Ep.518 - วิกฤตชายแดน
2/5
Ep.518 - วิกฤตชายแดน
วัวกระหายเลือดเหล่านี้ ทรงพลังพอสมควร แม้จะมีฝูงเผ่าพันธุ์อื่นตรงเข้ามา แต่ก็มิอาจต่อกรกับพวกมัน ได้แต่ยืนมองจากระยะไกล ฝูงวัวเลยยังคงเพลิดเพลินกับอาหารแต่เพียงผู้เดียว
ทว่าไม่นาน อีกฝูงสิงโตเลเวล C3 ก็บุกเข้ามา
และสิงโตคือสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารบนพื้นดิน แม้วัวกระหายเลือดจะทรงพลัง และได้ดื่มกินเลือดเนื้อมังกรไปแล้วก็ตาม แต่หากสู้กันตรงๆ ย่อมตกเป็นอาหาร
ด้วยประการฉะนี้ ฝูงวัวจึงยอมละทิ้ง แตกกระเจิงจากศพมังกร
ราชันย์วัวกระหายเลือดเลเวล C เป็นจ่าฝูง วิ่งเตลิดก้าวเข้าสู่รอยแยกมิติโดยตรง วัวกระหายเลือดตัวอื่นๆทยอยกันวิ่งตาม
สิงโตไม่สนใจวัวกระหายเลือดที่มักตกเป็นอาหารแสนอร่อยของมัน ตรงเข้าฉีกกัด กลืนกินเลือดเนื้อของมังกรไฟทันที
ไม่นาน ฝูงนกยักษ์จากฟากฟ้าก็ร่อนลงมา ขับไล่ฝูงสิงโตไปอีกครั้ง สัตว์ร้ายแต่ละฝูงที่ถูกขับไล่ ทั้งหมดล้วนหลบหนีเข้าไปยังรอยแยกมิติที่เชื่อมต่อกับป่าหยวน
…
บนโลกมนุษย์ รอยแยกมิติบนพื้นดิน ไม่อาจแบกรับภาระได้อีกต่อไป เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากมิติบริเวณนี้ไม่เสถียร ดังนั้นเมื่อมีสัตว์ร้ายต่างมิติบุกเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ รอยแยกมิติจึงขยายกว้างตามจำนวนของพวกมัน
ไม่นาน กระทั่งสัตว์ยักษ์บางตัว ก็ปรากฏกาย
สัตว์ยักษ์เหล่านี้มีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดก็จริง แต่พวกมันทั้งหมดทรงพลังมาก แม้จะอยู่ในท่วงท่าหมอบคลาน แต่ก็ใหญ่โตจนน่าหวาดกลัว
รอยแยกมิติขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง สัตว์ร้ายเหล่านี้ เลเวลต่ำสุดคือ C2 และสัตว์ร้ายที่ออกมาในระลอกหลังๆ ยิ่งมายิ่งมีเลเวลสูง ทยอยกันก้าวเข้าสู่โลกมนุษย์อย่างต่อเนื่อง
กองทัพสัตว์ร้าย รุกรานเข้ามาอย่างกะทันหัน ผู้คนในเมืองเป่ยหัวยังไม่ทันตั้งตัวกับสถานการณ์
รอยแยกมิติในป่าหยวน ราวกับปากใหญ่ที่คอยปกคลุม ปล่อยสัตว์ร้ายต่างมิติเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
สัตว์ร้ายทรงพลัง ขับไล่สัตว์ร้ายระดับต่ำกว่า ผลักดันพวกเขาก้าวเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง แม้นิสัยตามธรรมชาติของสัตว์ร้ายบางเผ่าพันธุ์ จะมิได้รักการทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่อาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกมันเช่นกัน และเมื่อไม่มีอาหารเพียงพอต่อการล่า สุดท้าย มนุษย์ก็จะกลายเป็นอาหารในสายตาของพวกมัน
ฉินเฟิงนอนหลับอย่างสงบตลอดทั้งคืน แต่วันถัดมา ยังไม่ทันรุ่งสาง ณ ช่วงเวลาตีสี่ เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังเจาะเข้ามาในหูเขา ปลุกจากการหลับไหล
“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ประกาศแก่ผู้ใช้พลังทุกคน กองทัพสัตว์ร้ายจากป่าหยวนได้บุกเข้ามาแล้ว ร้องขอให้ผู้ใช้พลังทุกคนรีบประจำการในทันที”
ฉินเฟิงตกใจเล็กน้อย จากนั้นดีดผึง ลุกขึ้นยืนทันที ไป๋หลีก็เช่นกัน
เนื่องจากแทบใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ตลอดเวลา ส่งผลให้ไป๋หลีหลอมละลาย กลมกลืนเข้ากับบรรยากาศของที่นี่แล้ว แม้ว่าอันตรายเหล่านี้ในสายตาของเธอ มันจะไม่คุ้มค่าให้กล่าวถึงก็ตาม
“ไปกันเถอะ”
ฉินเฟิงสวมชุดต่อสู้อย่างรวดเร็ว ส่วนไป๋หลีไม่ใส่มัน เพียงสวมชุดลำลองง่ายๆ และกระโจนลงจากหน้าต่างพร้อมกับฉินเฟิง
ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังลานกว้างที่อยู่ติดกับโรงแรมทันที
“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ยกเลิกกฏอากาศยาน ผู้ใช้พลังที่มีฮอลศึก โปรดเรียกมันออกมาโดยเร็ว”
ฉินเฟิงเปิดพื้นที่มิติ เรียกฮอลศึกออกมาทันที
ไม่รอช้า เขาก้าวขึ้นไป และสตาร์ทเครื่องเมฆคราม
แม้นี่คือช่วงเวลาเช้ามืด แต่ผู้คนทั้งเมืองเป่ยหัว เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน!
เป่ยหัวคือเมืองใหญ่ ดังนั้นมีผู้ใช้พลังอาศัยอยู่มาก ทั้งยังเป็นจุดศูนย์กลางของทางตอนเหนือ
อันที่จริงตำแหน่งของเมืองเป่ยหัวมิใช่สถานที่ปลอดภัย แต่การที่สามารถสร้างเมืองจนใหญ่โตเช่นนี้ได้ นั่นเพราะมันถูกปกป้อง คุ้มครองโดยผู้ใช้พลัง!
พวกเขาทุกคนคือวีรบุรุษ เป็นนักรบที่กล้าหาญ
ผู้ใช้พลังทยอยกันปรากฏตัวทีละคน ก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้า
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ใช้พลังทุกคนที่ครอบครองฮอลศึก
พวกเขามีเงินซื้อก็จริง แต่ไม่มีพื้นที่มิติกว้างพอจะยัดมันเข้าไปได้
แน่นอน ยกเว้นในส่วนของเลเวล B เพราะมันคือสิ่งจำเป็นที่ต้องมีติดมือ
หึ่ง หึ่ง!
ฮอลศึกพากันลอยลำขึ้นสู่ท้องฟ้า ประตูด้านข้างถูกเปิดออก บันไดหย่อนลงมา ฮอลศึกบินในระยะต่ำ ห่างจากดาดฟ้าของตึกต่างๆไม่เกิน 10 เมตร บินรับผู้ใช้พลังที่รออยู่บนดาดฟ้า
นี่คือกลยุทธ์การเคลื่อนทัพฉบับรวดเร็ว เมื่อฮอลศึกลำใดเต็ม มันก็จะบินสูงขึ้น และมุ่งหน้าสู่แนวป้องกันชายแดน
ฉินเฟิงกดปุ่มเปิดเครื่อง ดึงคันโยกลอยลำ ขับเมฆครามขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ไป๋หลี ช่วยหย่อนบันไดลงไปที”
“รับทราบ”
ไป๋หลีเฝ้ามองฮอลศึกลำอื่นๆ และพอเข้าใจวิธีของทุกคน หย่อนเชือกลงไปทันที
ไม่นาน ผู้ใช้พลังก็เริ่มปีนป่ายขึ้นมาทีละคน ทีละคน
เหนือน่านฟ้าเมืองเป่ยหัว ปรากฏฮอลศึกนับร้อยลำ!
มองจากเบื้องล่างราวกับฝูงนกยักษ์ ลอยลำมุ่งตรงไปยังแนวป้องกันเขตป่าหยวน
และผู้ใช้พลังที่มีในตอนนี้ คาดว่าอย่างน้อยน่าจะหลักพันคน!
เมฆครามของฉินเฟิง ไม่ช้าก็รับผู้ใช้พลังได้มากกว่า 20 คน แน่นอน ไม่มีที่ว่างมากพอให้คนเหล่านั้นนั่ง ไป๋หลีเดินเข้ามานั่งข้างคนขับ คนอื่นๆอยู่ในห้องโดยสาร บ้างก็เข้ามาทักทายฉินเฟิง ขอบคุณสำหรับการเดินทาง แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C ก็รู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะ เพราะน้อยนักที่เลเวล C จะมีพื้นที่มิติมากพอจะเก็บฮอลศึกได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์รุกรานสำคัญกว่าผู้คนจึงมุ่งความสนใจไปกับการสนทนาเรื่องกองทัพสัตว์ร้าย
“สถานการณ์ในแนวหน้าถูกส่งมารึยัง?”
“ส่งเข้ามาแล้ว ตรวจพบกองทัพสัตว์ร้ายเมื่อ 10 นาทีก่อน ตอนแรกคิดว่าหลักร้อย เลยไม่ทันได้จริงจัง แต่หลังจากที่พวกมันถูกกำจัดโดยอาวุธปืน กลับมีอีกฝูงหนึ่งทยอยกันปรากฏตัว มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนทหารรักษาชายแดนตระหนักถึงความผิดปกติ เลยโทรเรียกกำลังเสริม!”
“ที่ว่ามากขึ้น มันมากขึ้นเท่าไหร่กัน? แต่ช่างเถอะ รู้ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง!”
อันที่จริงก็ไม่ใช่แบบนี้เขาพูดซะทีเดียว การรู้จำนวนศัตรูเป็นเรื่องที่ดี แต่สถานการณ์ในสนามรบมักมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นจำนวนในตอนนี้ อาจน้อยหรือมากกว่าในตอนที่ไปถึงก็ได้
“ตามข้อมูลเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว มีทหารรักษาการชายแดนอยู่ไม่ต่ำกว่าสองพันคน โดรนตรวจสอบก็ถูกส่งออกไป และกำลังทำการสแกนจำนวนสัตว์ร้าย”
“เฮ้อ! กองทัพสัตว์ร้ายจากป่าหยวน ดูเหมือนว่าจะรับมือยากขึ้นทุกปี!”
“ได้ภาพมาแล้ว!”
พอได้ยิน สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมขึ้นทันที จากนั้นก็เปิดวิดีโอจากภาพถ่ายของโดรน และเริ่มวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
“นั่นวัวกระหายเลือด ฉันเคยสู้กับมันมาก่อน เวลาโจมตี ต้องเล็งที่ช่วงเอวและหน้าท้อง จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”
“นั่นสิงโตแสง สิงโตแสงสามารถปลดปล่อยแสงทำให้พวกเราตาพร่า ยากจะมองเห็นมันได้ แถมยังเร็วอีกด้วย ควรพกแว่นตาป้องกัน … ไม่สิ … วิธีที่ดีที่สุดคือควรหลีกเลี่ยงอย่าไปประชิดตัวมันถึงจะถูก!”
“ส่วนนั่นสัตว์ร้ายล่าวิญญาณ คนที่ไม่มีพลังสมาธิเข้มแข็ง ห้ามเข้าไปใกล้มัน”
“นั่นวิหคเพลิง … !”
การวิเคราะห์นี้ มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พวกเขาเผชิญหน้ามิใช่เลเวล C เพียงตัวเดียว หากแต่คือฝูงสัตว์ร้ายเลเวล C และผู้ใช้พลังบนเมฆคราม ก็เป็นเลเวล C เช่นกัน
หากเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง คงยากจะต่อกร
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด คุณควรสู้ในสิ่งที่ตัวเองถนัด พุ่งเข้าหาสิ่งที่เป็นจุดแข็ง และหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของคุณ ไม่งั้นก็รอความตายได้เลย!
แต่คำแนะนำเหล่านี้ มีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพราะสุดท้าย สัตว์ร้ายเลเวล C พวกนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ทว่าเมื่อวิหคเพลิงปรากฏตัวขึ้น โดรนย่อมมิอาจรอดพ้นสายตา สำหรับพวกมันในฐานะผู้ครองน่านฟ้า สิ่งใดที่บินได้ย่อมดึงดูดสายตา ถูกโถมเข้าทำลายในทันที
เมฆครามได้รับการดัดแปลงขึ้นใหม่ กระทั่งระบบพลังงานก็ยังถูกเปลี่ยนให้เหมือนกับเรือเหาะ ฟังก์ชันก็ถูกตั้งค่าแบบเดียวกับเมืองลอยฟ้า ดังนั้น หลังขับออกจากเมืองเป่ยหัว ฉินเฟิงก็เร่งความเร็วขึ้นทันที
บนน่านฟ้า ฮอลศึกลำอื่นๆ ถูกฉินเฟิงแซง ทิ้งไว้เบื้องหลัง
“โอ้โห น้องชาย ฮอลศึกของนายเป็นรุ่นดัดแปลงใช่ไหม?”
มือปืนที่ช่างสังเกตเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“อ่า”
ฉินเฟิงพยักหน้า แต่เวลานี้เขาอยู่ระหว่างขับฮอล ดังนั้นไม่มีสมาธิตอบอะไรมากมาย
วูซซซ!
ฮอลศึกอีกลำถูกแซงโดยฉินเฟิง
แม้จะแค่เฉียดผ่าน แต่ผู้ใช้พลังบนเมฆคราม ทุกคนกลับสามารถมองผ่านกระจกหลัง เห็นสีหน้าของนักบินบนฮอลศึกที่เพิ่งถูกแซงไปได้อย่างชัดเจน
ต่อมา ฮอลศึกหลายลำที่ถูกแซงก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน คล้ายกับต้องการแซงฉินเฟิงคืน
อย่างไรกด็ตาม ฮอลศึกเหล่านั้นกับเมฆคราม มันห่างชั้นกันเกินไป
ฉินเฟิงครอบครองเครื่องยนต์ที่เหนือกว่า พุ่งแซงลำแล้วลำเล่า และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงแม้แต่น้อย
ผู้คนบนเมฆคราม ในหัวใจเกิดความรู้สึกภาคภูมิขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฝ้ามองคนอื่นถูกทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นอยู่เบื้องหลัง เห็นถึงสีหน้าโมโหที่ไม่อาจขับไล่ตามได้ทัน มันรู้สึกสะใจไม่เลวเลย!