บทที่ 265
ห้องโถงใหญ่ภายในเขตที่หนึ่งชายชราจัวกุ๋ยกู่นั่งจ้องมองกระดองเต่าในมือขวาอย่างไม่วางตา บนโต๊ะด้านหน้ามีจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่ เกือบครึ่งเค่อเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาสะบัดมือขวาเก็บกระดองเต่าพร้อมเอื้อมมือคว้าจดหมายบนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน ทันใดนั้นเองมือทั้งสองก็สั่นสะท้านจ้องมองอ่านข้อความในจดหมายอย่างไม่วางตา เสียงถอนหายใจดังแว่ว กระดองเต่าปรากฏแทนที่จดหมายอักษรที่สลักอยู่ตรงกระดองเต่าก็ส่องแสงสว่างขึ้น เขาสะบัดมือไปมาไม่ถึงสองลมหายใจก็มีเหรียญสีทองมีรูปตรงกลางร่วงหล่นลงพื้น จัวกุ๋ยกู่จ้องมองอย่างไม่วางตาคิ้วทั้งสองเริ่มขมวดขึ้น ยกมือขวาขึ้นมานับอย่างช้าๆไม่นานก็จางหายไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว
แสงอรุณสาดส่องยามเช้า ควันไฟยังคงพุ่งพวยมองเห็นแต่ไกล ระยะทางเกือบสิบลี้กลุ่มหลักกำลังมุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มาถึงแต่ละคนถึงกับตื่นตกใจกับภาพที่สยดสยองด้านหน้า ซากศพกองเกลื่อนพื้นนับพันบางส่วนถูกไฟคลอกตายดำเป็นตอตะโก พร้อมกับกลิ่นเหม็นโชยมาตามสายลม เสียงสำรอกดังแว่วมาเป็นระยะ ในจังหวะนั้นเองก็เสียงร้องตะโกนดังแว่วมาจากอีกทางด้านขวามือ เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นเผ่าอสูรมายานับร้อยจ้องมองพวกตนอย่างไม่วางตา มีหลายตนร้องคำรามพุ่งทะยานเข้ามา หัวอิงสะบัดมือขวากำชับดาบในมือแน่น พร้อมกับยกขึ้นมาชี้ไปทางด้านหน้า
“สังหารพวกมันให้หมด”
ปราณดาบขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ปราณดาบปลิวว่อนมาจากด้านหลัง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง คมดาบวาดผ่านลำคอศีษะหลุดกระเด็นร่วงลงพื้น เช่นเดียวกับแขนขวาของชายผู้หนึ่งจากกลุ่มของอันเฉินถูกกระชากออกมาเสียงร้องโหยหวนดังลั่น เคร้ง เคร้ง เปรี้ยง เปรี้ยง การปะทะระหว่างสองกลุ่มเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เนี่ยฟงที่นั่งโคจรลมปราณอยู่รอบนอกถึงกับลืมตาขึ้นหันไปมองพวกหานป๋อที่นั่งโคจรลมปราณบนกิ่งไม้ด้านข้าง
“ข้าว่ากลุ่มหลักคงมาถึงแล้ว”
หลายคนเริ่มที่จะลืมตาขึ้นมาหันไปมองเนี่ยฟง เป็นหานป๋อที่เอ่ยวาจาออกมา
“เราจะไปช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่”
“ไม่ต้องรีบ คงเป็นพวกที่ออกไปลาดตระเวนอีกหนึ่งชั่วยามพวกเราค่อยไปเจอกับพวกเขาก็แล้วกัน”
หลายคนพยักหน้าหลับตาโคจรพลังลมปราณต่อ ทางด้านพวกของหัวอิงตอนนี้เริ่มได้เปรียบบ้างแล้วถึงแม้จะมีคนได้รับบาดเจ็บและล้มตามลงไปบ้างก็ตาม เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบปะทะกับกรงเล็บดังลั่นอย่างต่อเนื่องเกือบชั่วยามกลุ่มอสูรมายาก็ตกตายลงจนหมดเสียงเหนื่อยหอบดังแว่วออกมา หลายคนถึงกับลงไปนอนกับพื้นเพราะความเหนื่อยล้า ไม่นานกลุ่มของเนี่ยฟงก็เดินทางเข้ามา มีหลายคนหันมาจ้องมองอย่างไม่เป็นมิตร อันเฉินที่หันไปมองก็แสยะยิ้มเอ่ยวาจาออกมา
“คุณชายเนี่ยฟงอันดับหนึ่งแห่งเขตที่หนึ่ง เหตุใดกลุ่มของพวกเจ้ามาที่นี่ล่าช้านัก หวังว่าคงไม่แอบหลบซ่อนตัวเช่นที่ผ่านมาหรอกนะ”
เนี่ยฟงยกยิ้มหันไปจ้องมองหัวอิงหาได้สนใจอันเฉิน หลังจากนั้นก็หันไปเอ่ยวาจากับหานป๋อ
“ที่นี่คงไม่มีอะไรแล้ว เราออกเดินทางกันเถอะเราจะไปยังจุดสีแดงอีกจุดไม่แน่พวกเจ้าอาจได้รับของดีบางอย่างก็เป็นได้”
หานป๋อและอีกหลายคนยกยิ้ม
“เช่นนั้นเจ้านำทางเถอะ”
ในจังหวะนั้นเองกลุ่มของเนี่ยฟงก็กำลังจะเดินจากไป แน่นอนว่าการกระทำของเนี่ยฟงทำให้อันเฉินเสียหน้าไม่น้อยจึงลุกขึ้นเอ่ยวาจาออกมา
“เหอะ ดีแล้วเมื่อคิดว่าไม่มีประโยชน์ต่อกลุ่มก็จากไปซะ”
เนี่ยฟงถึงกับหยุดเดินหันกลับมายกยิ้มให้แก่อันเฉิน เร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาพร้อมกับซัดฝ่ามือลงพื้น เปรี้ยง ประกายสายฟ้าพุ่งเข้าไปยังหมู่บ้านทันใดนั้นบ้านเรือนที่ถูกเผาทำลายก็พังทลายลงมา หลายคนถึงกับตื่นตกใจกลืนน้ำลายลงคอหันไปจ้องในหมู่บ้าน ฝุ่นควันฟุ้งกระจายออกมาอีกครั้ง
“ดีแค่ไหนแล้วที่ข้าเหลือพวกสวะให้เจ้าจัดการ อีกอย่างคนที่มาช้าก็คือพวกเจ้าเองหาได้ใช่พวกข้าไม่”
เนี่ยฟงแผ่ลมปราณไปที่อันเฉินอย่างรวดเร็วถึงกับลงไปคุกเข่ากับพื้น
“หวังว่าครั้งหน้าพวกเจ้าจะมาให้เร็วขึ้นนะคุณชายอันเฉิน”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงเนี่ยฟงก็หันหลังพุ่งทะยานออกไปติดตามด้วยกลุ่มของหานป๋อ หัวอิงหันไปจ้องมองอินเฉินที่นอนอยู่ใช้กำปั้นทุบพื้นดินด้วยความอับอาย หลายคนแอบยกยิ้มชอบใจกับการกระทำของเนี่ยฟง แผ่นหนังถูกกางออกมาไม่นานทั้งหมดก็ออกเดินทางอีกครั้งมุ่งหน้าตามที่จุดสีแดงอันเป็นเป้าหมาย เสียงแม่น้ำไหลผ่านดังแว่วมาจากด้านหน้า เนี่ยฟงพาทั้งหมดลัดเลาะไปตามแม่น้ำเกือบชั่วยามก็พบเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ด้านหน้า หลายคนยืนยกยิ้มจ้องมองภาพอันสวยงามด้านหน้า ในขณะนั้นเองเนี่ยฟงก็ชี้ให้ทุกคนสองที่ไปหน้าตกขนาดใหญ่
“จุดสีแดงมันชี้มาที่น้ำตก ข้าคิดว่าคงมีช่องลับด้านใน”
จูคังพยักหน้าใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานไปที่หน้าตก ทันใดนั้นก็มีบางอย่างซัดจูคังร่วงลงไปในน้ำ ตูม เนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้ว
“เจ้าพบเจอสิ่งใดด้านในจูคัง”
“ข้าไม่แน่ใจ ด้านในมีบางอย่างแน่นอน แต่ทันทีที่พุ่งผ่านเข้าไปข้าก็ถูกบางอย่างซัดออกมา”
เสียงสะบัดมือดังแว่ว เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาเนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งทะยานเหยียบเกราะสายฟ้าพุ่งหาเข้าไปในม่านน้ำตก เขารีบปลดปล่อยประกายสายฟ้าออกจากมือขวา ประกายสายฟ้าพุ่งออกไปก็ปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองเป็นจังหวะเดียวกับมีบางอย่างซัดเนี่ยฟงร่วงลงไปในน้ำ ตูม หลายคนถึงกับตื่นตกใจ เนี่ยฟงพุ่งทะยานขึ้นจากน้ำเหยียบเกราะสายฟ้าพุ่งหายเข้าไปในม่านน้ำตกอีกครั้ง ครั้งนี้เข้าโคจรลมปราณไปที่มือขวาที่ถือแส้แข็งสีดำเอาไว้ ทันทีที่มีบางอย่างซัดออกมาเขาก็ฟาดหวดแส้แข็งในมือเข้าปะทะ เปรี้ยง แรงปะทะซัดน้ำตกด้านหลังแตกกระจาย เขารีบแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ทันที ไม่ถึงสิบลมหายใจก็มีบางอย่างซัดออกมาอีกครั้ง เนี่ยฟงทำได้เพียงฟาดหวดแส้แข็งในมือเข้าต้านรับ เปรี้ยง เกือบครึ่งเค่อทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
“ข้าจัดการทางเข้าได้แล้ว”
เสียงตะโกนดังแว่วออกมาจากหลังม่านน้ำตก ทั้งหมดรีบพุ่งทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเข้าไปด้านในเห็นเป็นช่องขนาดพอดีสามคนเดินผ่าน เนี่ยฟงสะบัดมือขวานำตะเกียงไฟออกมาจุด หลายคนถึงกับตื่นตกใจจ้องมองตะเกียงไฟในมือ เนี่ยฟงเองทำได้แต่ยกยิ้มเพราะลืมคิดว่าพวกตนนั้นอยู่ในคุกหาได้มีใช้ของแบบนี้
“ข้าได้มันมาจากหมู่บ้าน”
หลายคนถึงกับพยักหน้า เนี่ยฟงยื่นตะเกียงไฟให้หานป๋อถือเอาไว้หลังจากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปด้านในช่องด้านหน้า กลิ่นเหม็นอับโชยออกมาตามลมพื้นหินเปียกชุ่มไปด้านน้ำ ไม่นานทั้งหมดก็เดินหลุดออกมาจากช่องมองเห็นเป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีภาพวาดสลักอยู่บนผนังหินเช่นเดิมแต่สิ่งที่เนี่ยฟงสนใจที่สุดก็คือก้อนศิลาจารึกที่ตั้งอยู่ตรงกลางถ้ำ
“หานป๋อ พวกเจ้าเคยหินศิลาจารึกแบบนี้หรือไม่”
“ข้าไม่เคยเห็น”
เนี่ยฟงหันไปมองแต่ละคนก็มีแต่คนส่ายศีรษะ
“เอาละเช่นนั้นข้าของตรวจสอบมันก่อนก็แล้วกัน”
เนี่ยฟงกว่าเดินเข้าไปใกล้ศิลาจารึก เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมา เนี่ยฟงยืนจ้องมองไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ด้านหน้าอย่างไม่วางตาเกือบชั่วยามที่เนี่ยฟงยืนวนมารอบศิลาจารึก หลังจากนั้นก็เดินมาที่หนังถ้ำด้านขวามือ หลายคนหันมาจ้องมองด้วยความสนใจ เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาจนมาประกายสายฟ้าพุ่งออกมา หลังจากนั้นเขาก็ซัดฝ่ามือไปยังรูปวาดที่สลักบนผนัง เปรี้ยง ประกายสายฟ้าพุ่งไปมาตามผนังหลังจากนั้นไม่นานก็มีเป็นหานป๋อที่สังเกตเห็นเป็นคนแรกชี้ไปที่ผนังถ้ำด้านหน้าของตน
“ภาพวาดมันเปลี่ยนไป เกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่กันแน่”
ภาพวาดตามผนังถ้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงภาพ ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“ภาพวาดที่พวกเจ้าเห็นมันคือ เคล็ดวิชามายาเป็นของเผ่ามายาเป็นท่าร่างที่รวดเร็วอีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเส้นลมปราณทั่วร่าง ข้าคิดว่าก่อนที่เราจะเดินทางต่อใช้ที่นี่ฝึกวิชาที่นี่เถอะ”
หลายคนหันมามองหน้ากัน
“พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าวิชานี้มีความสามารถมากแค่ไหน แล้วพวกเจ้าไม่คิดหรือว่าพวกเผ่ามายาจะเชี่ยวชาญวิชานี้มากแค่ไหนกัน”
หลายคนเริ่มคิดตามหันมามองหน้ากันไปมา เป็นหานป๋อที่เอ่ยวาจาออกมา
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าสิบวันให้ฝึกฝนอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นเราจะเดินทางต่อ”
สิ้นเสียงหานป๋อก็เริ่มฝึกวิชาที่เห็นตามผนังถ้ำทันทีคนอื่นๆก็เช่นกัน ส่วนเนี่ยฟงนั้นเมื่อทุกคนเริ่มฝึกฝนเขาเองก็นั่งทำความเข้าใจกับคัมภีร์หยุนเซ็นที่ได้รับมา