ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 99 : ยกเลิกงาน
บทที่ 99 : ยกเลิกงาน
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูอานกับซันกูขับรถไปที่อุทยานแห่งชาติไป่เฉิง และวางแผนที่จะใช้เวลาในวันนี้อย่างมีความสุข
หลังจากเดินเล่นอยู่ในสวนแห่อุทายานแห่งชาติไป่เฉิงทั้งวัน ซูอานก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่สดชื่นยิ้มแย้ม
“สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลยทีเดียว อากาศช่างสดชื่นยิ่งนัก นับเป็นภูมิประเทศที่งดงามไม่น้อยอีกด้วย..”
“ที่นี่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปอดของเจียงโจวเชียวล่ะ! อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่คนเพิ่งฟื้นไข้มักจะมาเที่ยว และหลายคนถึงกับมาอยู่ที่นี่เพื่อพักฟื้นร่างกายก็มี..”
“อืมม.. เจ้าลองหาดูว่าในแถบนี้มีหมู่บ้านที่เงียบสงบอยู่บ้างหรือไม่?”
“คุณชายซู นี่ท่านต้องการที่จะมาสร้างค่ายกลกักเก็บพลังไว้แถบนี้งั้นรึ?” ซันกูเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง สถานที่เหมาะสมที่สุด ข้ายังไม่เห็นที่ใดเหมาะสมเท่าที่นี่!”
“ได้.. แล้วบ่าวจะหาเวลามาดูให้!” ซันกูตอบกลับไป
ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ในอุทยานอยู่นั้น ซูอานก็พบร้านนั่งดื่มแห่งหนึ่งที่ดูเตะตามากจนต้องเดินเข้าไปดู และระหว่างที่เดินเข้าไปนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“เหล่าฮั๋ว.. มีอะไรงั้นรึ?”
เหล่าฮั๋วหันไปมองหยวนหวู่เทียนที่ยังคงนั่งนิ่ง และหลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ เหล่าฮั๋วจึงพูดต่อว่า “ซูอาน วันนี้เธอไปไหนหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ข้ากำลังเดินเล่นอยู่ที่อุทยานแห่งชาติไป่เฉิง..”
“ฉันมีบางสิ่งจะบอกกับเธอ..”
“เจ้าพูดมาได้เลย!”
ซูอานสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงที่ระล้าระลังของชายชรา และกำลังรอฟังว่าเหล่าฮั๋วจะบอกอะไรกับตน
“ซูอาน ฉันอยากจบอกว่าการประลองครั้งนี้ เธอไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว!”
น้ำเสียงของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที “เหล่าฮั๋วนี่เจ้าหมายความเช่นใด?”
“ฉันจะพูดกับเขาเอง!”
หยวนหวู่เทียนพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์มาจากมือของเหล่าฮั๋ว “ฉันหยวนหวู่เทียนแห่งเจียงโจวพูด.. เธอกลับไปกินนมนอนอยู่ที่บ้านอีกสักสองสามปี แล้วค่อยมาคิดร่วมงานประลอง!”
น้ำเสียงของหยวนหวู่เทียนที่พูดกับซูอานนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน และบ่งบอกว่าไม่เห็นซูอานอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย..
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ ก็คงต้องโมโหมาก ซูอานเองก็เช่นกัน!
“หยวนหวู่เทียน?! เจ้าคือคนตระกูลหยวนงั้นรึ?!” ซูอานเอ่ยถามออกมาเพื่อความมั่นใจ
“เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว! ฉันคือผู้เฒ่าแห่งตระกูลหยวน และหยวนจิ่วซื่อก็เป็นหลานชายของฉันเอง!”
“อ่อ.. ข้าเข้าใจแล้ว!”
จากนั้นซูอานก็กดตัดสายทิ้งทันที เขาคร้านที่จะเสียเวลาสนทนาต่ออีก หลังจากที่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างแล้ว..
เขายังไม่นิ่งเฉยไม่ลงมือจัดการกับตระกูลหยวน แต่ตระกูลหยวนกับเริ่มที่จะข่มขู่เขาก่อนเช่นนี้ เรื่องราวนับว่าน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับซูอาน
“คุณชายซู เกิดเรื่องอะไรงั้นรึ?!” ซันกูเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของซูอานเย็นชามากยิ่งขึ้น
“ใครบางคนกำลังแย่งงานของข้าไปน่ะสิ!”
ซันกูได้ยินก็ถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันที และร้องตะโกนถามออกไปว่า “ใครกันที่ไม่กลัวตายเพียงนี้?”
“หยวนหวู่เทียน!” ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ห๊ะ?! หยวนหวู่เทียนงั้นรึ?!”
ซันกูร้องอุทานออกมาพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสี และสามคำนี้ก็ไม่ต่างจากชื่อของเทพเจ้าในความรู้สึกของซันกู มีนักยุทธในหลินโจวคนใดบ้างที่ไม่หวาดกลัวหยวนหวู่เทียนแห่งเจียงโจวผู้นี้!
“ข้าคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วเสียอีก!” ซันกูยังคงร้องถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เสียชีวิตอะไรกันเล่า? หากให้ข้าคาดเดา ที่คนผู้นี้หายเงียบไปนั้น ก็คงจะไปซุ่มฝึกวิชาลี้ลับบางอย่าง และคงต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าที่จะฝึกสำเร็จ!”
“คุณชายซู เช่นนี้แล้วเขาเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้วหรือยัง?” ซันกูเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“แน่นอน! แต่ต่อให้คนผู้นี้จะสามารถเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์มานานมากเพียงใด ก็หาใช่คู่ต่อสู้ของข้าไม่?”
แววตาของซูอานเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เวลานี้เขาเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียนแล้ว คนผู้นี้จึงไม่ต่างจากเด็กเพิ่งหัดพูดในสายตาของเขา ซูอานจึงไม่เห็นหยวนหวู่เทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำไป!
ขั้นปรมาจารย์แล้วอย่างไร.. ซูอานมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะหยวนหวู่เทียนได้อย่างแน่นอน!
“พรุ่งนี้การประลองคงจะน่าตื่นเต้นมาก พวกเราไปในฐานะคนดูกันดีกว่า!”
ซูอานกระดกแก้วไวน์ในมือขึ้นดื่ม พร้อมกับแววตาที่เย็นชายิ่งกว่าเดิม..
เขาจะต้องหาทางกำจัดตระกูลหยวน และจะต้องแก้แค้นที่คนตระกูลหยวนบังอาจส่งคนมาสังหารตน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสั่งสอนคนตระกูลหยวนให้หราบจำ!
จากนั้นก็มีข้อความส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของซูอาน และเมื่อเขาก้มลงดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเหล่าฮั๋ว เขาส่งข้อความมาบอกซูอานว่า เขายินดีจ่ายเงินชดเชยให้กับซูอานสองร้อยล้าน และหวังว่าซูอานจะไม่โกรธเขา..
ซูอานแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับพึมพำเบาๆ “เฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ไม่ต่างไม้เลื้อย ที่ใดให้ร่มเงาได้มากกว่า ก็เลื้อยไปที่นั่น!”
และครั้งนี้ ซูอานได้แต่คิดว่านับจากนี้เขากับเหล่าฮั๋วน่าจะแยกขาดจากกันเสียที บุญคุณที่เหล่าฮั๋วเคยมีให้เขา เขาก็ได้ทดแทนไปด้วยของเหลวพลังชีวิตขวดนั้นแล้ว นับจากนี้ไปหากพบเจอกัน ก็คงจะเป็นได้เพียงแค่คนแปลกหน้า..
จากนั้นซูอานจึงพิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า -เหล่าฮั๋ว เจ้าอย่าได้โง่ไปหน่อยเลย เงินจำนวนสองร้อยล้านนี้ เจ้าควรเก็บไว้ทำศพตัวเองจะดีกว่า!-
และเมื่อเหล่าฮั๋วเปิดข้อความนั้นอ่าน เขาก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี และรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก หยวนหวู่เทียนได้เห็นข้อความของซูอาน ก็ถึงกับเดือดดาลอย่างมาก และประกาศกร้าวว่า
“เด็กคนนี้อวดดีแล้วก็ยะโสโอหังเกินไปแล้ว! รอให้ฉันจัดการกับยู๋เวิ่นฉีก่อน จากนั้นค่อยฆ่ามัน!”
ทุกคนในห้องประชุมต่างพากันเห็นด้วย และสนับสนุนให้หยวนหวู่เทียนสังหารซูอานทิ้ง แต่เหล่าฮั๋วกลับรู้สึกลำบากใจ เพราะเขารู้ดีว่าซูอานนั้นก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ในเวลาเพียงแค่สั้นๆ แต่เขากลับสามารถพัฒนาพลังของตนเองจนเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้เช่นนี้..
เหล่าฮั๋วรู้สึกว่าการจะจัดการกับซูอานนั้นหาใช่สิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ อีกอย่าง.. ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับซูอานนั้น เขาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเลย แต่กลับรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอาวุโสผู้กร้านโลก ที่เหนือกว่าหยวนหวู่เทียนหลายเท่านัก!
“เรื่องนี้ค่อยปรึกษากันอีกครั้งจะดีกว่า..” เหล่าฮั๋วเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“เหล่าฮั๋ว คุณเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ดูหวาดกลัวเด็กนี่นัก?!”
“นั่นสิ! คุณดูหวาดกลัวจนผิดปกติ!”
ทุกคนในห้องต่างก็พากันตำหนิเหล่าฮั๋ว แต่ก็มีหลายคนที่เห็นด้วยกับเขา และได้อธิบายว่าซูอานนั้นก้าวหน้าได้รวดเร็วจนน่าประหลาด และไม่ควรที่จะประมาท แต่หยวนหวู่เทียนกลับพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ต่อให้เด็กนั่นจะก้าวหน้าได้รวดเร็วมากเพียงใด แต่ก็เป็นเพียงแค่นกที่เพิ่งหัดบิน มันจะบินสูงได้สักแค่ไหนกัน?”
“เอาล่ะ.. เรื่องนี้สรุปตามนี้ก็แล้วกัน! พรุ่งนี้ทุกคนตามไปดูฉันจัดการกับยู๋เวิ่นฉีได้! ส่วนเรื่องอื่นปล่อยไว้ก่อน เวลานี้พวกเราควรต้องโฟกัสที่เรื่องของยู๋เวิ่นฉีก่อน!”
หลังจากที่หยวนหวู่เทียนสรุป เหล่าฮั๋วก็พยักหน้าเห็นด้วย และปล่อยวางเรื่องอื่นทิ้งไปก่อน
…..
ทางด้านซูอานกับซันกูนั้น ทั้งคู่ยังคงนั่งดื่มอยู่ในร้านแห่งหนึ่งภายในอุทยานแห่งชาติไป่เฉิง แต่ดูเหมือนซูอานจะอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
“คุณชายซู ท่านไม่ควรประมาทหยวนหวู่เทียน เพราะแม้แต่ในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน ฝีมือของเขายังเป็นที่น่าหวาดกลัวมากนัก ไม่รู้ว่าเวลานี้...”
“ข้ารู้.. แต่ในสายตาของข้า มันก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น!”
สีหน้าของซันกูดูกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ในเมื่อซูอานไม่ใส่ใจกับคำเตือนของเขา เขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก จึงได้แต่นั่งดื่มเงียบๆเป็นเพื่อนซูอานเท่านั้น
ระหว่างนั้น.. มีเด็กหนุ่มสองคนที่แต่งตัวไม่เข้ากับยุคสมัยนักเดินเข้ามา พร้อมกับพูดจายะโสโอหังอย่างมาก
“เถ้าแก่.. วันนี้พวกเราเหมาทั้งร้าน ไล่แขกคนอื่นออกไปด้วย!”
เด็กหนุ่มผมสีฟ้าที่เดินเข้ามาคนแรกเป็นฝ่ายร้องตะโกนบอกเจ้าของร้าน จมูกของเขาเจาะเป็นรูและมีห่วงห้อยอยู่ ส่วนอีกคนที่เดินตามหลังมานั้น ก็จ้องมองแขกที่อยู่ในร้านด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มพูดจาโอหังอวดดีเช่นนี้ คนอื่นๆที่นั่งอยู่ในร้านต่างก็พากันลุกขึ้น พร้อมกับจ้องมองกลุ่มเด็กหนุ่มด้วยความโมโห
เจ้าของร้านถึงกับหน้าเสีย เพราะตั้งแต่เปิดร้านมาเขาเองก็ยังไม่เคยมีเรื่องกับลูกค้ามาก่อน อีกอย่างเขาเปิดร้านมาเพื่อค้าขาย หากให้ไล่ลูกค้าคนอื่นออกไป คงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำแน่…
อีกอย่าง เด็กหนุ่มสองคนนี้ก็ไม่ได้มีการจองเหมาร้านมาก่อนล่วงหน้า แต่พอมาถึงกลับจะให้เขาไล่แขกคนอื่นออกไป..
เด็กหนุ่มผมสีฟ้าหยิบบัตรเงินสดหนึ่งล้านหยวนออกมาโยนให้กับเจ้าของล้าน พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“หนึ่งล้านพอมั๊ย?”
แต่เมื่อเห็นเงินจำนวนเงิน เถ้าแก่ก็ถึงกับเปลี่ยนใจทันที เพราะเงินหนึ่งล้านนั้นเท่ากับกำไรของเขาทั้งปีเลยทีเดียว และเงินหนึ่งล้านนี้ก็ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะเชิญลูกค้าคนอื่นออกจากร้านทันที
“ผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ พอดีมีคนเหมาร้านแล้ว!”
และทันทีที่ได้ยินคำพูดของเถ้าแก่ร้าน กลุ่มคนที่ลุกขึ้นยืนก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เถ้าแก่.. คุณไม่หน้าเงินไปหน่อยเหรอ? พวกเรายังดื่มไม่เสร็จก็จะไล่เราออกจากร้านแล้ว!”
“ผมอุตส่าห์ขับรถมาจากหนานเฉิง แล้วก็มาเที่ยวที่นี่เป็นสิบๆปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นใครกร่างแบบนี้มาก่อนเลย!”
ชายหนุ่มกลุ่มนั้นต่างก็ชี้หน้าเถ้าแก่ร้านพร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้าด้วยความไม่พอใจ และบางคนก็ถึงกับเดินตรงเข้าไปหาเจ้าของร้านด้วยความไม่พอใจ
เถ้าแก่ร้านถึงกับเหงื่อตก และรีบร้องบอกทุกคนว่า “ก็ถ้าพวกคุณอยากจะดื่มต่อ ก็ไปจัดการกับเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นสิ ทำไมถึงได้มาโมโหใส่ผมแบบนี้ล่ะ?!”
เมื่อเด็กหนุ่มผมสีฟ้าเห็นเช่นนี้ จึงพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “หึ.. ดูเหมือนพวกขยะจะมีปัญหาสินะ?”
“เฮ้อ.. ฉันขอบอกไว้ก่อน พวกแกไม่คู่ควรที่จะมีเรื่องกับฉันเลยสักคน!”
“นี่แกกล้าเรียกพวกฉันว่าขยะเหรอ?!”
หนึ่งในกลุ่มชายที่นั่งดื่มก่อนหน้านี้ร้องตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มสีฟ้า และยกมือขึ้นชกใส่หน้าของเขาทันที
เด็กหนุ่มผมสีฟ้าเพียงแค่เอี้ยวตัวหลบ จากนั้นเด็กหนุ่มผมยาวที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ยกเท้าขึ้นถีบใส่ร่างของชายหนุ่มที่ตรงเข้าไปชกใส่เต็มแรง
เท้าของเด็กหนุ่มผมยาวกระแทกเข้ากับไหล่ขวาของชายหนุ่มอย่างแรง และร่างของเขาก็กระเด็นออกไปก่อนจะร่วงลงกับพื้น และกระดูกไหปลาร้าก็หักทันที!
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******