Chapter 30:แผนการ
หลังจากทำความรู้จักกับพวกเขา เสี่ยวหลัว ก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับ ฝู เจียเว่ย และพรรคของเขามากขึ้น พวกเขาเป็นเด็กที่มีฐานะร่ำรวยอย่าง ชูเยว่ และพวกเขาก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในหัวเย่ แต่พวกเขาอยู่ในมหาวิทยาลัยครูจงหัวซึ่งถูกคั่นกลางระหว่างทะเลสาบเทียม
เมื่อพวกเขารู้ว่าเสี่ยวหลัวมาจากครอบครัวชาวนาธรรมดาๆ ฝู เจียเว่ย ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง ก็หมดความสนใจในตัวเขาในทันที ความกระตือรือร้นของพวกเขาที่มีต่อเสี่ยวหลัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาดึงตัวชูเยว่และไป่หลิง ไปด้วยขณะที่พวกเขาไปหาเพื่อนคนอื่นๆเพื่อพูดคุยและดื่มกัน
ทุกคนที่มางานร่วมงานปาร์ตี้ในที่นี้เป็นพวกลูกหลานของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของ เจียงเฉิง พวกเขาควรสร้างเครือข่ายมากขึ้นในเวลานี้
เสี่ยวหลัวถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สิ่งเดียวที่เขาคิดอยู่ตอนนี้ก็คือเรื่องของกิน
เสี่ยวหลัวไม่ได้ทานข้าวเย็นดังนั้นกระเพาะของเขาจึงกำลังประท้วงเรียกร้องให้เขาไปหาอะไรกิน เสี่ยวหลัวจึงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยของหวานและผลไม้และเริ่มกินโดยไม่ลังเล ไม่ต้องพูดถึงรสชาติมันดีมากจนเขาไม่สามารถที่จะหยุดกินได้เลย
ชูเยว่,ฝู เจียเว่ย และเพื่อนของเขามองมาที่นี่จากในระยะไกล
“ราชินีชู ทำไมคุณถึงแนะนำคนแบบนี้เข้ามาในทีมของเรา? ดูสิว่าเขากินยังไงหยาบคายชะมัด เขาไม่ได้ดูดีมีสกุลเลย เมื่ออยู่กับเขาภาพลักษณ์ของทีมของเราจะต่ำลง” เย่ หยิงหยิง บ่นดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเสี่ยวหลัว
"เราทุกคนเป็นสมาชิกทีมเดียวกัน แต่เขาเป็นเพียงแค่เด็กยากจน ซึ่งไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นเพื่อนกับเรา ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้พวกเขาคงจะหัวเราะเยาะเราอย่างแน่นอน" ฝาง ชูหลาน พูดออกมาเช่นกัน
ในฐานะเจ้าของบ้าน ฝู เจียเว่ย ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เขาทำเพียงแค่มองไปที่ชูเยว่อย่างเงียบๆ เขาไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนที่พามาโดยชูเยว่ ก่อนที่เธอจะแสดงทัศนคติของเธออย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกันอยู่ในใจของเขาว่าเสี่ยวหลัวนั้นมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะมาที่นี่ก็ตาม
ไป่หลิง โต้เถียงปกป้อง เสี่ยวหลัว“มันมีอะไรผิดปกติ เกี่ยวกับวิธีการกินของเขากัน? ฉันคิดว่ามันก็ดีออก นอกจากนี้สถานะการทางการเงินของครอบครัวฉันก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน ตามที่พวกเธอพูด พวกเธอก็หมายความว่าฉันก็ไม่ควรที่จะมาอยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?”
“ไป่หลิง เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของราชินีชู ดังนั้นเธอจะเป็นเช่นเดียวกันกับเขาได้อย่างไร” เย่ หยิงหยิง กล่าว
“ถูกต้องแล้ว เขาก็คือเขาและเธอก็คือเธอ เขาจะมาเปรียบเทียบกับเธอได้อย่างไร? ดูสิว่าเขากินยังไง แล้วก็ดูสภาพของเขาสิอย่างกับพวกโจรที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกยังไงยังงั้น เขาไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเลยหรือไงนะ” ฝาง ชูหลาน กล่าวอย่างเย็นชา
ไป่หลิงเห็นแก่ชูเยว่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพื่อไม่ให้กระทบความรู้สึกระหว่างทุกคน แต่ในฐานะที่เธอก็เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดาๆเหมือนกัน เธอจึงรู้สึกว่าทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อเสี่ยวหลัวนั้นมากเกินไป
“ไม่มีทั้งนอกและในอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันพาเสี่ยวหลัวมาที่นี่ แต่พวกเธอกลับต้องการทำให้ฉันอับอายโดยการใส่ร้ายเขาแบบนี้งั้นเหรอ?”
ชูเยว่ พูดขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกของครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เธอก็รังเกียจวัฒนธรรมของวงใน ไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่มีไป่หลิง ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ
ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง พวกเขาค่อนข้างอับอาย พวกเขามองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าชูเยว่ จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงแบบนี้ เธอกลับวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเพราะคนยากจนคนนั้น
ฝู เจียเว่ย หัวเราะออกมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้“ราชินีชู กล่าวถูกต้องแล้ว ทุกคนเป็นนักศึกษา และพวกเธอเพียงกล่าวหยอกเล่นเท่านั้นใช่ไหม หยิงหยิง,ชูหลาน ถ้าพวกเธอยังพูดถึงเสี่ยวหลัวแบบนี้อีกครั้งหละก็ ฉันก็จะต้องต่อว่าพวกเธอสักหน่อยแล้ว”
"เราพูดผิดไปแล้ว ราชินีชู อย่าโกรธพวกเราไปเลยนะ"
“ใช่แล้วเราแค่พูดออกไปมั่วๆ ชูเยว่เธอไม่ต้องถือเป็นจริงเป็นจังไปก็ได้”
เย่ หยิงหยิง และ ฝาง ชูหลาน เปลี่ยนจุดยืนของพวกเธออย่างรวดเร็ว มันไม่คุ้มค่าที่จะไปโต้เถียงกับเธอเพราะไอเด็กยากจนนั่น
“ฉันไม่ได้โกรธ พวกเธอจะมาขอโทษฉันทำไม”
ชูเยว่ หันไปมองเสี่ยวหลัวด้วยดวงตาที่งดงามของเธอ“ฉันพาเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่งก็เพื่อให้พวกเธอได้ทำความรู้จักกับเขา และสองฉันอยากให้พวกเธอสั่งสอนบทเรียนให้กับเขา เพื่อที่จะให้เขาหยุดทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าฉัน”
“โอ้?”
ฝู เจียเว่ย,ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง มองหน้ากันพวกเขารู้สึกสนใจในเรื่องนี้
ชูเยว่กวักมือเรียกพวกเขาทั้งสี่คนมารวมกันและพูดคุยกระซิบกันว่า นี่คือกลยุทธ์ที่ทำให้เสี่ยวหลัวจะต้องขายหน้าด้วยตัวของเขาเอง
ไป่หลิง มองไปที่เสี่ยวหลัวและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เธออดไม่ได้ที่จะเห็นใจเสี่ยวหลัว
......
เสียงเพลงเริ่มช้าลงและชายหนุ่มรูปหล่อและสาวสวยที่มาเข้าร่วมงานปาร์ตี้ วางแก้วไวน์ลง พวกเขาจับมือกันและไปที่ฟลอร์เต้นรำเพื่อเต้นรำด้วยกัน การเต้นรำบอลรูมเป็นการเต้นรำแบบคู่ชายและหญิง พวกเขาจะต้องจับมือของกันและกันในขณะที่แต่ละคนวางมือบนหลังมือของอีกฝ่าย พวกเขาจะแกว่งตัวเบาๆ ขณะที่หันหน้าเข้าหากันด้วยและจ้องมองหน้ากันด้วยความรักเหมือนคู่รักและหมุนตัวอย่างช้าๆ (เหมือนการเต้นตอนม.6อะ)
“พวกคนเหล่านี้ดูผ่อนคลายและสง่างามจริงๆ!”
เสี่ยวหลัวดื่มไวน์แดงหนึ่งแก้วในอึกเดียวแล้วหยิบเค้กเนยชิ้นหนึ่งขึ้นมา เขายกช้อนของเขาตักลงในเค้กแล้วส่งตรงไปที่ปากของเขา“นี่ก็ดีเช่นกัน พวกเขาเต้นและฉันก็กินอาหารของฉัน เรา” ค้นหาความสนใจของเราเองฮิฮิ….
เขาไม่สนใจการเต้น แต่เขาสนใจที่จะเป็นนักชิมต่อไป
“พี่เสี่ยวหลัวทำไมคุณถึงไม่ไปเต้นรำล่ะ” ในเวลานั้น ฝู เจียเว่ย ก็เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ฉันไม่รู้วิธีเต้นหรอก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… .. นั่นมันไม่สำคัญหรอกไม่มีใครเกิดมาแล้วก็รู้วิธีเต้นเลย เดี๋ยวผมจะให้ ชูหลาน เป็นคนสอนพี่เอง” ฝู เจียเว่ย โบกมือให้ ฝาง ชูหลาน
ทั้งหมดนี้ได้มีการพูดคุยกันมาล่วงหน้าแล้ว จุดประสงค์ก็คือการทำให้เสี่ยวหลัว อับอายและทำให้ชูเยว่บรรลุความปรารถนาของเธอ
ฝู เจียเว่ย กล่าวเสริมว่า“ชูหลาน นั้นเป็นปรมาจารย์ด้านการเต้นรำเลยหน่า”
“ขอโทษ ฉันไม่รู้วิธีเต้นจริงๆ”
เสี่ยวหลัวปฏิเสธมีอาหารอร่อยมากมายเขาจะไปเต้นโง่ๆ ได้อย่างไร
“ไม่เป็นไร พวกเราจะกลายเป็นพี่น้องที่ดีกันในอนาคตไม่ต้องเก้อเขินไปหรอก นอกจากนี้ ชูหลาน ก็ไม่ได้เป็นคนนอก พวกเราทุกคนต่างก็อยู่ในทีมเดียวมันไม่มีอะไรน่าอายหรอก” ฝู เจียเว่ย หัวเราะและตอบ
ฝาง ชูหลาน จ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวแล้วตะโกนว่า“มานี่มาถ้าคุณเป็นผู้ชายอย่ากลัวและดื้อรั้นไปเลย”
ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าเสี่ยวหลัวมาจากแวดวงเดียวกัน ดังนั้นทัศนคติของเธอที่มีต่อเสี่ยวหลัวจึงเป็นมิตรและสุภาพมาก แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ได้มีภูมิหลังอะไรซึ่งเขาเป็นเพียงแค่คนยากจนที่มาจากชนบทเธอจึงหยุดที่จะสุภาพกับเขา
คำพูดนี้เชื่อมโยงอย่างจริงจังเกี่ยวกับความเป็นลูกผู้ชายของเขา เสี่ยวหลัวที่เป็นลูกผู้ชายจึงไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาได้อีกต่อไป
เขาวางเค้กที่อยู่ในมือลง เสี่ยวหลัวปัดเศษผงออกจากมือของเขา จากนั้นเสี่ยวหลัวก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำ
ในขณะเดียวกันเสียงเตือนของระบบก็ดังขึ้นในใจของเขา“ติ้ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับความสามารถในการเต้น หัก 500 แต้ม!”
“ปลากินเหยื่อแล้ว”
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของ ฝู เจียเว่ย กว้างขึ้นอย่างเต็มที่และเขาแอบส่งสัญญาณOKไปที่ชูเยว่ ที่อยู่ในระยะไกล จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้DJเปิดเพลง
เมื่อ ฝาง ชูหลาน เริ่มเต้นรำบนฟลอร์เต้นรำที่ว่างเปล่าและกว้างขวาง ใครๆก็สามารถเห็นได้ว่าเธอมีจังหวะการเต้นที่คมชัดและแข็งแกร่งราวกับผู้ชาย มันเป็นเหมือนการเต้นรำสตรีทตามท้องถนน การเต้นของเธอเป็นที่ชื่นชอบและดึงดูดความสนใจทางสายตามาก ด้วยเสียงเพลงพลังสูงแบบไดนามิก เธอดูเหมือนจะกลายเป็นราชินีเต้นรำ ความงดงามทั้งหมดมารวมกันอยู่ในร่างกายของเธอซึ่งดึงดูดเสียงอุทานและเสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นจากแขกทั้งในและนอกฟลอร์เต้นรำ
"ถึงตาคุณแล้ว!"
หลังจากส่วนหนึ่งของการเต้นรำสตรีทตามท้องถนนเสร็จแล้ว ฝาง ชูหลาน ก็ตะโกนและพยักหน้าให้เสียวหลัว“มันไม่สำคัญว่าคุณจะรู้เรื่องการเต้นหรือไม่ มันเป็นเพียงการเต้นสตรีทตามท้องถนนตราบใดที่คุณเต้นตามจังหวะ คุณก็จะแสดงความน่าหลงใหลออกมาได้”
“มันง่ายมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสี่ยวหลัวยิ้มขณะที่เขาพิจารณา
“มันง่ายมาก” ฝาง ชูหลาน พยักหน้า
อย่างไรก็ตามเธอก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ“มันง่ายนรกสิ เพียงโบกแขนขาของคุณและทำตัวเหมือนตัวตลกและสร้างความอับอายให้กับตัวเอง คุณเป็นคนบ้านนอกที่ไม่ควรมาที่นี่!”
(ปล.การเต้นในเรื่องนี้คือสตรีทเเดนซ์นะครับ ความรู้ สตรีทเเดนซ์ พัฒนามาจากกลุ่มชนคนผิวดำตามเขตแหล่งชุมชนในอเมริกา มักจะเป็นผู้คิดค้นแนวการเต้นที่เร้าใจ และโดนใจวัยรุ่นไปทั่วโลก ซึ่งได้นำแนวการเต้นที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกผสมผสานเข้าด้วยกันแล้วนำมาวาดลวดลายลีลาท่าทางกันตามถนน โดยกลุ่มผิวดำเหล่านี้จะเปิดเพลงจากวิทยุที่พกพามาด้วยเสมอ เต้นกันอย่างสนุกสนาน เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่มคนผิวดำยังมีการชักชวน คนที่เดินอยู่ตามท้องถนนมาร่วมเต้นด้วยกัน Street Dance เป็นท่าเต้นที่ผสมผสานกับท่าเต้นรูปแบบต่างๆ ในขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น Break Dance, Popping, Locking, Hip Hop, และ Jazz Dance เคล็ดลับสำหรับผู้รักการเต้นแนวนี้ คือ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการออกแบบท่าให้แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร มีเอกลัษณ์เป็นของตัวเอง และได้รับการยอมรับในหมู่นักเต้นด้วยกัน)