Chapter 37:ขอค้นตัว
ปั๊ก! เสียงของลูกคิวสีแดงและลูกคิวสีดำกลิ้งเข้าไปในหลุมดังขึ้นอย่างต่อเนื่องฟังเหมือนโน้ตของ บีโธเฟน ที่กระทบจิตใจของทุกคน
ในฐานะกรรมการผู้ตัดสินในเกมการแข่งขันครั้งนี้ เขาตั้งลูกคิวหลากสีใหม่อีกครั้งและคิดในใจว่า“ฉันตั้งลูกคิวมาหลายสิบลูกติดต่อกันเข้าไปแล้ว!”
ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากการแทงลูกคิวสีแดงสิบครั้งติดต่อกัน หลังจากที่แทงลูกคิวสีแดงเขาก็แทงลูกคิวสีดำต่อทุกครั้ง คะแนนของ เสี่ยวหลัว ตอนนี้นั้นน่าตกใจเป็นอย่างมากมันปาเข้าไปกว่า 40 คะแนนแล้ว
ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!
เสี่ยวหลัว ไม่สนใจการแสดงออกทางสีหน้าของทุกคน เขามัวแต่แทงลูกคิวอย่างตั้งใจ ความเร็วของการแทงของเขานั้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเล็งเลย แต่เขาก็สามารถแทงลูกคิวลงหลุมได้สำเร็จทุกครั้ง
ดวงตาของ เย่ หยิงหยิง เบิกกว้างดั่งไข่ห่าน เธอไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้อีกต่อไป
ฝาง ชูหลาน และ ฝู เจียเว่ย ต่างก็ตกตะลึงเหมือนกัน ใครจะรู้ว่าทักษะการเล่นสนุกเกอร์ของเสี่ยวหลัวนั้นจะอยู่ในระดับนี้ การเคลื่อนไหวของเขานั้นสง่างาม จังหวะและลักษณะท่าทางของเขานั้นไร้ที่ติ นี่คือคนที่เดียวกันที่แทงวืดในตอนเริ่มเกมแรกจริงๆงั้นเหรอ? มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้.
ชูเยว่ และ ไป่หลิง ที่อยู่ในที่ไกลต่างก็ตกตะลึงพวกเธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะมีทักษะการเล่นที่เก่งกาจขนาดนี้
20 ลูกติดต่อกัน!
30 ลูกติดต่อกัน!
จำนวนลูกบิลเลียดบนโต๊ะลดลงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหลัวกระแทกไม้คิวของเขาอย่างแรงในลูกคิวสีดำลูกสุดท้าย
ปั๊ก!
ลูกคิวสีดำกลิ้งลงไปในหลุม แสดงถึงการแทงครั้งที่ 32 ของเขาว่าจบลงแล้ว
เสี่ยวหลัววางไม้คิวลง
เขาเคลียร์โต๊ะแล้ว!
บนโต๊ะสนุกสะอาดหมดจด
ในขณะนั้นผู้คนพากันเงียบเสียงลง ได้ยินเพียงแต่เสียงลมที่พัดผ่าน ทุกคนเบิกตาของพวกเขากว้างของพวกเขาตกตะลึงอ้าปากค้าง ขณะที่พวกเขามองไปที่ลูกคิวสีขาวที่เหลืออยู่เพียงลูกเดียวบนโต๊ะสนุก พวกเขากำลังสงสัยอย่างแท้จริงว่า มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับดวงตาของพวกเขาหรือไม่พวกเขากำลังมองเห็นภาพลวงตาอยู่หรือเปล่า?
ฝู เจียเว่ย ขยี้ตาของเขาอย่างแรง จากนั้นเขาก็ถาม ฝาง ชูหลาน ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ทั้งหมด ... ทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย"
ฝาง ชูหลาน พยักหน้าราวกับเธอเป็นเครื่องจักรใบหน้าของเธอแข็งค้าง: "ทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง!"
เมื่อได้รับคำยืนยัน ฝู เจียเว่ย หน้าผากของเขาก็หลั่งเหงื่อเย็นไหลออกมา เขามองไปที่ เสี่ยวหลัว ที่ก่อนหน้านี้เอาชนะ ฝาง ชูหลาน ในการเต้นสตรีทแดนซ์ และตอนนี้เขาก็บดขยี้ เย่ หยิงหยิง ในการเล่นสนุกเกอร์ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้นั้นเป็นคนที่มาจากครอบครัวชาวนาธรรมดาๆ
"มันเป็นไปไม่ได้. มันเป็นไปได้อย่างไร? สิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้”
ใบหน้าของ เย่ หยิงหยิง เปลี่ยนเป็นขาวซีด ก่อนหน้านี้เธอยอมรับว่าเธอแพ้การแข่งขัน
แต่ตอนนี้เธอทำคะแนนได้เพียงสองคะแนน และเสี่ยวหลัวมีคะแนนรวมกว่า 141 คะแนน และจบเกมด้วยการล้างโต๊ะ นี่คือสนุกเกอร์ที่เธอรู้สึกภูมิใจมาตลอด แม้ว่าเธอจะต่อสู้กับพวกมืออาชีพเธอก็ไม่เคยพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชเช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอกลับพ่ายแพ้ต่อเสี่ยวหลัวอย่างหมดท่าได้อย่างไร?
ในใจของเธอว่างเปล่า ราวกับว่าความคิดทั้งหมดของเธอหลุดลอยหายออกไป
และคนที่ขู่ว่าจะตัดความเป็นลูกผู้ชายของเขาออกถ้าเสี่ยวหลัวเคลียร์โต๊ะได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอับอาย ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเหมือนก้นของลิงบาบูน และเขารู้สึกอยากจะฝังศีรษะของเขาลงไปในหลุมจริงๆ
เสี่ยวหลัวหยิบบัตรธนาคารทั้งสองใบ ขึ้นมาโดยไม่ลังเลและโบกมือให้กับ เย่ หยิงหยิง: "ขอบคุณนะ คุณเย่!"
เมื่อพูดเสร็จเขาก็หันหลังกลับและเตรียมตัวที่จะออกไปจากบ้านพัก
หัวใจของ ฝู เจียเว่ย ราวกับมีเลือดไหลซิบๆเพราะหนึ่งในนั้นคือบัตรธนาคารของเขา เมื่อเขาเห็นว่า เสี่ยวหลัว กำลังที่จะจากไปเขาก็ถามทันทีว่า“เสี่ยวหลัวพี่ชายของผม พี่จะไปไหน ปาร์ตี้ยังไม่สิ้นสุดเลย!”
“ฉันจะไปโอนเงินที่ตู้ ATM ที่อยู่ใกล้ๆ ฉันจะรู้สึกปลอดภัย หลังจากที่เงินเข้าสู่บัญชีของฉันเท่านั้น” เสี่ยวหลัวกล่าว
@ # &% ...
ฝู เจียเว่ย ต้องการที่ก่นด่าเขาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว การสูญเสียเงินมันทำให้เขารู้สึกแย่มาก มันรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมเมื่อคนที่ชนะเงินของเขากำลังยิ้้มให้เขาอย่างไร้เดียงสา เลือดของเขาราวกับกำลังเดือดพล่าน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงความสงบของเขาเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ฝาง ชูหลาน นั้นไม่ค่อยดีนัก เธอไม่สามารถอดทนรับความคำพูดที่ดูถูกถากถางของ เสี่ยวหลัวได้ เธอเย้ยหยัน“คุณกลัวว่าเราจะผิดคำพูดและแช่แข็งบัญชีงั้นเหรอ? อย่ากังวลไปเลยพวกเราไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก ฉันคิดว่านี่เป็นเพียงแค่การทำบุญให้กับพวกขอทาน!”
เธอรู้สึกโกรธจนจะเสียสติไปแล้ว
เมื่อผู้คนได้ยินคำพูดนั้น ทุกคนก็ขมวดคิ้ว ฝาง ชูหลาน นั้นทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย พวกเขาเป็นพวกที่มีสิทธิพิเศษ เธอไม่เพียงแต่พ่ายแพ้ต่อการแข่งขันเท่านั้น แต่ด้วยคำพูดนั้นของเธอมันทำให้เธอสูญเสียภาพลักษณ์ของเธอไปด้วย มองแบบผิวเผินมันอาจดูเหมือนว่าเธอน่าขายหน้า แต่ที่จริงแล้วเธอกำลังลดมาตรฐานของเธอลงและสาดน้ำสกปรกใส่ตัวเอง
เสี่ยวหลัวยิ้ม “คุณชู คุณเกิดมาในตระกูลที่มีความมั่งคั่งและสิทธิพิเศษ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องค่าขนมหรือเงินอะไรตั้งแต่วันที่คุณเกิดมา ฉันพนันได้เลยว่าเงินที่คุณใช้ไปกับเสื้อผ้าแบรนด์เนมและเครื่องประดับที่หรูหรา พวกนั้นเพียงพอที่จะเปิดร้านค้าได้เลย โชคดีที่คุณเกิดมาเป็นเช่นนั้น นี่คือสภาพโดยธรรมชาติของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่เหนือกว่า ที่จะมาดูถูกคนที่เกิดมาในครอบครัวสามัญ ชีวิตนั้นมีขึ้นและมีลง ฉันหมายถึงบางทีนะบางทีเมื่อเราพบกันในครั้งหน้า บางทีคุณอาจจะเป็นคนที่แหงนหน้าขึ้นมามองที่ฉันก็ได้”
คำพูดของเสี่ยวหลัวนั้นเจาะลึกเข้าไปในหัวใจของทุกคน การแสดงออกของพวกเขาแตกต่างกันออกไป บางคนก็ดูถูกเหยียดหยามเมื่อพวกเขามองเห็นว่าคำพูดของเสี่ยวหลัวนั้นเป็นเรื่องตลกในขณะนั้นก็มีบางคนที่ขมวดคิ้วของพวกเขาและตกอยู่ในการไตร่ตรอง
"ฉัน? แหงนหน้ามองขึ้นไปที่คุณ?”
ฝาง ชูหลาน หัวเราะเสียงดังและกล่าวอย่างเย้ยหยัน“คุณงั้นเหรอ? ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของทรัพยากรหรือคอนเน็กชั่น คุณคิดว่าฉันจะแย่ยิ่งกว่าคุณหลังจากที่เรียนจบงั้นเหรอ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำ” เสี่ยวกลัว กล่าว
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ไม่สนใจ ฝาง ชูหลาน อีกและเดินมุ่งหน้าออกไปนอกบ้านพัก
ฝาง ชูหลาน ขบฟันของเธอแล้วกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“ขอโทษนะครับ!”
ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก็เดินเข้ามาหาเสี่ยวหลัวและปิดกั้นเส้นทางของเขา
เสี่ยวหลัวขมวดคิ้วแล้วถามว่า "มีอะไรงั้นเหรอ?"
"เมื่อไม่นานมานี้ มีของมีค่า สูญหายไป" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวตอบ
"โอ้?"
เสี่ยวหลัวมองไปที่ ฝู เจียเว่ย "น้องเจียเว่ย มีของหายงั้นเหรอ?"
"ใช่มันมีค่อนข้างที่จะมีค่าทีเดียว" ฝู เจียเว่ย พยักหน้า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงกล่าวเพิ่มเติมว่า: "มันเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกเท่าไหร่ที่นายน้อยจะเป็นคนมาพูดเรื่องนี้กับคุณ ดังนั้นเราจึงมาพูดกับคุณแทน ทุกคนที่นี่มาจากภูมิหลังที่มีชื่อเสียงยกเว้นคุณ ดังนั้นความสงสัยจึงตกมาที่คุณเป็นอันดับแรก แน่นอนว่านี่อาจเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด คุณจะอนุญาตให้เราค้นตัวของคุณได้ไหมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองเสี่ยวหลัวอย่างดูหมิ่น
ไป่หลิง เธอหันหน้าไปทางชูเยว่แล้วถามว่า“ชูเยว่ นี่เป็นแผนที่สามของเธอหรือเปล่า?”
ชูเยว่พยักหน้า“ใช่!”
“สิ่งนี้มันมากเกินไปหรือเปล่า เธอไม่เพียงแต่ใส่ร้ายเสี่ยวหลัว แต่ตอนนี้เธอกำลังจะทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก” ไป่หลิง กล่าว
"ไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าเขาโกรธจริงๆ ฉันจะหาเวลาไปขอโทษเขาด้วยตัวเอง"
ชูเยว่ กัดริมฝีปากของเธอคิดว่าเธอมาไกลเกินที่จะถอยกลับไปได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะหยุดแผนการได้ หากแผนการของเธอถูกเปิดเผยเธอก็จะเป็นคนที่น่าอับอายแทน
“เธอทำให้เขาขายหน้าไปแล้ว ขอโทษแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา?”
ไป่หลิง มองเธออย่างไม่พอใจ “ฉันบังเอิญขึ้นเรือลำเดียวกับเธอไปแล้ว เสี่ยวหลัวจะปฏิบัติต่อฉันในฐานะคนเลวที่ทำให้เขาขายหน้า!”
“เฮ้ทำไมเธอถึงสนใจ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาคิดกับเธอมากขนาดนั้น”
ชูเยว่ กลอกตา ทันใดนั้นเธอเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เธอหายใจเข้าลึก และชี้ไปที่ ไป่หลิง ด้วยความหวาดกลัวและพูดว่า "ไป่หลิง อย่าบอกนะว่าเธอ….!”
“เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ฉันเพิ่งรู้จักเขามาได้ไม่ถึงสองวัน มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“เป็นไปได้อย่างไร ฉันเห็นใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง ฉันยังไม่ทันพูดเลยว่าเธอคือคนที่ชอบเขา”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ลืมมันไปเถอะ ฉันจะไม่คุยกับเธอแล้ว”
ไป่หลิงหันหน้าหนีไปด้วยความโกรธ