ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 98 : หยวนหวู่เทียน
บทที่ 98 : หยวนหวู่เทียน
ซูอานนอนเอนกายอยู่บนเตียง และกำลังเดินลมปราณตามคัมภีร์เก้าสวรรค์อยู่ เขาสัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนของตนเองนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้ลมปราณก็กำลังหมุนเวียนไปทั่วร่าง
ในระหว่างที่ซูอานเดินลมปราณฝึกฝนอยู่ภายในบ้าน ทางด้านเหล่าฮั๋วก็กำลังเจรจากับกลุ่มนักยุทธด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ทุกท่านคงทราบเรื่องราวทุกอย่างดีแล้ว ถ้าพวกเราไม่ลงมือทำอะไรเลย ลูกๆของเราคงต้องประสบมรสุมครั้งยิ่งใหญ่แน่!”
“เหล่าฮั๋ว ใช่ว่าผมไม่อยากจะร่วมลงขัน แต่ตอนนี้ผมเองก็กำลังหาเงินจ่ายซูป๋าเซียนอยู่เหมือนกัน!”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาของผม เอาเป็นว่าตระกูลฮั๋วลงขั้นไปแล้วห้าร้อยล้านหยวน ที่เหลือพวกคุณทั้งหมดต้องช่วยกัน!”
เหล่าฮั๋วออกคำสั่ง และไม่มีใครกล้าที่จะขัดเช่นกัน จากนั้นเขาจึงพูดต่อว่า..
“พวกคุณรู้มั๊ยว่าครั้งนี้เฒ่าปีศาจแห่งหนานฉี ที่ไม่เคยปรากฏตัวมานานถึงยี่สิบปีจะมาด้วยตัวเอง แสดงว่าพวกมันมีการเตรียมการมาอย่างดี..”
เหล่าฮั๋วพูดเพียงแค่นั้นก็เดินออกจากการประชุม และปล่อยให้ทุกคนหาทางออกเรื่องเงินอีกห้าร้อยล้านกันเอาเอง..
หลังจากที่เหล่าฮั๋วกลับไป คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้องประชุมต่างพากันนั่งเงียบ และมีสีหน้าเคร่งเครียด
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ใครคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องคุยกันเพื่อหาทางออก!”
“เงินตั้งห้าร้อยล้านนะ คิดว่าเป็นกระดาษเปล่าหรือยังไง? พวกเราทำงานหนักกันแทบตายกว่าจะหามาได้..” ชายชราคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“ถ้าพวกเราจ่ายเงินในครั้งนี้ ครั้งหน้าพวกเราก็ต้องจ่ายอีก พวกเราไม่ใช่เครื่องผลิตเงินให้ใครนะ!”
“นั่นสิ! ผมเองก็ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะห้าร้อยล้าน หรือห้าสิบล้านก็ไม่ควรจ่าย..”
ทุกคนในห้องประชุมต่างก็พากันโวยวายออกมาด้วยความไม่พอใจ และยิ่งพูดพวกเขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้น
แต่แล้วชายชราคนหนึ่งก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ทุกคนต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ให้ดี ครั้งนี้ปีศาจเฒ่าแห่งหนานฉีที่หายหน้าหายตาไปกว่ายี่สิบปี เป็นฝ่ายออกหน้าเอง แล้วเขาก็เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว..”
“และครั้งนี้ถ้าไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ พวกคุณคิดว่าจะมีใครในเจียงโจวสามารถทำธุรกิจได้อีก..”
“และต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ถ้าคนอย่างซูป๋าเซียนจะบีบเอาเงินจากพวกเรา มีใครกล้าปฏิเสธเขางั้นเหรอ?”
“ครั้งนี้เหล่าฮั๋วไปเชิญซูป๋าเซียนให้มาช่วยด้วยตัวเอง เขาทำเพื่อพวกเราทุกคนด้วย..”
กลุ่มนักยุทธเจียงโจวต่างก็พากันก้มหน้าด้วยความละอายใจ และพวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าหากพวกเขาพ่ายแพ้จะเกิดหายนะใดขึ้นบ้าง?
แต่แล้วใครคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วถ้าซูป๋าเซียนเอาชนะฝ่ายนั้นไม่ได้ล่ะ?”
ชายชราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ซูป๋าเซียนรับคำท้าแบบนี้ เขาต้องมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ อีกอย่างเหล่าฮั๋วก็บอกกับฉันเองว่า ซูอานน่าจะเข้าสู่ระดับสำเร็จขั้นปรมาจารย์แล้วด้วยซ้ำไป!”
“ห๊ะ?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
ทุกคนในห้องประชุมได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
จากนั้นชายชราคนเดิมก็พูดต่อว่า “เหล่าฮั๋วเล่าให้ฉันฟังว่า ซูป๋าเซียนได้มอบของเหลวพลังชีวิตที่เขากลั่นเองให้กับเหล่าฮั๋ว และหลังจากที่เหล่าฮั๋วกินโอสถนี้เข้าไป เขาไม่เพียงสามารถฟื้นฟูพลังปราณกลับมาได้ แต่โรคหัวใจที่เรื้อรังมานานหลายปีก็หายไปด้วย..”
ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบและไม่สามารถพูดอะไรได้อีก..
จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ใครคนหนึ่งในห้องก็ถามขึ้นว่า “เป็นไปได้มั๊ยว่าเขาไม่ใช่นักยุทธ แต่เป็นผู้บ่มเพาะเพื่อที่จะไปเป็นเซียน?!”
“หรือไม่ก็เป็นปีศาจ!”
“เอาล่ะๆ ถ้างั้นพวกเรามาช่วยกันลงขันดีกว่า..”
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตกลงที่จะลงขันกันนั้น ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก ชายชราผมแดงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง
ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับมีเปลวเพลิงลุกอยู่ภายใน ท่าทางของเขาทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม
“หยวน.. ผู้เฒ่าหยวน!”
ชายชราผมขาวจ้องมองชายชราผมสีแดงเพลิงด้วยแววตาหวาดผวา คนผู้นี้ไม่เคยปรากฏตัวสู่สายตาผู้คนมานานหลายปีมาก จนผู้คนต่างก็ร่ำลือว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว!
ชายชราผมสีแดงเพลิงผู้นี้ก็คือหยวนหวู่เทียน และเป็นอาวุโสของตระกูกลหยวนที่ฝึกจนถึงขั้นปรมาจารย์ และหายหน้าหายตาไปนับสิบๆปี
“ฉันต้องการเงินหนึ่งพันล้านนี้!”
หยวนหวู่เทียนบอกับชายชราแซ่ซุนด้วยใบหน้าที่เปื้อนด้วยร้อยยิ้มบางๆ พร้อมกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดัง แต่กลับทรงพลังยิ่งนัก
“ไม่ได้พบกันนานหลายสิบปี คุณแก่ลงไปมากทีเดียว..”
สีหน้าของอาวุโสซุนเปี่ยมไปด้วยความเคารพยิ่ง เพราะเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ในสำนักนั้น หยวนหวู่เทียนเป็นนักยุทธที่มีชื่อเสียงอย่างมาก
เขายังจดจำเมื่อครั้งที่พบหยวนหวู่เทียนครั้งแรกได้ ครั้งนั้นเมื่อรู้ว่าจะได้พบกับหยวนหวู่เทียน เขาถึงกับตื่นเต้นจนนอนไม่หลับอยู่หลายวัน หลังจากได้พบแล้วถึงกับนอนไม่หลับต่ออีกหลายคืน..
อาวุโสซุนโน้มตัวลงด้วยความเคารพ และหยวนหวู่เทียนผู้นี้ก็คือแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เขาหมั่นเพียรฝึกฝนวรยุทธมาจนถึงวันนี้ หลังจากหยวนหวู่เทียนหายหน้าหายตาไปนานนับสิบๆปี เขาเคยคิดว่าผู้เฒ่าหยวนคงได้ลาโลกไปแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆวันนี้เขาจะได้พบคนผู้นี้อีกครั้ง และดูเหมือนว่าผู้เฒ่าหยวนจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากอีกด้วย!
ในวันนี้ ดูเหมือนหยวนหวู่เทียนน่าจะอายุได้เก้าสิบปีพอดี เพราะเขานั้นอายุน้อยกว่าหยวนหวู่เทียนถึงสิบปี แต่กลับกลายเป็นว่าหยวนหวู่เทียนในเวลานี้กลับดูราวกับคนอายุเพียงแค่หกสิบปีเท่านั้น..
ชายาชราผมสีแดงเพลิงผู้นี้ กลับดูสง่างามและแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ!
ทุกคนในห้องประชุมต่างก็พากันลุกขึ้นยืนพร้อมกันทันที และต่างก็จ้องมองหยวนหวู่เทียนด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
อาวุโสซุนรีบสละที่นั่งหัวโต๊ะให้กับหยวนหวู่เทียน และหยวนหวู่เทียนก็เดินตรงเข้าไปนั่งด้วยสีหน้าท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม เมื่อเขาไม่พูดอะไรออกมา ก็ไม่มีใครในห้องกล้าพูดอะไรออกมาเช่นกัน ภายในห้องประชุมเวลานี้จึงเงียบสงัดไปทั่วทั้งห้อง..
หยวนหวู่เทียนยกถ้วยชาที่อาวุโสซุนรินให้ขึ้นจิบ จากนั้นเขาจึงเงยหน้ากวาดสายตามองไปรอบห้อง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ไม่ได้พบกับทุกคนมานานหลายสิบปี เจียงโจวเองก็เปลี่ยนไปมาก วงการนักยุทธก็รุ่งเรืองกว่าในอดีตมาก..”
อาวุโสซุนรีบตอบกลับไปทันที “ใช่ครับ.. เจียงโจวกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง และภายใต้การริเริ่มของผู้เฒ่าหยวน วงการนักยุทธจึงได้ยืนหยัดมาถึงทุกวันนี้ได้!”
“พูดได้ดี!”
สีหน้าของหยวนหวู่เทียนยังคงนิ่งเรียบ เขาดูผ่อนคลายสบายๆ แต่ผู้คนในห้องประชุมกลับรู้สึกเกร็งและเครียดอย่างบอกไม่ถูก เพราะสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของหยวนหวู่เทียน
“เมื่อครู่ที่เดินเข้ามา ฉันได้ยินว่าเจียงโจวกำลังประสบปัญหาใหญ่ ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังที!”
อาวุโสซุนเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ขออนุญาต หากผู้เฒ่าหยวนไม่สั่ง ผมคงไม่กล้าพูด..”
“คนหนานฉีเป็นฝ่ายท้าทายนักยุทธเจียงโจวมาก่อน เห็นว่าครั้งนี้พวกเขาเชิญปีศาจเฒ่าที่หายหน้าหายตาไปนานถึงยี่สิบปีมาร่วมประลองด้วย พวกเราจึงมานั่งปรึกษากันว่าจะรับมือกับพวกเขาอย่างไร?”
“ปีศาจเฒ่า?! เป็นเขาเองงั้นรึ?”
ประกายเย็นชาทอประกายขึ้นในแววตาของหยวนหวู่เทียนวูบหนึ่ง แล้วจึงดับลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นคู่แข่งกัน และต่างก็ได้ฉายาว่าคู่ปรับเหนือ-ใต้!
“ที่แท้ก็คือยู๋เวิ่นฉี มิน่า.. ทุกคนจึงได้หวาดกลัวกันถึงเพียงนี้!”
อาวุโสซูถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เขาคิดไม่ถึงว่ายู๋เวิ่นฉีปีศาจเฒ่าจะอยู่มานานนับร้อยปีเช่นนี้!
“ความแค้นระหว่างฉันกับเขา คงจะได้เวลาสะสางกันอีกครั้ง” หยวนหวู่เทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้า และน้ำเสียงดุดัน
“ฉันได้ยินมาว่า ทุกคนกำลังจะมอบเงินจำนวนนี้ให้กับเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง?”
“แม้ซูป๋าเซียนจะเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม แต่พลังของเขาไม่ธรรมดาเลย..” แต่ยังไม่ทันที่อาวุโสซุนจะพูดจบ หยวนหวู่เทียนก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ก็แค่เด็กหนุ่ม จะเก่งอะไรมากมาย คงจะโอ้อวดเสียมากกว่า!”
ทุกคนในห้องถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าหยวนจะพูดจาดูแคลนซูอานถึงเพียงนี้ แต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจได้ว่า หยวนหวู่เทียนกำลังที่จะกดซูอานลงใต้ฝ่าเท้า
และหากให้เลือกระหว่างซูอานกับหยวนหวู่เทียน หลังจากช่างน้ำหนักดูแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เลือกหยวนหวู่เทียนทั้งสิ้น เพราะหยวนหวู่เทียนน่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของปีศาจเฒ่านั่น!
“ผู้เฒ่าหยวนพูดได้ถูกต้อง! เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่โอ้อวดคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เฒ่าหยวนออกหน้าให้ พวกเราก็คงไม่ต้องพึ่งพาซูป๋าเซียนอีก!” คนผู้หนึ่งในห้องประชุมเอ่ยขึ้น
และคนพวกนี้ก็ไม่ต่างจากไม้เลื้อยที่ขึ้นตามกำแพงบ้าน..
“พวกเราหวังว่าผู้เฒ่าหยวนจะยอมออกหน้าปกป้องเกียรติของชาวเจียงโจว!”
ครั้งนี้ทุกคนในห้องต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน และพากันประสานมือทำการคาราวะหยวนหวู่เทียนด้วยความเคารพ ต่อให้ไม่เห็นด้วย ก็ต้องทำตามๆกันไปเพื่อความอยู่รอด
สำหรับพวกเขาแล้ว จะเป็นซูอานหรือหยวนหวู่เทียนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอให้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องพวกเจียงโจวจากหายนะครั้งนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว!
หยวนหวู่เทียนพูดขึ้นว่า “ต่อให้ปีศาจเฒ่านั่นไม่มาหาเรื่องที่เจียงโจว ฉันก็ตามไปหามันจนพบอยู่แล้ว!”
ทุกคนในห้องต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าบ่งบอกถึงความดีอกดีใจ หากมีหยวนหวู่เทียนออกหน้าให้เช่นนี้ เจียงโจวต้องกลับมามั่นคงเช่นเคยอย่างแน่นอน
หยวนหวู่เทียนหันมองไปรอบๆห้องพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แต่เงินจำนวนหนึ่งพันล้านนี้น้อยเกินไป!”
ทุกคนถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหยวน และหนึ่งในนั้นก็ได้แต่อ้อนวอน..
“ผู้เฒ่าหยวน พวกเรารวบรวมมาจนแทบหมดตัวแล้ว ขืนท่านขอเพิ่มมากกว่านี้…”
“ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเจียงโจว ก็อย่าโทษฉันล่ะ!”
แต่ยังไม่ทันที่คนผู้นั้นจะพูดจบ หยวนหวู่เทียนก็ตะคอกกลับเสียงดัง พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้อง ทุกคนได้แต่นั่งนิ่งและแทบไม่กล้าหายใจ..
หลายคนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า หยวนหวู่เทียนหายหน้าหายตาไปนับสิบๆปี แต่อารมณ์ของเขายังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนเลย..
“ผู้เฒ่าหยวนอย่าเพิ่งโมโห พวกเราค่อยๆเจรจากันดีกว่านะครับ!”
“ฉันไม่ชอบการต่อรอง ฉันต้องการเงินสองพันล้าน!”
“สองพันล้าน!!”
ทุกคนในห้องต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ในขณะที่หยวนหวู่เทียนก็พูดต่อว่า
“ฉันหายหน้าไปจากเจียงโจวนับสิบๆปี เงินจำนวนสองพันล้านนี้ คิดเสียว่าเป็นเงินปันผลที่ทุกคนต้องจ่ายให้กับฉัน..”
แต่ในขณะนั้นเอง ผู้เฒ่าฮั๋วได้กลับมาที่ห้องประชุมอีกครั้ง และเมื่อเห็นหยวนหวู่เทียน เขาก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ
“เฒ่าหยวน คิดไม่ถึงว่าจะพบนายที่นี่!”
“เฒ่าฮั๋ว ยังมีชีวิตอยู่งั้นรึ? ฉันเองก็คิดว่านายตายไปแล้วเสียอีก แกเกือบทำให้ฉันต้องสูญเสียลูกสะใภ้ไป!”
จากคำทักทายของทั้งคู่นั้นบ่งบอกถึงความสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง หยวนหวู่เทียนเคยร่วมรบกับเหล่าฮั๋ว และครั้งนั้นเข้าก็เป็นหน้าของเหล่าฮั๋วด้วย..
ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน หลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานนับสิบๆปี จากนั้นหยวนหวู่เทียนก็หันไปบอกทุกคนในห้องประชุมว่า
“คืนเงินห้าร้อยล้านหยวนให้กับเหล่าฮั๋วไป!”
ครั้งนี้ทุกคนแทบกระอักเลือด และเขาเองก็เลือกหยวนหวู่เทียนมากกว่าที่จะเลือกซูอานเช่นกัน นั่นเพราะเขารู้จักความสามารถของหยวนหวู่เทียนดีตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม
เพียงแต่ว่า.. เหล่าฮั๋วกำลังกังวลใจว่าจะบอกปฏิเสธซูอานไปอย่างไรดี?
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******