันหวน ผู้ที่เพิ่งมาถึง ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาอย่างไร้ยางอายและนั่งลงข้างๆเขา
“เทพหลัว ฉันนั่งที่ตรงนี้ได้ไหม”
อันหวน แสดงรอยยิ้มที่เปล่งประกายที่น่ารักให้กับเสี่ยวหลัว
“ได้สิ แต่เธอช่วยนั่งให้ห่างออกไปหน่อยได้ไหม พวกเราจะได้มีพื้นที่มากขึ้น” เสี่ยวหลัวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"เทพหลัว อย่าทำอย่างนี้สิ ฉันชอบผู้ชายที่เป็นอย่างคุณ ฉันไม่ได้มาเพื่อเล่นสนุก"
อันหวน ขยับเข้ามาใกล้อย่างกล้าหาญ มันทำให้เสี่ยวหลัวรู้สึกซาบซ่าน ดวงตาที่สดใสของเธอสามารถล่อลวงวิญญาณของผู้คนได้
แม้ว่าเขาจะคุยกับ จ้าว เหมิ่งชี มาเป็นเวลากว่าสี่ปี แต่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาเสี่ยวหลัวก็ทำตามข้อตกลงที่เคยให้สัญญาไว้ และไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย ดังนั้นเขาจึงยังคงเป็นผู้บริสุทธ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่ายังเป็นพรหมจารีอยู่ ในขณะนี้จมูกของเขาได้กลิ่นหอมจางๆของ อันหวน ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก เสี่ยวหลัวกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากและรู้สึกว่าน้องชายของเขากำลังจะแสดงความกล้าหาญออกมา
อันหวนต้องการอะไรกันแน่?
เสี่ยวหลัวหันเหความสนใจของเขาอย่างรวดเร็ว ได้มีการกล่าวไว้ว่าแม้แต่ฮีโร่ก็ยังมีจุดอ่อนสำหรับเสน่ห์ของผู้หญิงที่สวยงาม เขาไม่เคยเชื่อมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว เมื่อถูกล่อลวงด้วยผู้หญิงที่มีเสน่ห์และเมื่อพวกเธอเข้าใกล้คุณ ผู้ชายคนไหนจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองทางสรีรวิทยา?
“เทพหลัว คุณสบายดีไหม? ทำไมหน้าคุณแดงๆ คุณไม่สบายหรือเปล่า?” อันหวน ถาม
อันหวน ถามอย่างเป็นความกังวลแล้วยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากของเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวลุกขึ้นและโบกมือ“อย่าแตะต้องฉัน อันหวน ฉันไม่ได้เป็นแฟนของเธอนะ”
เสี่ยวหลัวไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือเขาต้องการอย่างยิ่งที่จะย้ายไปยังที่นั่งอื่น
ทำไมเขาถึงตกใจขนาดนั้น?
ก็เพราะว่าเป้าของเขานั้นกำลังตั้งโด่เด่ เขาไม่สามารถที่จะลุกเปลี่ยนที่นั่งได้ เขาไม่ต้องการที่จะเดินไปและให้ผู้หญิงคนอื่นสังเกตเห็นไอจ้อนที่ตั้งโด่เด่ของเขา
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไคก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวหลัวพ่ายแพ้อย่างหมดหนทาง
“พี่หลัว ใครขอให้พี่เกิดมาหล่อขนาดนี้ ดูสิ! พี่ไม่สามารถกำจัดโชคแห่งความรักของพี่ได้” จูเสี่ยวเฟย จ้องมองพร้อมหัวเราะ
“มีอะไรกับความหล่อเหลาของพี่ชายของฉันกัน? เสี่ยวจูนายอย่าอิจฉาไปเลย ในหัวใจของนายกำลังเกิดความอิจฉาก็เพราะว่านายน่าเกลียดและไม่มีใครชอบนาย” เติ้งไค กล่าวประชดประชัน
จูเสี่ยวเฟยตอบโต้กลับในทันที“โทษทีนะ ทำไมนายถึงพูดเหมือนนายหล่อเหลาอะไรขนาดนั้นและมีผู้หญิงมากมายที่มาชอบนาย เราสองคนเป็นเพียงแค่พวกนก อย่ามาล้อเลียนกันจะได้ไหม?”
“ฉันจะไม่เป็นเหมือนนายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นายมันอ้วนเหมือนหมู”
“โธ่! ไอพ่อพระเอกAV นายต้องการที่จะต่อสู้กับฉันใช่ไหม? ฉันเคยบอกนายหรือเปล่าว่านายเป็นเหมือนกับลิง?”
“ลิงเป็นสัตว์ที่ฉลาด ฉันภูมิใจที่ได้เป็นเหมือนพวกมัน!”
“งั้นที่ฉันเป็นหมูล่ะ ร่างของหมูก็เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ เอวหมูหูหมูหางหมู มีตรงไหนกันที่ไม่อร่อย!”
...
เสี่ยวหลัวมองดูพวกเขาทั้งสองที่กำลังทะเลาะกัน และคิดว่าพวกเขาไม่มีอะไรทำที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ?
ในขณะนั้นอันหวน ก็ขยับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง เธอนั่งลงและลมหายใจที่หอมสดชื่นดั่งดอกกล้วยไม้ก็ถูกปล่อยออกมา“เทพหลัว ฉันกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าคุณ คุณกำลังไปที่ไหน?”
เสี่ยวหลัวไม่รู้จะพูดอะไร เขาไม่รู้จะจัดการกับ อันหวน คนนี้ได้อย่างไรในท้ายที่สุดเขาต้องพึ่งตัวเองงั้นเหรอ?
ไม่นานหลังจากนั้นชูเยว่ และ ไป่หลิง ก็มาถึงที่ห้องเรียนเช่นกัน
แม้ว่าพวกเธอจะได้รับการช่วยเหลือจาก โกหยาง แต่พวกเธอก็รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติอยู่เสมอ รูปร่างสลัวๆที่พวกเธอเห็นเมื่อคืนผ่านมานั้นคล้ายคลึงกับเสี่ยวหลัวมากเกินไป
“ไป่หลิงเธอใจนะว่าสิ่งที่เราเห็นเมื่อคืนนี้ตรงกัน?” ชูเยว่ จ้องมองไปที่เสี่ยวหลัว ใบหน้าที่น่ารักของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ไป่หลิงส่ายหัวของเธอ: "ไม่รู้สิมันอาจจะเป็นภาพลวงตาของเราก็ได้ แสงสว่างเมื่อคืนมันก็ไม่ค่อยดีนัก และเราก็ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยา มันเป็นไปได้ว่า พวกเราอาจจะเข้าใจผิดไปเองว่าคนคุ้มกันนั้นเป็นเสี่ยวหลัว"
"ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ฉันคิดว่าสำหรับเขาแล้วเขาอาจจะมีความสุขมาก ถ้าฉันถูกลักพาตัวไป ฉันจินตนาการภาพไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนที่ออกมาช่วยชีวิตฉันอย่างไร” ชูเยว่ กล่าวอย่างมั่นใจ
(ปล.ชื่อตอนตั้งเอาเองพระอยากด่าพระเอก!)