ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 96 : รู้ตัว
บทที่ 96 : รู้ตัว
ซูอานหันไปยิ้มให้กับจินจื่อหยาพร้อมตอบกลับไปว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนพ่อของเจ้าด้วยเล่า?”
คังตี้ยังคงนอนเลือดกลบปากอยู่หน้าห้อง แต่ที่เจ็บปวดที่สุดคือบริเวณหน้าอก และดูเหมือนซี่โครงของเขาจะหักไปแล้วกระมัง
เมื่อเห็นซูอานยังคงนั่งสงบนิ่งอยู่ในห้องเรียน คังตี้ถึงกับโกรธมาก และรีบกดโทรศัพท์โทรออกทันที
“แม่ครับ ผมถูกคนทำร้าย!”
เสียวปลายสายกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห “ลูกคัง ใครกันที่กล้าทำร้ายลูก ลูกรีบโทรบอกคุณปู่เดี๋ยวนี้!”
คังตี้กดโทรศัพท์หาปู่ของเขาทันที “ปู่ครับ.. ผมถูกคนทำร้ายที่เจียงโจว!”
“นี่แกไปมีเรื่องอะไรกับใครอีกล่ะ?!” เสียงปลายสายดังขึ้นด้วยความไม่พอใจนัก
“ผมไม่ได้หาเรื่องนะครับปู่ ผมแค่ขอเปลี่ยนโต๊ะเรียนแค่นั้น หมอนั่นก็เตะผมกระเด็นออกจากห้องเรียนเลี้ยง”
คังตี้รีบอธิบายทันที หลานชายของเขาถูกอื่นรังแกเช่นนี้ ปู่คงจะไม่นิ่งเฉยเป็นแน่!
“ถ้าอย่างนั้นแกก็รอก่อน เดี๋ยวปู่จะโทรให้คนไปช่วย!”
หลังจากนั้นไม่นาน รถฮัมเมอร์สีดำก็แล่นเข้ามาในโรงเรียน และตรงไปจอดที่อาคารเรียนของเด็กมัธยมปลายห้องสามทันที
และเมื่อไปถึง ชายฉกรรจ์ก็รีบขึ้นไปที่ห้องสาม และพบว่าคังตี้อยู่ในสภาพพันผ้าพันแผลเต็มตัวไปหมด และใบหน้าก็บวมเปล่ง
“คุณชายเล็ก ใครทำร้ายคุณ?”
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำหน้าตาโหดเหี้ยมร้องถามขึ้นด้วยความโมโห เขาก็คือลูกศิษย์ของเซี่ยคังเฉียนชื่อว่าหยางไค..
“หยางไค.. หมอนั่นทำร้ายฉัน! มันนั่งอยู่แถวที่สองติดกับประตู!”
หยางไคเตะประตูห้องเปิดออก และเดินตรงเข้าไปในห้องเรียนด้วยสีหน้าดุดัน เด็กนักเรียนภายในห้องต่างพากันตกใจกับท่าทางโหดเหี้ยมของเขา และทุกคนก็ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าพูดจา
“หึ.. มดปลวกอีกหนึ่งตัวสินะ!” ซูอานเปรยขึ้นเบาๆ
“มวดปลวกงั้นเหรอ?”
หยางไคได้ยินคำพูดของซูอานก็ถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันที เขาเดินตรงเข้าไปหาซูอานพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน
“แกเป็นคนทำร้ายคุณชายเล็กใช่มั๊ย?”
“ถูกต้อง!”
“ถ้างั้นแกก็เตรียมตัวเข้าไปนอนเล่นในโรงพยาบาลได้เลย!”
หยางไคชกหมัดเข้าใส่ร่างของซูอานอย่างแรง กล้ามมัดใหญ่ของเขาเกร็งแข็งเป็นลูกอย่างน่ากลัว
แต่ซูอานกลับไม่หลบ และไม่แม้แต่จะต้านทาน ปล่อยให้หมัดของหยางไคชกเข้าที่หน้าอกของตนเองอย่างแรง
เจียงเชาและเพื่อนนักเรียนในห้องต่างก็ได้แต่นั่งเหงื่อตก เพราะชายผู้นี้นอกจากจะดูหน้าตาโหดเหี้ยมและดุร้ายมากแล้ว เขายังมีร่างกายใหญ่โตราวกับเฮอร์คิวลิสในภาพยนต์ด้วย
แต่สีหน้าของหยางไคถึงกับเปลี่ยนไปทันที นั่นเพราะเขารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังชกเข้าใส่ภูเขาลูกใหญ่ เขาไม่เพียงผงะถอยหลังออกมาถึงสองก้าว แต่ยังรู้สึกเจ็บปวดที่มือจนแทบจะทนไม่ได้
ซูอานมองหยางไคยิ้มๆก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าจะยอมเล่นสนุกกับเจ้าสักครั้ง!”
จากนั้นซูอานก็ใช้มือสองข้างจับไว้ที่โต๊ะ แล้วจึงยกเท้าทั้งสองข้างของตนขึ้นเตะเสยเข้าที่ปลายคางของหยางไคทันที!
ร่างของหยางไคลอยละลิ่วออกไปจากห้องเรียน ก่อนจะหล่นลง และแผ่นหลังกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจนแสดงออกมาทางสีหน้า
ซูอานร้องตะโกนบอกหยางไคที่ลอยละลิ่วออกไปด้านนอก “เจ้ารีบๆโทรเรียกทุกคนมาให้หมด ข้าซูป๋าเซียนจะอยู่เล่นสนุกกับพวกเจ้าจนครบทุกคนเลยทีเดียว!”
หยางไครีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความบอกอาจารย์ของตนเอง และไม่ลืมที่จะบอกด้วยว่าอีกฝ่ายนั้นคือซูป๋าเซียน
หยางไคนั้นยังไม่รู้จักคนในโลกนักยุทธมากนัก เขาจึงไม่รู้จักซูป๋าเซียน แต่อาจารย์ของเขาน่าจะต้องรู้จัก..
แต่ทางด้านไคเฉียนที่เปิดข้อความอ่านนั้น เมื่อได้เห็นตัวอักษรสามคำคือซูป๋าเซียน สีหน้าของเขาก็ถึงกลับเปลี่ยนไปทันที จากเดิมที่กำลังโมโหโกรธเกรี้ยว กลับเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาแทน..
ซูป๋าเซียนคือเด็กหนุ่มที่ไปสร้างปัญหาในงานประมูลคืนนั้น และเขาก็เห็นกับตาว่านักยุทธระดับอาวุโสหลายคนถึงกับต้องก้มศรีษะคาราวะให้กับซูป๋าเซียน
แม้แต่คุณชายอู๋ซินซึ่งเป็นลูกชายของท่านนายกเทศมนตรีเมืองเจียงโจว ยังถูกซูอานสั่งสอน และแม้แต่อู่ไคฟายังได้แต่นิ่งเงียบกับเรื่องนี้
ยิ่งคิดคังเฉียนก็ยิ่งเหงื่อตก เพราะหลิวเตาก็ตายด้วยน้ำมือของซูป๋าเซียนผู้นี้เช่นกัน..
เวลานี้สีหน้าของคังเฉียนบ่งบอกถึงความหวาดกลัวสุดขีด ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มราวกับคนกำลังจับไข้
และในระหว่างนั้นเขาเองก็กำลังเจรจาธุรกิจอยู่กับเจ้าของธุรกิจระดับแนวหน้าหลายคน ทุกคนเห็นสีหน้าของคังเฉียนก็เริ่มรู้สึกแปลกใจ จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อาวุโสคัง มีอะไรหรือเปล่า?”
คังเฉียนพยายามสงบสติอารมณ์ และรักษาท่าทางให้ดูเป็นปกติที่สุด ทั้งที่ภายในใจของเขานั้นสั่นไหวราวกับคลื่นในทะเล และใบหน้าก็เริ่มซีดเผือด..
“อาวุโสคัง คุณไม่สบายหรือเปล่า?”
คังเฉียนจึงตอบกลับไปว่า “เอ่อ.. ผมไม่เป็นอะไร แต่หลานชายของผมกำลังจะนำพาความหายนะมาให้น่ะสิ!”
“ยังเด็กยังเล็ก จะนำพาหายนะมาให้ได้เชียวเหรอ? คุณกังวลใจมากเกินไปหรือเปล่า?”
หนึ่งในกลุ่มนักธุรกิจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาจริงจังอะไรนัก..
“เฮ้อ.. เขาดันไปมีเรื่องกับซูป๋าเซียนเข้าน่ะสิ!”
คังเฉียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวแรง พร้อมกับทิ้งกายพิงพนักเก้าอี้อย่างท้อแท้สิ้นหวัง..
บางคนที่ไม่รู้จักซูป๋าเซียนก็ได้แต่นั่งงุนงง ส่วนคนที่อยู่ในงานประมูลคืนนั้นล้วนแล้วแต่รู้จักทั้งสิ้น พวกเขาถึงกับหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเช่นกัน
“เฮ้อ.. หลานชายของคุณไปมีเรื่องกับคนอย่างเขาได้ยังไงกัน?”
หลายคนแสดงสีหน้าสะพรึงกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด และผู้ที่กล้ามีเรื่องกับปรมาจารย์แห่งเจียงโจว มีหรือที่จะไม่อายุสั้น..
“ไม่ได้แล้ว! ผมคงต้องรีบไปที่นั่นขอขมาเขา ไม่แน่ว่าอาจยังพอมีทางแก้ไขสถานการณ์ได้บ้าง..”
ในเวลานั้น แม่ของคังตี้ก็รีบรุดเข้ามาด้วยความร้อนใจ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะที่ร้องตะโกนออกไปว่า
“พ่อคะ.. หลานชายสุดที่รักของพ่อถูกคนรังแก พ่อต้องไปจัดการให้เขาด้วยนะคะ!”
แม่ของคังตี้ชื่อว่าไป่ไค แม้จะอายุสามสิบปีแล้ว แต่เธอก็ยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รูปลักษณ์ของเธอจึงดูราวกับเด็กสาวอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
คังเฉียนกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะต้องขอขมาซูอานเช่นไรดี แต่ลูกสาวของเขากลับวิ่งเข้ามาพูดจาเช่นนี้ ทำให้คังเฉียนถึงกับโมโหอย่างมาก
“หึ! หลานชายที่รักของฉันรึ? ฉันอยากจะตีมันให้ตาย!”
ไป่ไคถึงกับผงะ และจ้องมองพ่อของเธอด้วยความตกใจกลัว เธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอโมโหคังตี้มากขนาดนี้มาก่อน
คังเฉียนรีบโทรเรียกคนขับรถให้มารับทันที ระหว่างที่ไป่ไควิ่งตามพ่อของเธอออกไปนั้น เธอก็ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“พ่อคะ.. เจ้าคังไปทำอะไรให้พ่อโกรธเหรอคะ?”
“มันไปมีเรื่องกับคนอีกแล้วน่ะสิ!”
ไป่ไคทำเสียงไม่พอใจ “แค่ไปมีเรื่องกับคืนอื่น พ่อต้องโกรธเจ้าคังขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
ในความเห็นของเธอนั้น ด้วยอำนาจบารมีของตระกูลคัง และพ่อของเธอ การจะสะสางปัญหาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
“เธอจะไปรู้อะไร? มันจะมีเรื่องกับใครก็คงไม่เป็นไร แต่ปรมาจารย์แห่งเจียงโจวนั้น มีบารมีเหนือกว่าพ่อของเธอและฉันไม่รู้กี่เท่า!”
คังเฉียนร้องตะโกนบอกลูกสะใภ้ของตัวเองอย่างเหลืออด..
ไป่ไคถึงกับหน้าซีเผือด เพราะตำแหน่งปรมาจารย์แห่งเจียงโจวนั้น เหนือกว่าตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเจียงโจวเสียอีก เธอเข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดพ่อสามีของเธอถึงได้โกรธมากมายถึงเพียงนี้ และตอนนี้เธอก็กลัวว่าลูกชายของเธอจะถูกเขาฆ่าตายเสียก่อน..
คนขับรถขับรถยนต์คันหรูมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนมัธยมที่ซูอานเรียนอยู่ทันที และระหว่างทางไป่ไคก็ได้แต่นั่งนิ่งเงียบไปตลอดทาง
รถแล่นไปด้วยความเร็วสูง เพียงไม่นานก็แล่นเข้าไปภายในโรงเรียนมัธยมยู๋หลง..
ทันทีที่รถจอด คังเฉียนก็รีบวิ่งขึ้นไปบนอาคารอย่างรวดเร็ว และพบว่าคังตี้กับศิษย์ของเขากำลังนอนบาดเจ็บอยู่
เมื่อคังตี้เห็นคังเฉียนเขาก็รีบร้องคร่ำครวญออกมาทันที “ปู่ครับ.. ปู่ต้องจัดการฆ่าไอ้สารเลวนั่นให้ผมด้วยนะครับ!”
คังตี้คิดว่าคังเฉียนคงจะต้องโมโหมาก และตรงเข้าไปจัดการกับซูอานอย่างแน่นอน และซูอานก็จะต้องถูกปู่ของเขาสั่งสอนจนน่วมเป็นแน่!
“แกน่ะสิไอ้สารเลว! เจ้ามามีเรื่องกับคนอื่นแบบนี้ อยากให้ตระกูลคังหายนะมากหรือยังไง?”
คังเฉียนตะโกนดุคังตี้เสียงดัง และไป่ไคก็ไม่กล้าแม้แต่จะห้ามปรามเขา เพราะครั้งนี้ลูกชายของเธอกำลังจะนำความหายนะมาสู่ตระกูล เธอจึงไม่อาจที่จะปกป้องเขาได้
“นี่แกกล้ามามีเรื่องกับคนคนนี้ได้ยังไงกัน?”
คังเฉียนอบรมตี้คัง พร้อมกับหันไปมองไป่ไคด้วยสายตาตำหนิว่า มีลูกแต่ไม่รู้จักอบรมสั่งสอน..
คังตี้ได้แต่งุนงงกับท่าทีของคังเฉียน แม้แต่หยางไคเองก็ถึงกับประหลาดใจในท่าทีของชายชราไม่น้อยเช่นกัน
“ท่านปู่.. มาดุผมทำไมกัน? ผมเป็นฝ่ายถูกทำร้ายนะครับ”
“หึ.. กลับไปฉันจะตีแกให้ตาย!”
คังเฉียนดุคังตี้เสียงดัง พร้อมกับร้องตะโกนถามต่อด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “แกรู้ตัวมั๊ยว่าแกกำลังล่วงเกินใครอยู่?”
“ก็แค่ไอ้ลูกต่าตัวหนึ่ง!”
คังตี้ตอบกับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ของเขาต้องโกรธราวกับว่าเขาไปมีเรื่องกับลูกคนใหญ่คนโตด้วย!
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้ยังจะอวดดีอีก! คนผู้นี้คือปรมาจารย์แห่งเจียงโจว แม้แต่ปู่ยังไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้กับเขา!”
คังตี้ได้ฟังคำพูดของคังเฉียนเขาก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค และไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่.. เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
“แกอย่ามัวพูดมาก เร็วเข้า.. ตามฉันไปขอขมา และขอให้เขาไว้ชีวิตแก!”
คังเฉียนรีบร้องบอกคังตี้ให้ตามเขาไปหาซูอานทันที และเวลานี้ผู้คนในบริเวณนั้นต่างพากันยืนดูด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนนักเรียนภายในห้องก็ไม่เป็นอันต้องเรียนหนังสือ..
คังเฉียนเปิดประตูห้องเรียนเข้าไปทันที และกวาดสายตามองหาซูอาน ทันทีที่เห็นซูอานเข่าของเขาก็อ่อนยวบลงในทันที
เพื่อนนักเรียนในห้องต่างก็พากันงุนงง เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าซูอานคงต้องแย่แน่ที่ไปมีเรื่องกับตระกูลคังเข้า แต่กลับกลายเป็นว่าผู้เฒ่าคังกำลังคุกเข่าลงตรงหน้าซูอาน
ร่างของคังตี้ถูกผู้เฒ่าคังดึงให้นั่งคุกเข่าลงเช่นกัน ไป่ไคเองก็เดินไปนั่งคุกเข่าก้มหน้า และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองซูอาน
“หลานชายของผมไม่รู้ที่ต่ำที่สูง บังอาจล่วงเกินอาวุโสเข้า ขออาวุโสได้โปรดเมตตาลงโทษเขาด้วยเถิด..”
ซูอานมองคังเฉียนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เขาคิดไม่ถึงว่าชายชราจะมาถึงเร็วเช่นนี้ นี่ย่อมหมายความว่าเขารู้ตัวดี และซูอานก็พอใจกับท่าทีของคังเฉียนไม่น้อย
“หลานชายของเจ้ายะโสอวดดียิ่งนัก ถึงกับจะใช้เงินฟาดหัวข้าเพื่อของแลกเปลี่ยนที่นั่ง แต่เมื่อข้าเสนอราคาไป เขากับหาว่าข้าล้อเล่นกับเขา..”
“ท่านปู่.. เขาขอข้าตั้งหนึ่งร้อยล้าน!”
คังเฉียนไม่สนใจคำพูดของคังตี้ และเขาเข้าใจความหมายของซูอานดี หากต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องใช้เงินซื้อ..
หนึ่งร้อยล้านไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย แต่เพื่อซื้อชีวิตของคังตี้เขาก็ต้องยอมจ่าย จึงได้ตอบซูอานกลับไปว่า
“อาวุโสซูช่างเมตตานัก!”
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจดี.. ก็ไปได้แล้ว!”
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******