ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 100 : ล้วนแล้วแต่ขยะ
บทที่ 100 : ล้วนแล้วแต่ขยะ
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนแรกเพียงแค่ถูกเท้าของเด็กหนุ่มผมยาวเตะเข้าที่ไหล่ก็ถึงกับไหปลาล้าหักเช่นนี้ คนอื่นๆก็ถึงกับถอยกรูดทันที
จากนั้นเด็กหนุ่มผมยาวก็ได้พูดจาดูถูกเหยียดหยันออกมา “เฮ้อ.. ชาวเจียงโจวอย่างแก แค่จะเป็นคนรับใช้ชาวหนานฉีอย่างฉันยังไม่คู่ควรเลย!”
คำพูดของเด็กหนุ่มผมยาวนั้นเท่ากับดูถูกเหยียดหยาม และล่วงเกินชาวเจียงโจวอย่างมาก!
“นี่.. มันจะเกินไปแล้วนะ! ชาวหนานฉีใช่ว่าจะมาทำป่าเถื่อนในเจียงโจวยังไงก็ได้!”
หนึ่งในนั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห หลังจากที่ถูกเด็กหนุ่มชาวหนานฉีพูดจาดูถูกเหยียดหยามแบบนั้น
“ฉันพูดผิดตรงไหนกัน?” เด็กหนุ่มผมยาวเอ่ยถามขึ้น
“นี่เธอคงคิดว่าในเจียงโจวไม่มีคนมีฝีมือเลยสินะ?”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเจียงโจว และไม่อาจทนต่อคำดูถูกเหยียดหยามของเด็กหนุ่มได้ จึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องถามออกไป ท่าทางขององอาจไม่น้อยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มผมยาวยังคงส่ายหน้าพร้อมกับตอบชายวัยกลางคนไปว่า “แกเองก็ยังไม่คู่ควร!”
ชายวัยกลางคนจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ตอบโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ได้.. ฉันจะแสดงให้เธอดูว่าฉันคู่ควรหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นชาวเจียงโจวที่ฝึกวิชามวยใต้หนานเฉวียน เขากระโดดเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมยาว พร้อมกับพุ่งหมัดมวยใต้หนานเฉวียนที่แข็งแกร่งของตน เข้าใส่ร่างของเด็กหนุ่มผมยาวทันที
เด็กหนุ่มผมยาวยังคงนั่งจ้องมองอย่างสงบนิ่ง จนกระทั่งหมัดมวยใต้หนานเฉวียนพุ่งเข้ามาจวนจะถึงร่าง เขาจึงยกฝ่ามือของตนขึ้นรับหมัดของชายวัยกลางคนไว้ พร้อมกับใช้ฝ่ามือบีบกำปั้นไว้แน่น และชายวัยกลางคนก็ไม่สามารถดึงหมัดของตนเองกลับออกมาได้
ผู้ฝึกเพลงมวยใต้หนานเฉวียนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี และเหงื่อออกเต็มใบหน้า..
จากนั้นเด็กหนุ่มผมยาวก็จัดการบิดข้อมือข้างที่จับกำปั้นของชายวัยกลางคนที่ฝึกเพลงมวยใต้หนานเฉวียน พร้อมกับยกเท้าขึ้นเตะใส่ร่างของเขาจนลอยละลิ่วออกไปอีกคน
หลังจากร่างของชายวัยกลางคนลอยกระเด็นไปกระแทกกับโต๊ะ และเก้าอี้เป็นทางยาวแล้ว เขาก็ถึงกับกระอักเลือดออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสทันที!
เด็กหนุ่มผมยาวผู้นี้สามารถฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวทุกแขนงจนช่ำชอง สำหรับผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาได้จนถึงขั้นนี้ ก็เหลืออีกเพียงแค่หนึ่งก้าว ก็จะสามารถเข้าสู่การฝึกฝนเพื่อขึ้นเป็นผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์ได้..
และนั่นทำให้ชายวัยกลางคนที่ยังฝึกเพียงแค่เพลงมวยใต้หนานเฉวียนถึงกับงุนงง และตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอายุน้อยเพียงแค่นี้ จะสามารถช่ำชองศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงเช่นนี้ได้
ในขณะที่คนอื่นๆก็ได้แต่กล้ำกลืนความโกรธไว้ภายใน เพราะรู้ตัวว่าขืนดึงดันต่อไปก็คงมีแต่เจ็บตัวเท่านั้น
“เอาล่ะ ยังมีใครอยากจะลองดีกับฉันอีกมั๊ย? ถ้าไม่มีก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!”
ทันทีที่เด็กหนุ่มผมยาวพูดจบ คนเกือบทั้งร้านก็พากันวิ่งกรูออกไปทันที เหลือเพียงแค่กลุ่มนักยุทธชาวเจียงโจวกลุ่มหนึ่ง กับซูอานและซันกูที่ยังคงนั่งดื่มอยู่ในมุมร้านพร้อมกับคุยกันไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
“คุณชายซู ในเจียงโจวมีคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ก็มีไม่มากที่จะสามารถฝึกทุกแขนงจนช่ำชองได้”
“เจ้าคอยดู.. คนพวกนี้ต้องขายหน้ากลับไปแน่!”
ซันกูถึงกับชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “หมายความว่าเด็กนั่นแข็งแกร่งกว่านักยุทธกลุ่มนี้ทั้งหมดเลยรึ?!”
ซูอานนั่งนิ่งเงียบ ในขณะที่ซันกูเริ่มสนอกสนใจขึ้นมาอย่างมาก..
กลุ่มนักยุทธเจียงโจวเดินตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มพร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาขุ่นเคือง พวกเขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มจากหนานฉีกลุ่มนี้อวดดี และดูถูกนักยุทธเจียงโจวมากจนเกินไป จึงไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้
“เฮ้อ.. ขยะกองใหม่สินะ!” เด็กหนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส พร้อมกับหันไปบอกเด็กหนุ่มผมยาวว่า
“เสี่ยวฉี ฉันให้นายจัดการ รีบๆเข้าล่ะ อาจารย์กำลังจะมาแล้ว!”
“อืมม..”
เด็กหนุ่มผมยาวทำเสียงอยู่ในลำคอ เขาลุกขึ้นยืนมองกลุ่มนักยุทธเจียงโจวที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ ฉันจะสู้กับพวกแกทั้งหมดเอง!”
“อวดดี!”
ชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงพุ่งหมัดมังกรทั้งสองข้างของตนเข้าใส่เด็กหนุ่มผมยาวทันที และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือทายาทของสำนักหมัดมังกร..
“หึ.. หมัดมังกรรึ?! เจอกับเพลงหมัดหัวเฉวียนดู!”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่นึกหวาดกลัว พร้อมกับกำหมัดทั้งสองข้างของตน พุ่งเข้าปะทะกับหมัดของชายชราผมสีน้ำตาลทันที!
ปัง!
หมัดทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มนั้น ดูเหมือนจะถ่ายทอดพลังทั้งหมดที่มีเข้าสู่กำปั้นทั้งสองข้าง และนั่นคือไม้ตายของหมัดหัวเฉวียน..
ทันทีที่หมัดทั้งสองปะทะกัน กระดูกมือทั้งสองข้างของชายผมสีน้ำตาลก็แตกละเอียดทันที สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด กระดูกที่หักนั้นแทงทะลุออกมาจากผิวหนัง และมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด
กลุ่มนักยุทธที่เหลือต่างก็พากันไปช่วยประคองร่างของชายผมสีน้ำตาลไปนั่งที่เก้าอี้ และจ้องมองเด็กหนุ่มผมยาวด้วยความหวาดกลัว
“ทนไม่ได้แล้วรึ? เอาล่ะ ยังมีใครต้องการจะลองดีอีกมั๊ย? ถ้ามีก็เข้ามาได้เลย..”
เด็กหนุ่มผมยาวเอ่ยท้าทายกลุ่มนักยุทธเจียงโจวที่เหลือ และเพียงแค่ปรายตามองอย่างไม่สนใจ
“หึ! ต่อให้ฉันสู้แกไม่ได้ ฉันก็จะสู้! ฉันไม่ยอมให้แกดูถูกชาวเจียงโจวแบบนี้แน่!”
ชายร่างกำยำและมีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งผู้หนึ่งร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห ศรีษะของเขาล้านเป็นมันแต่ดูแข็งแกร่งยิ่งนัก และนั่นคือจุดแข็งของเขา เขาทำร้ายคู่ต่อสู้ด้วยศรีษะที่แข็งแกร่งนั้น
“ครั้งนี้เป็นการสู้วัวกระทิงสินะ?”
เด็กหนุ่มผมยาวเห็นท่าทางและจุดแข็งของชายร่างกำยำ จึงร้องตะโกนออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าผ้าคลุมโต๊ะสีแดงมาถือไว้ในมือ และทำท่าราวกับว่าตนเองกำลังต่อสู้อยู่กับวัวกระทิง..
ชายร่างกำยำพุ่งศรีษะที่แข็งแกร่งของตนเข้าใส่ร่างของเด็กหนุ่มผมยาวอย่างรวดเร็ว แต่เด็กหนุ่มผมยาวก็สามารถหลบหลีกได้ทัน ไม่ว่าเขาจะเพิ่มความเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ เด็กหนุ่มผมยาวก็ยังสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว และท้ายที่สุดเด็กหนุ่มผมยาวก็จัดการใช้ผ้าสีแดงคลุมศรีษะของชายร่างกำยำไว้ ทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับพากันหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
ซูอานเพียงแค่นั่งดูเงียบๆ และไม่ขยับตัวทำอะไรทั้งสิ้น เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของเขา ในขณะที่ซันกูเองก็ไม่ใช่ชายเจียงโจว เขาจึงไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนใจนัก แต่ก็ถึงกับเอ่ยออกมาว่า
“เด็กหนุ่มทั้งสองนี้อวดดีเกินไปจริงๆ”
“เฒ่าซัน เจ้าต้องรักษาจิตใจของตนให้สงบนิ่งไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับเรื่องอะไรก็ตาม หากเจ้าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ ต่อให้เจ้าเหนือกว่า เจ้าก็จะกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที!”
ซันกูพยักหน้า และพยายามที่จะทำจิตใจให้สงบนิ่งเหมือนที่ซูอานสอน..
“เหนื่อยแล้วหรือยังไง? เข้ามาอีกสิ!”
ชายร่างกำยำยังคงหายใจเหนื่อยหอบ แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้เขาหยิบมีดปลายแหลมออกมา และพุ่งเข้าใส่ร่างของเด็กหนุ่มผมยาวอย่างรวดเร็ว
“ครั้งนี้แกตายแน่เจ้าหนู!”
ชายร่างกำยำมั่นใจว่าครั้งนี้ตนเองจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน แต่เด็กหนุ่มผมยาวกลับแสยะยิ้ม และเมื่อชายร่างกำยำพุ่งเข้ามาใกล้จวนจะถึงร่างของตนนั้น เด็กหนุ่มผมยาวก็กระโดดหมุนตัวขึ้นฟ้าหลบปลายมีดที่พุ่งเข้ามา
จากนั้นจึงตีลังกาหมุนตัวไปอยู่ด้านหลังของชายร่างกำยำ พร้อมกับฝ่าเท้าทั้งสองข้างนั้นถีบเข้าที่แผ่นหลังของชายร่างกำยำอย่างรุนแรง จนกระเด็นลอยละลิ่วไปกระแทกกับผนังร้าน
ชายร่างกำยำถึงกับล้มลงกับพื้น และนอนแน่นิ่งหมดสติอยู่เช่นนั้น..
“ไม่เลวเลยทีเดียว..” เด็กหนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยชมเด็กหนุ่มผมยาว
“นี่ฉันกลัวว่ามันจะตายซะก่อน จึงใช้กำลังไปแค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น!” เด็กหนุ่มผมยาวตอบกลับไป
นักยุทธเจียงโจวทั้งหมดได้แต่นั่งนิ่งด้วยความอับอาย ในขณะที่เด็กหนุ่มผมยาวร้องตะโกนออกไป
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก.. ขืนชักช้าพ่อจะจับหักแขนหักขาให้หมดเลย!”
กลุ่มนักยุทธเจียงโจวได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาออกไปด้วยความอับอาย แต่ก็ยังคงไม่ยอมจากไปทันที ทั้งหมดได้แต่ยืนดูอยู่นอกร้าน
เวลานี้ ยังคงเหลือซันกูกับซูอานที่นั่งอยู่ในร้านคุยกันสองคนโดยไม่สนใจผู้ใด..
เถ้าแก่จึงเดินไปถามเด็กหนุ่มทั้งสองพร้อมกับเพื่อนๆของเขาที่เพิ่งลงมาจากรถว่าต้องการสั่งอะไร อีกอย่างเขาเองก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ เป็นเพียงแค่พ่อค้า เรื่องสำคัญของเขาคือการหาเงิน..
ถึงแม้ร้านของเขาจะมีโต๊ะเก้าอี้พังไปหลายตัว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจมากนัก เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้เงินมาหนึ่งล้านเป็นค่าชดเชยแล้ว
“ไปนำเหล้าชั้นดีมา ค่าอาหารพวกเราจะจ่ายแยกต่างหาก!”
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มผมสีฟ้าไม่ได้คิดที่จะรังแกคนทำมาหากิน และยังจ่ายเงินให้อย่างงาม ทำให้เจ้าของร้านดีใจอย่างมาก
แต่แล้วเด็กหนุ่มในกลุ่มคนหนึ่งก็หันไปเห็นซูอานกับซันกูเข้า จึงยกมือขึ้นชี้ไปทางคนทั้งคู่พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“พี่สุ่ย.. สองคนนั่นยังไม่ยอมออกไปจากร้านอีก!”
ชายผมสีฟ้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก็ถ้าพวกมันไม่ยอมออกไปดีๆ นายก็ไปจัดการหักขาพวกมัน แล้วจับโยนออกไปนอกร้านสิ!”
เด็กหนุ่มคนนั้นเดินตรงเข้าไปหาซูอานพร้อมกับร้องตะโกนบอกไปว่า
“นี่.. พวกแกสองคนหูหนวกตาบอดหรือยังไง ยังไม่รีบออกไปจากร้านอีก!”
“น่ารำคาญนัก!”
ซูอานพูดเพียงแค่เบาๆ และไม่หันกลับไปมองเด็กหนุ่มผมยาวด้วยซ้ำไป และเขาเองก็กำลังหงุดหงิดเรื่องของเหล่าฮั๋วอยู่
เด็กหนุ่มคนนั้นได้ยินคำพูดเพียงแค่สั้นๆของซูอานก็ถึงกับโมโห จึงยกเก้าอี้ขึ้นและฟาดเข้าใส่แผ่นหลังของซูอานทันที
แต่ซูอานกลับนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว ในขณะที่ซันกูยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ท้องของเด็กหนุ่ม จนร่างของของมันกระเด็นลอยละลิ่วออกไปนอกร้าน
เด็กหนุ่มถึงกับร้องคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด ครั้งนี้ซันกูถีบเข้าไปที่ท้องของมันอย่างแรง นับว่าโชคดีมากที่มันยังไม่ตาย!
ในขณะที่กลุ่มของเด็กหนุ่มคนอื่นๆพากันเข้าไปพยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น ซูอานกับซันกูกลับนั่งจิบไวน์ และคุยกันตามปกติ และในระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของซูอานก็ดังขึ้น และเป็นจิตจื่อหยาที่โทรเข้ามา
“พี่ซูอาน.. นี่พี่อยู่ที่ไหน? ฉันไม่ได้เจอหน้าพี่หนึ่งวันเต็มๆ ฉันคิดถึงพี่มาก..”
ซูอานนั่งคุยโทรศัพท์กับจินจื่อหยาโดยไม่สนใจกลุ่มเด็กหนุ่มชาวหนานฉิงเลยแม้แต่น้อย..
เด็กหนุ่มผมยาวเห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยถามเด็กหนุ่มผมสีฟ้าขึ้นมาทันที “พี่สุ่ย.. สองคนนั้นกล้าทำร้ายเพื่อนของเรา ฉันจะไปจัดการมันเอง!”
จากนั้นเด็กหนุ่มผมยาวก็เดินตรงเข้าไปหาซูอานกับซันกู พร้อมกับตะคอกใส่ “พวกแกสองคนยังไม่รีบออกไปจากที่นี่อีกเหรอ? อยากอับอายเหมือนคนพวกนั้นหรือยังไง?”
ซูอานยังคงนั่งคุยโทรศัพท์กับจินจื่อหยาโดยไม่สนใจเสี่ยวฉีแม้แต่น้อย และท่าทางเฉยเมยของซูอานก็ทำให้เขาโกรธมาก เพราะนั่นหมายถึงการดูถูกเหยียดหยัน..
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******