ตอนที่ 231 ว่านเทพเทวา
พยัคฆ์คีรีเดินเข้ามาในเรือนไม้หลังน้อย ก่อนจะพบสมุทร เฮงเฮง และไร้ชื่อ ที่กำลังทำการเดินหมากแก้เซ็งไปวัน ๆ
“พวกเจ้าสบายกันจังนะ”
คำทักทายของพยัคฆ์คีรีทำเอาทั้งสามคนหน้ายับยู่
“เจ้าก็ร่วมก่อความวุ่นวายกับพวกข้า ทำไมไม่โดนจับ ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”
สมุทรพูดอย่างคนได้รับความอยุติธรรม ขณะที่คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
“อย่าเพิ่งพูดมากตอนนี้เลย องค์เจ้าแคว้นมีคำสั่งให้พวกเจ้าช่วยสืบคดี”
“คดี ?” สมุทรใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
ขณะที่ไร้ชื่อไม่คิดมากเช่นนั้น
“ขอแค่ให้ได้ออกจากสถานที่น่าเบื่อเช่นนี้ จะให้ข้าฆ่าคนข้าก็ยอมทั้งนั้นแหละ”
“แต่ข้าว่าอยู่ในนี้ก็ดีออก”
เฮงเฮงเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย เขารู้สึกว่าการถูกคุมขังอยู่ที่นี่ไม่เลวเลย ที่นี่เป็นสถานที่สงบสุข ทำให้เขาไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บ เขารู้สึกว่ามันปลอดภัยที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมาเลย
“หุบปากเลยเจ้า”
ไร้ชื่อปิดปากเฮงเฮงไว้ ปล่อยให้หน้าที่การเจรจาเป็นของสมุทร
“งานอะไร”
“เมื่อคืนมีเหตุการณ์ประหลาด นาข้าวกว่าห้าร้อยไร่ถูกทำลาย ทั้งยังมีผู้คนตายไปไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยคน ภายในชั่วข้ามคืน”
“เดี๋ยวนะ ถ้าเสียหายขนาดนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยเหรอว่าเป็นฝีมือใคร”
พยัคฆ์คีรีส่ายหน้า
“นั่นแหละที่เป็นปัญหา ชาวเมือง ชาวนา รวมไปถึงกองทหารราชตระเวน ที่ทำหน้าที่ในคืนนั้นถูกฆ่าตายทั้งหมด พวกเราไม่มีเบาะแสอะไรเลย นอกจากสภาพศพของผู้ตายมีควันสีดำเกาะติดอยู่ ตอนนี้แผนกชันสูตรกำลังช่วยกันวิเคราะห์กันว่าควันดำนั้นมันคืออะไร”
“ข้าคิดว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกมั้ง” สมุทรพูดพลางเอามือลูบคางอย่างสนใจ
“เจ้าเดาไม่ผิด องค์เจ้าแคว้นคิดว่านี่อาจจะเป็นการประกาศสงครามของคนบางกลุ่ม”
“คนไร้พรสวรรค์ ?”
สมุทรพอจะรู้มาบ้าง ว่ามีการรวมตัวของกลุ่มคนไร้พรสวรรค์ในระยะหลายเดือนมานี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าพวกนั้นจะก่อการบางอย่าง
“ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จึงไม่อาจระบุได้ว่าเป็นฝีมือพวกนั้นไหม หากเป็นฝีมือของกลุ่มภราดาจริง ด้วยความสามารถเช่นนี้พวกเขาสามารถที่บุกถล่มเมืองหลวง แล้วโค่นล้มเจ้าแคว้นได้ทันที แต่กลับไม่ทำ ดังนั้นองค์เจ้าแคว้นคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น หรืออาจจะเป็นสัตว์อสูร”
“อืม น่าคิด”
“พวกเจ้าในฐานะที่เป็นฮันเตอร์ระดับแนวหน้า จะได้รับการอภัยโทษ และได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางตรวจสอบคดีชั่วคราว มีอำนาจในการโยกย้ายกองกำลังมือปราบ อีกทั้งยังสามารถเข้าสืบคดีได้ทุกพื้นที่”
สมุทรหรี่ตามองอย่างสงสัย ทำไมเรื่องราวมันง่ายดายเพียงนี้
“แล้วพวกข้าจะได้อะไร นอกจากถูกปล่อยตัว”
สมกับที่สมุทรเป็นลูกหลานพ่อค้า ขอเพียงมีโอกาสเขาก็ไม่ปล่อยช่องว่างที่จะกอบโกยเอากำไร
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขององค์เจ้าแคว้น ข้าไม่อาจตัดสินใจอะไรได้”
“โด่ ใจไม่ถึงเลย เจ้าไม่คิดว่าข้ารู้สึกแย่บ้างเหรอที่ต้องเหนื่อยทำงานฟรี”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ เจ้าอยากก่อเรื่องขึ้นมาเอง ที่ข้าช่วยได้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ”
พยัคฆ์คีรีพูดอย่างมั่นใจ เขาเชื่อว่าคนทั้งสามจะยอมรับข้อตกลงนี้
หลังจากที่ทั้งสามถูกปล่อยตัวออกมา ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางตรวจสอบคดีทันที เสื้อผ้านักโทษถูกเปลี่ยนเป็นชุดประจำตำแหน่งที่ล้ำค่า มีกองมือปราบกว่าห้าร้อยนายเป็นลูกมือช่วยในการสืบคดี
“แล้วพวกเราจะไปไหนกันดี”
ไร้ชื่อถามอย่างนึกสนุก เมื่อคิดว่าจะได้ต่อสู้
สมุทรกำลังใช้ความคิด ดูท่างานนี้เขาคงเหนื่อยคนเดียว พอมองไปที่ไร้ชื่อ ผู้ที่เก่งแต่ใช้กำลังและการปะทะ ส่วนเฮงเฮงก็มีท่าทางล่อกแล่ก ลุกลี้ลุกลนหวาดระแวงไปหมด ท่าทางของเขาดูตรงกันข้ามกับเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ทางการ ที่อยู่ในกรอบกฎหมายโดยสิ้นเชิง
เฮ้อ ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างท้อแท้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้าได้ข่าวมาว่าเหนือภพมาที่เมืองหลวงนี้แล้ว ไปหาเขากันเถอะ เผื่อเขาจะช่วยเหลือพวกเราได้บ้าง แค่เผื่ออะนะ”
สมุทรเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก ต่อให้เวลาผ่านไปเดือนกว่าแล้ว แต่จะมีชายสักกี่คนที่ทำใจได้ที่ต้องเห็นคนรักของตัวเองแต่งกับผู้อื่น
“ลูกพี่งั้นเหรอ ไปสิ ข้าไม่ได้เจอกับลูกพี่มานานแล้ว”
ไร้ชื่อตาเป็นประกาย เขานับถือในตัวของเหนือภพมาก ดังนั้นจึงดีใจเป็นพิเศษ ขณะที่เฮงเฮงรู้สึกตกใจ เขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เขาเข้าใกล้เหนือภพ ก็ไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นกับเขาสักครั้ง เขาจึงไม่เต็มใจที่จะไปนัก
เหนือภพกับวาสุกรีเดินเคียงคู่กันไปในตลาดเพื่อหาซื้อว่านชนิดหนึ่ง พญานาควาสุกรีบอกว่ามีว่านสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ว่านเทพเทวา’ เป็นว่านที่มีไอสวรรค์อยู่ภายใน สามารถสะกดไอมารได้ แต่ว่านชนิดนี้เป็นของหายาก คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ส่วนคนที่จะหาได้ก็มีเพียงแค่มุกดารา ทว่าอาจารย์ของเขายังอยู่ในช่วงทะลวงลมปราณจึงไม่อาจช่วยเหลือเขาได้
เหนือภพได้แต่สอบถามโรงประมูลชื่อดังหลายแห่ง ร้านสมุนไพรมีชื่อหลายสาขา แต่กลับไม่มีที่ใดขาย ทุกที่ล้วนบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้
“เจ้าแน่ใจนะ ว่ามีสมุนไพรนี้อยู่จริง ๆ”
เหนือภพถามคนข้างกายที่เดินเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
“ข้าจะหลอกเจ้าไปทำมะเขืออะไร แต่ชื่อนี้เป็นชื่อที่เหล่าพงศ์พันธุ์พญานาคของข้ารู้จัก บางทีมนุษย์อย่างพวกเจ้าคงรู้จักพวกมันในชื่ออื่น”
เหนือภพพอจะเข้าใจ ขนาดมนุษย์ต่างเชื้อชาติต่างเผ่าพันธ์ุยังมีวัตถุธรรมและภาษาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นความแตกต่างเรื่องชื่อเรียกของอมนุษย์และมนุษย์ก็คงไม่ต่างกันนัก
“งั้นข้ามีทางออก” เหนือภพเอ่ยอย่างมั่นใจ
“นี่เจ้าจะไปไหน อีกไม่นานก็จะค่ำมืดแล้วนะ”
พญานาควาสุกรีเอ่ยอย่างกังวล เพราะไอมารจะยิ่งทวีความร้ายกาจในเวลาค่ำคืน หากมีอะไรเกิดขึ้นนอกสถานที่ที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ มันยากที่จะแก้ไขได้ทันท่วงที
เหนือภพพาวาสุกรีมายังหอคอยขนาดใหญ่ รอบ ๆ หอคอยในระยะห้าร้อยเมตรล้วนเงียบสงบไร้ผู้คน ที่นี่ถูกเรียกว่า ‘หอคอยนักปราชญ์’ เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ของแคว้น เท่าที่เขารู้หอคอยนักปราชญ์นี้เป็นเพียงสาขาย่อยของ ‘หอคอยจอมปราชญ์’ ที่เคยเป็นหัวใจหลักของทวีปจันทราที่ล่มสลายไปแล้ว ซึ่ง‘ตำราจอมปราชญ์’ ที่พราวจันทร์ถือครองก็เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
“เจ้ารู้จักที่นี่ได้ไง”
นาคราชหนุ่มถามอย่างอึ้ง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในหอคอยโบราณสีดำขนาดใหญ่
“ข้าเคยอ่านมันเจอในหนังสือ”
“เจ้าเนี่ยนะ เจ้าที่ข้ารู้จักน่ะ หนังสือสักเล่มยังไม่อยากแตะ นอกจากหนังสือโป๊”
เหนือภพไม่ได้ตอบโต้ เขาค่อนข้างเยือกเย็นกับสถานการณ์ พวกเขาเดินผ่านชั้นหนังสือที่ตั้งเรียงราย จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งออกมาต้อนรับ
“ผู้มาเยือนต้องการให้หอคอยนักปราชญ์ช่วยอะไร จงเอ่ยมาเถิด เรานักปราชญ์จะช่วยไขข้อข้องใจให้”
“ข้าอยากถามท่านเกี่ยวกับของสิ่งหนึ่ง ข้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับว่านเทพเทวา”
นักปราชญ์ปริศนาแสดงสีหน้าแปลกใจชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคาดเดาเรื่องราวออก
“ดูเหมือนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะเกี่ยวข้องกับท่านนะ เหนือภพ”
เหนือภพเลิกคิ้วน้อย ๆ ไม่คาดคิดว่าคนของนักปราชญ์จะรอบรู้สมชื่อ ถึงขนาดรู้จักเขาทั้งที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แน่นอนเหนือภพเองก็รู้ว่าหอคอยนักปราชญ์มีกฎอยู่ข้อหนึ่ง ‘หนึ่งคำถามแลกหนึ่งความลับ’ เขาจึงถามกลับไปในทันที
“ท่านว่ามาเถอะ อยากรู้ความลับอะไรเกี่ยวกับข้า”
เหนือภพพูดอย่างคนตัดสินใจได้เด็ดขาด นักปราชญ์ยิ้มในสีหน้า แต่ท่าทางก็ยังคงนิ่งสงบ
“ข้าอยากรู้ว่าท่านมีระดับฝึกฝนอยู่ระดับที่เท่าไหร่”
เหนือภพนิ่วหน้าน้อย ๆ เมื่อใดที่เขาบอกความลับเรื่องนี้ หอคอยนักปราชญ์ก็มีสิทธิ์ที่จะบอกความลับกับผู้อื่นที่มาซื้อขาย หากศัตรูรู้ระดับของเขาย่อมหาคนมาจัดการเขาได้ไม่ยาก เหนือภพค่อนข้างลังเล ขณะที่นักปราชญ์ปริศนาเอ่ยต่อ
“ข้ารู้ว่าความลับนี้มีค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าไม่เพียงบอกเกี่ยวกับว่านเทพเทวา ข้าจะบอกเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ท่านบ้าคลั่งเมื่อคืนอีกด้วย ท่านไม่คิดว่าหนึ่งความลับของท่านแลกสองคำตอบ จะคุ้มค่าบ้างเหรอ”
“รีบ ๆ ตกลงไปเถอะน่า ก็แค่ระดับ เจ้าก็เพิ่มมันขึ้นใหม่ก็ได้นี่นา ทำไมมนุษย์อย่างพวกเจ้าต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากกันนัก”
นาคราชหนุ่มบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“ได้ ตกลง”
เหนือภพจึงบอกไปว่าระดับฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับเหนือกายมนุษย์ แต่ไม่ได้บอกว่าเขาอยู่ช่วยปลายแล้ว เพื่อปกป้องตัวเองในอนาคต
นักปราชญ์ยิ้มอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะพูดคำตอบออกมาให้ฟัง
“ว่านเทพเทวามีหลายร้อยชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค แต่ที่แคว้นอมตะเรามันเรียกว่า ‘ว่านสุริยัน’”
พอเหนือภพได้ยินก็นึกออก ที่แท้คือว่านสมุนไพรที่ถูกควบคุมโดยราชสำนักและสำนักงานฮันเตอร์ ถึงเขาจะรู้ แต่คงไม่ง่ายที่จะไปเอามันมา
“เอาล่ะ ข้าคิดว่าข้าแถมให้สักหน่อยดีว่า แม้ว่านสุริยันจะสะกดไอมารได้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะสลายไอมารได้ เมื่อคิดจะใช้มัน ก็คิดให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
คำพูดอันเป็นปริศนา ทำให้เหนือภพค่อนข้างกังวล เขาเข้าใจสิ่งที่นักปราชญ์ปริศนากำลังจะสื่อ ว่าถ้าหากเขาใช้ว่านสะกดไอมารไว้ มันก็ทำได้แค่ชั่วคราว เมื่อไหร่ที่มันกำเริบอีกครั้งก็ยากที่จะควบคุมได้ในครั้งต่อไป
“ข้าจะรับผลที่ตามมาของมันเอง แล้วสาเหตุที่ข้าบ้าคลั่งล่ะ”
“ขลุ่ยมาร”
พูดจบนักปราชญ์ปริศนาก็หายไป ขณะที่ทั้งเหนือภพและวาสุกรีก็ถูกพลังอะไรบางอย่างเคลื่อนย้ายพวกเขาออกมาข้างนอก เบื้องหน้าที่เคยเป็นหอคอยสีดำขนาดใหญ่ได้หายไปแล้ว
“หายไปไหนแล้ว” นาคราชหนุ่มสงสัย
เหนือภพพ่นลมหายใจออกมาจากปาก โดยเฉพาะคำตอบข้อสุดท้าย มันช่างช่วยเขาได้มากจริง ๆ เหนือภพคิดอย่างแดกดันตัวเอง ไม่คิดว่านักปราชญ์นั้นจะเจ้าเล่ห์ไม่เบา มันเป็นคำตอบที่เหมือนไม่ได้ตอบอะไรเลย
“นี่เจ้าไม่คิดจะตอบคำถามข้าหน่อยหรือไง เจ้าเด็กงี่เง่านี่”
เหนือภพส่ายหัว ไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่นาคราชไม่รู้อยู่ด้วย
“หอคอยนักปราชญ์ทำการค้าวันละครั้ง เมื่อทำเสร็จพวกเขาก็หายไป เดี๋ยววันต่อไปก็ปรากฏขึ้นอีก”
เหนือภพพูดจบก็เดินจากไป
“แล้วนั้นจะไปไหนอีก เจ้าต้องรีบกลับห้องได้แล้วนะ เวลากลางคืนไอมารในตัวเจ้ามันจะกำเริบได้ง่าย”
“รู้แล้วน่า ตามมาเถอะ”
เหนือภพเองก็กลัว เมื่อตะวันตกดินเมื่อไหร่ เขาจะเป็นแบบเมื่อวาน ดังนั้นในช่วงเวลาก่อนตะวันตกดิน เขาจะเตรียมพร้อมให้ได้มากที่สุดเพื่อรับมือ
เหนือภพเดินผ่านเข้าไปในตลาด เพื่อซื้อหน้ากากไม้ปกปิดใบหน้ามาอันหนึ่ง นาคราชค่อนข้างสงสัยแต่ถามกี่ครั้งเหนือภพก็ไม่ยอมตอบ จากนั้นทั้งสองก็พากันมาที่พระราชวัง ก่อนจะพากันลักลอบเข้าไป