ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 97 : ขอความช่วยเหลือ
บทที่ 97 : ขอความช่วยเหลือ
ซูอานโบกมือให้คังเฉียนพาคังตี้กลับออกไปได้ และหลังจากที่คังเฉียนเขียนเช็คหนึ่งร้อยล้านให้ซูอานแล้ว เขาก็รีบจากไปทันที
ความจริงแล้วซูอานไม่ได้ต้องการเงินจากคนพวกนี้ เขาเพียงแค่ต้องการลงโทษให้หราบจำเท่านั้น และเมื่อได้เช็คมาเขาก็ยื่นให้กับจินจื่อหยาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่เป็นค่าสินสอดที่ข้ามอบให้กับเจ้าล่วงหน้า..”
จินจื่อหยาได้แต่ยืนหน้าแดงด้วยความเอียงอาย ซูอานยื่นมือไปโอบกอดร่างจินจื่อหยาไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เก็บเช็คนี้ไว้ หากเจ้าอยากได้สิ่งใด ก็ใช้เงินจำนวนนี้ซื้อได้เลย..”
หลังจากเรื่องราวทุกอย่างจบลงไปแล้ว นักเรียกทั้งหมดจึงกลับไปนั่งเรียนอย่างสงบภายในห้องต่อ แต่ในระหว่างนั้นรถ SUV คันหนึ่งที่ป้ายทะเบียนมีแค่ตัวอักษรที่เขียนว่า ‘South-A’ แต่ไม่มีเลขทะเบียนก็แล่นเข้ามาภายในโรงเรียน และป้ายทะเบียนลักษณะนี้ก็คือรถทหาร และต้องมียศที่ไม่ธรรมดา..
ทันทีที่รถจอด ชายสองคนที่ซูอานคุ้นเคยเป็นอย่างมากก็ได้ก้าวลงมา เขาก็คือผู้เฒ่าฮั๋วและลูกชายของเขาฮั๋วเว่ยเฟิง
“พ่อครับ.. ซูอานเรียนอยู่ที่นี่ล่ะ!”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปพบครูใหญ่ทันที และเมื่อไตร่ถามจนรู้ว่าซูอานอยู่ห้องสาม ทั้งคู่ก็รีบเดินขึ้นไปหาซูอานที่ห้องเรียนโดยเร็ว
แต่เมื่อผู้เฒ่าฮั๋วกับฮั๋วเว่ยเฟิงเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง ซูอานกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีอะไรค่อยคุยกันหลังหมดคาบเรียน!”
พ่อลูกตระกูลฮั๋วจึงได้แต่นิ่งไป และค่อยๆถอยออกไปรอบที่ระเบียงด้านนอกเงียบๆ และนั่นทำให้นักเรียนในห้องต่างก็พากันตกตะลึง เพราะทุกคนต่างก็เคยเห็นเหล่าฮั๋วปรากฏอยู่ในหน้าจอทีวีในฐานะนายทหารยศใหญ่อยู่บ่อยๆ
แต่ซูอานกลับไม่สนใจ และปล่อยให้พวกเขารออยู่หน้าห้องเรียน..
และหลังจากหมดคาบเรียน ครูที่สอนก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบๆเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เหล่าฮั๋วเดินเข้าไปหาซูอานพร้อมกับถามขึ้นว่า
“ซูอาน ตอนนี้คุยได้แล้วใช่มั๊ย?”
“อืมม ไปคุยกันข้างนอกจะดีกว่า!”
การที่เหล่าฮั๋วมาหาเขาถึงที่โรงเรียนเช่นนี้ ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่ เขาไม่ต้องการสร้างความแตกตื่นให้กับคนในโรงเรียน จึงเลือกที่จะไปคุยด้านนอกแทน
และทันทีที่ซูอานออกไปข้างนอกกับสองพ่อลูกตระกูลฮั๋ว เหล่าเจียงก็แอบออกมาคอยคุ้มครองจินจื่อหยาอย่างเงียบๆ เพราะหากมีซูอานอยู่ด้วยเขาก็ไม่จำเป็นต้องห่วง แต่เมื่อจินจื่อหยาอยู่ห่างจากซูอาน เขาจึงต้องทำหน้าที่คุ้มกันรักษาความปลอดภัยให้กับจินจื่อหยา
ทั้งสามคนเข้าไปนั่งในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง จากนั้นซูอานจึงถามขึ้นว่า “พวกเจ้ามีอะไรก็พูดมา!”
“ของเหลวพลังชีวิตขวดนั้นที่เธอให้ฉันมาก ไม่เพียงทำให้ฉันหายจากโรคหัวใจ แต่ยัง…”
ซูอานรีบพูดขัดขึ้นทันที “นี่คงไม่ใช่ธุระที่เจ้ามาหาข้าวันนี้แน่ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆจะดีกว่า..”
เหล่าฮั๋วทำหน้าอึกอักเล็กน้อยแล้วจึงพูดเสียงเบาราวกระซิบ “เฮ้อ.. เกิดเรื่องใหญ่แล้วน่ะสิ! เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของวงการนักยุทธในเจียงโจวเลยทีเดียว!”
“เวลานี้วงการนักยุทธในเจียงโจวกำลังถูกคนลบหลู่!”
“นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ใช่รึ? เรื่องการลบหลู่เกิดขึ้นกับทุกวงการ และทุกชนชั้น!” ซูอานยกเครื่องดื่มขึ้นจิบพร้อมตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ
“แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของวงการนักยุทธในเจียงโจวเชียวนะ!” เหล่าฮั๋วยังคงพูดต่อ..
ซูอานขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นว่า “เรื่องราวใหญ่โตมากงั้นรึ?”
ครั้งนี้ฮั๋วเว่ยเฟิงเป็นผู้ตอบแทน “ใหญ่โตมากเชียวล่ะ! อีกฝ่ายได้จัดการเชิญยอดฝีมือมาแล้ว!”
“เห็นว่าเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ด้วย!”
แววตาของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที และได้แต่คิดในใจว่า ก็เป็นยอดฝีมือระดับเดียวกับตนเท่านั้น..
“ครั้งนี้ในงานประลองยุทธที่จัดขึ้นทุกห้าปี พวกมันจะทำให้นักยุทธเจียงโจวต้องถูกผู้คนลบหลู่ไปทั่ว..”
ซูอานเข้าใจความต้องการพ่อลูกตระกูลฮั๋วได้ทันที เขาจึงรีบตอบกลับไปว่า..
“เสียใจด้วย ข้าไม่สนใจที่จะเข้าร่วม!”
เหล่าฮั๋วรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ “ซูอาน เธอจะทำเฉยไม่ได้นะ! อีกฝ่ายไม่เพียงแค่ต้องการยึดพื้นที่ในเจียงโจว แต่ยังต้องการขับไล่นักยุทธในเจียงโจวทั้งหมดออกจากเมืองนี้ด้วย!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงรีบเสิรมต่อทันที “ซูอาน เวลานี้เธออยู่ในฐานะปรมาจารย์แห่งเจียงโจว จำเป็นอย่างยิ่งที่เธอจะต้องแบกรับภาระครั้งนี้ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเธอเพียงคนเดียว!”
“วงการนักยุทธแห่งเจียงโจวมิได้จ้างวานข้าปกป้องไม่ใช่รึ? แล้วเหตุใดข้าต้องแบกรับภาระนี้ด้วยเล่า?”
สองพ่อลูกตระกูลฮั๋วได้แต่หันไปมองหน้ากันอย่างหมดหวัง..
แต่แล้วเหล่าฮั๋วก็ตัดสินใจพูดขึ้นว่า “หากเธอช่วยเจียงโจวให้พ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ ทุกคนในเจียงโจวจะต้องให้ความเคารพเธอ!”
“เรื่องนั้นข้าไม่สนใจ ข้าสนใจแค่เพียงจำนวนเงินที่จ้างวานเท่านั้น!”
“เรื่องนี้ขอฉันไปปรึกษากับทุกคนดูก่อน”
“เหล่าฮั๋ว ในเมื่อเจ้าเองก็ถอนตัวออกจากวงการนักยุทธในเมืองเจียงโจวตั้งหลายปีแล้ว เหตุใดเจ้ายังต้องสนอกสนใจว่าจะเป็นเช่นใดด้วยเล่า?” ซูอานเอ่ยถามด้วยความสงสัย..
“ขอบอกตามตรง.. เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงธุรกิจของลูกชายฉัน หากคนพวกนั้นเข้ามายึดพื้นที่เจียงโจวไปได้ พวกเราคงต้องตกอยู่ในมรสุมครั้งใหญ่แน่!”
ซูอานจึงเข้าใจในที่สุดว่า เหตุใดจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จึงได้แล่นมาหาเขาถึงที่นี่..
“ซูอาน หากเธอสามารถนำเจียงโจวให้พ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ ทุกคนจะช่วยกันจ่ายเงินให้เธอเป็นจำนวนห้าร้อยล้านหยวน..”
แต่สีหน้าของซูอานดูเหมือนจะไม่พอใจ จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นยิ้มๆ “ข้าขอเพิ่มอีกห้าร้อยล้าน..”
สองพ่อลูกตระกูลฮั๋วถึงกับหน้าเปลี่ยนสี และดูเหมือนจะไม่สามารถตัดสินใจได้ ซูอานจึงพูดขึ้นว่า
“หึ.. เงินแค่หนึ่งพันล้าน แต่ข้าสามารถช่วยพวกเจ้ารักษากิจการทั้งหมดไว้ได้ พวกเจ้าไปคิดให้ดีๆ!”
ซูอานพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หากข้าต้องการจริงๆ อย่าว่าแต่เงินหนึ่งพันล้านเลย หากข้าต้องการมากกว่านั้น ผู้ใดในเจียงโจวจะสามารถหยุดข้าได้งั้นรึ?”
สองพ่อลูกตระกูลฮั๋วถึงกับตกใจ และรู้ว่าการที่ซูอานพูดเช่นนี้ย่อมหมายความว่า ไม่มีนักยุทธคนใดในเจียงโจวที่จะแข็งแกร่งกว่าเขาไปอีกแล้ว จึงได้แต่ร้องอุทานออกไปว่า
“อย่าบอกนะว่าเธอเข้าสู่ระดับสำเร็จขั้นปรมาจารย์!”
ที่ผ่านมาเหล่าฮั๋วคิดว่าซูอานอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรมาจารย์ และเพียงแค่นั้นก็สมบูรณ์แบบอย่างที่หาคู่ต่อสู้เปรียบได้ยากแล้ว แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าฮั๋วถึงกับตาเป็นประกาย และรีบตอบกลับไปทันที
“ตกลง! หนึ่งพันล้านก็หนึ่งพันล้าน!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงได้แต่ตกตะลึง แต่เมื่อได้สติและกำลังจะอ้าปากพูดนั้น ก็ถูกเหล่าฮั๋วห้ามไว้เสียก่อน..
“ตกลง.. มีอะไรเจ้าก็โทรหาข้าได้!”
หลังจากนั้นซูอานก็ออกจากร้านกาแฟไป และกลับเข้าไปเรียนต่อ
เหล่าฮั๋วได้แต่มองตามแผ่นหลังซูอาน และเข้าใจได้ทันทีว่า เพราะเหตุใดซูอานจึงเป็นผู้เดียวที่รอดมาจากบ่อโลหิตมังกรได้
“พ่อครับ ทำไมถึงได้ตกลงง่ายๆแบบนั้น? แล้วถ้าคนอื่นไม่เห็นด้วยกับเราล่ะ?”
ฮั๋วเว่ยเฟิงร้องถามออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะหากตระกูลฮั๋วต้องรับผิดชอบเงินจำนวนหนึ่งพันล้านแต่เพียงผู้เดียว ก็คงไม่อาจรับไหวเช่นกัน!
“เฮ้อ.. เว่ยเฟิง เสียทีที่แกอยู่มานานหลายสิบปี แต่เรื่องแค่นี้กลับดูไม่ออก!”
เหล่าฮั๋วมองหน้าลูกชายของตนเองพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แกลองคิดดูให้ดี หากเจียงโจวถูกคนพวกนั้นยึดไปได้จริงๆ ถึงตอนนั้นแม้แต่หยวนเดียวพวกเราก็จะไม่เหลือ..”
“แต่เงินหนึ่งพันล้านมันมากเกินไป!”
“แม้จะมาก.. แต่ฉันก็สามารถหามาได้!”
เหล่าฮั๋วพูดพร้อมกับเดินตรงไปที่รถ ในขณะที่ฮั๋วเว่ยเฟิงเดินตามไปด้วยความไม่เข้าใจ และเมื่อเข้าไปในรถเหล่าฮั๋วจึงได้อธิบายให้ลูกชายฟัง
“เพราะสายตาของแกมองอยู่แค่เจียงโจวน่ะสิ! อย่าลืมว่าถ้าซูอานสามารถเอาชนะในครั้งนี้ได้ ต่อไปเราก็จะสามารถขยายเขตอิทธิพลไปที่หลินโจว เป่ยฉี หรือแม้แต่หนานฉีได้!”
ฮั๋วเว่ยเฟิงถึงกับนิ่งอึ้งไปกับสายตาที่ยาวไกลของผู้เฒ่าฮั๋ว..
“เดี๋ยวแกกลับไปประกาศให้ทุกคนช่วยกันมาลงขัน และบอกพวกเขาด้วยว่าใครจ่ายมากก็จะได้รับผลประโยชน์กลับไปมาก ส่วนตระกูลฮั๋วลงขันไปก่อนห้าร้อยล้าน..”
“ครับพ่อ!”
……
ระหว่างทางที่ขับรถหรูของจินจื่อหยากลับบ้านหลังเลิกเรียนนั้น ซูอานก็บอกกับจินจื่อหยาว่า
“สองสามวันนี้ข้ามีบางสิ่งบางอย่างต้องทำ ไม่มีเวลาคอยคุ้มครองเจ้า เจ้าคงจะต้องกลับไปหลินโจวก่อน”
จินจื่อหยารู้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับชายสองคนที่มาหาซูอานที่โรงเรียนในวันนี้ จึงได้แต่ถามออกไปว่า
“พี่ซูอาน มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร แค่เรื่องเล่นๆสนุกๆเท่านั้น”
“พี่ไม่พาฉันไปเล่นด้วยเหรอ..”
“ไม่ล่ะ เจ้าหน้าตาสะสวยเกินไป ที่นั่นจึงไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับเจ้า!”
ระหว่างที่พูดนั้น ซูอานก็ได้แต่คิดว่าเขาคงต้องสอนวรยุทธให้กับเธอ เพื่อที่เธอจะสามารถปกป้องตนเองได้ ในวันข้างหน้า คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องดึงจินจื่อหยาเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะตนเหมือนกับเขา
….
เมื่อซูอานกลับเข้าไปในบ้าน ก็พบว่าซันกูกำลังรอเขาอยู่ด้านใน และกำลังทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆอยู่พอดี
“เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เดี๋ยวเราสองคนขับรถเข้าไปไป่เฉิงหาอะไรกินก่อนมีเรื่องกันหน่อย!”
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากนัก.. ใครบางคนมาท้าทายนักยุทธในเจียงโจว แล้วพวกเขาก็มาขอให้ข้าไปช่วย ก็เท่านั้น!”
ซันกูพยักหน้าพร้อมกับถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ใครกันที่กล้ามาท้าทายคุณชาย!”
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับปรมาจารย์!”
“ระดับปรมาจารย์?!” ซันกูร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เจ้าตกใจทำไมกัน?! ระดับปรมาจารย์อยู่ต่อหน้าข้ายังจะมีความหมายอะไรอีกงั้นรึ?”
ซูอานตอบกลับไปด้วยแววตาเย็นชา แม้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียนได้ไม่กี่วัน แต่ความสามารถของเขาตอนนี้สามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับกลางขั้นปรมาจารย์ได้อย่างง่ายดาย
“อ่อ.. แล้วเรื่องที่ข้าสั่งให้เจ้าไปจัดการเล่า?”
“เรียนคุณชายซู ตอนนี้ผมได้หยกมาจำนวนมาก และตอนนี้ซันฉวนก็รวบรวมหยกเนื้อดีได้กว่าสิบชิ้นแล้ว!”
“ถ้าเงินของเจ้าไม่พอ ข้ายังมีอยู่ในบัญชีอีกแปดสิบล้าน บอกข้าได้ทันที!”
วันครบเส้นตายหนึ่งเดือนที่เขามอบให้กับนักยุทธที่พบกันบนเขานั้นก็ใกล้เข้ามาถึงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากตระกูลหลิว และหากครบกำหนด เขาต้องไปเยี่ยมเยียนตระกูลหลิวแน่!
ซูอานกับซันกูพากันขับรถไปที่ไป่เฉิงซึ่งเป็นแหล่งวุ่นวายที่สุดในเมืองเจียงโจว ที่นี่เป็นแหล่งสถานบันเทิงกลางคืนของเจียงโจว มีทั้งไนท์คลับ คาราโอเกะ อาบอบนวด และอีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้ด้วย เพราะมีจุดชมวิวที่งดงาม
ซูอานบอกกับซันกูว่า “เฒ่าซัน ไปหาสถานที่หาความสุขใส่ตัว วันมะรืนก็จะถึงวันประลองแล้ว!”
ซันกูกระอึกกระอักตอบกลับไปว่า “คุณชาย.. สถานที่แบบนั้นมีแต่เด็กสาว ไม่เหมาะกับข้า..”
“เฮ้อ.. เจ้านี่ชรามากแล้วจริงๆ ข้าหมายถึงให้เจ้าไปหาอะไรอร่อยๆกิน แล้วก็ไปหาวิวทิวทัศน์งดงามดูต่างหากเล่า!”
“เอาล่ะ ไปหาความสุขกันดีกว่า!”
แม้ซันกูจะมั่นอกมั่นใจในตัวซูอานมาก แต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับปรมาจารย์เช่นกัน อีกทั้งยังฝึกฝนมานานหลายสิบปี แต่ซูอานเพิ่งจะมารเปล่งประกายได้เพียงแค่สองสามเดือนเท่านั้น..
แต่ถึงอย่างนั้นก็เดินตามซูอานไปอย่างว่าง่าย..
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******