ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 92 : เงาจำลอง
**วันที่ 1/ม.ค. - งดลงนิยายหนึ่งวัน**
บทที่ 92 : เงาจำลอง
ใบหน้าของชายวัยกลางคนดูตกตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อร่างของซูอานปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็วโดยที่เขาแทบไม่ได้ทันระวังตัว
และนี่นับเป็นเรื่องที่ร้ายแรงสำหรับเขามาก เพราะหากศัตรูสามารถจู่โจมเข้ามาได้เงียบเชียบโดยที่แม้แต่เขาเองยังไม่รู้ตัวเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าศัตรูของเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมากทีเดียว และอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าตนด้วยซ้ำไป..
มือทั้งสองข้าที่ไขว้หลังอยู่นั้นร่วงลงทันที และพลังปราณสีดำจางๆก็ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา บ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะประมือกับศัตรูแล้ว
“จะปล่อยคนได้หรือยัง!”
แม้น้ำเสียงของซูอานจะไม่ดังมาก แต่ก็หนักแน่นและดุดันพอที่ผู้ฟังจะเข้าใจได้ว่า นี่คือคำสั่งหาใช่คำถามไม่!
และในเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงเพียงนี้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเงินเรียกค่าไถ่กันอีก เพราะไม่ว่าอย่างไรคนพวกนี้ก็ต้องตายเท่านั้น!
ชายวัยกลางคนถึงกับสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอย่างซูอาน จะกล้าอวดดีออกคำสั่งกับเขาเช่นนี้
“เจ้าหนู.. อย่าได้อวดดีให้มันมากนัก!”
ชายวัยกลางคนต้องการดึงเวลาอีกสักหน่อย เขากำลังรอให้พลังงานสีดำบนฝ่ามือทั้งสองข้างหนาแน่นกว่านี้เสียก่อน จากนั้นจึงค่อยลงมือสังหารเด็กหนุ่มอวดดีคนนี้
แต่กลับไม่เป็นดังที่ชายวัยกลางคนคาดหวัง เพราะซูอานไม่เจรจาด้วย และยังไม่ทันที่ชายวัยกลางคนจะพูดจบด้วยซ้ำไป ร่างของซูอานก็พุ่งตรงจู่โจมเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
ด้วยความเร็วของซูอานนั้น ฝ่ามือของเขาก็คว้าเข้าที่ลำคอของชายวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว ซูอานบีบคอของชายวัยกลางคนไว้แน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ในเมื่อเจ้าไม่ปล่อยคน ข้าก็จะเข้าไปดูเอง!”
กร๊อก..
ซูอานออกแรงบีบจนกระดูกคอของชายวัยกลางคนหักคามือ จากนั้นเขาจึงออกแรงกระตุก และโยนร่างไร้วิญญาณของชายวัยกลางคนไปกองกับพื้นอย่างไม่แยแส และซูอานก็สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธในระดับกลางขั้นปรมาจารย์ได้ไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง..
ซูอานก้าวเท้าเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมไม่ช้าและไม่เร็ว ในขณะที่ร่างของชายวัยกลางคนยังคงนอนตาเบิกโพลง เขาคงคิดไม่ถึงว่าตนเองจะต้องมาตายด้วยน้ำมือเด็กหนุ่มอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาตายโดยที่ยังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำไป
แววตาที่เบิกโพลงของชายวัยกลางคนนั้นบ่งบอกว่ายังไม่อยากตาย เขาเป็นถึงพี่ใหญ่ และมีตำแหน่งเจ้าสำนักรออยู่ ความรุ่งเรืองและความสุขอีกมากมายกำลังรอเขาอยู่..
แต่ต่อให้อยากตายหรือไม่อยากตายก็ไม่มีความหมายใดๆอีกต่อไป และน้ำตาหยดสุดท้ายก็ไหลออกจากดวงตาที่ไร้วิญญาณทั้งสองข้างของเขา
ทั้งซันกูกับซันฉวนต่างก็จ้องมองซูอานด้วยความตกตะลึง เพราะเพียงแค่ซูอานบีบคอของชายวัยกลางคนเบาๆ ก็สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธที่เก่งกาจตายได้อย่างง่ายดาย..
ซูอานเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กนัก ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ และยังมีจานอาหารวางอยู่บนโต๊ะ ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็เหลือบมองไปยังมุมห้อง และพบว่าชายสองคนกำลังฉีกเสื้อผ้าของเด็กสาวทั้งสองคนอยู่..
และเวลานี้เด็กสาวทั้งสองคนก็ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัว และสิ้นหวัง!
“มาเร็วๆแม่หนู.. ฉันจะช่วยให้เธอมีความสุข!”
“ฉันจะทำอย่างทะนุถนอม ไม่ต้องกลัว..”
แต่ในระหว่างที่ชายหื่นทั้งสองกำลังจะคว้าร่างของเด็กสาวเข้ามากอดอีกครั้ง เสียงเย็นยะเยือกของซูอานก็ดังขึ้น
“พวกแกเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
ชายทั้งสองรีบหันกลับมาทันที พวกมันจ้องมองซูอานด้วยความโมโห และหนึ่งในนั้นก็ตะคอกใส่หน้าเขาว่า
“แกเป็นใคร? กล้ามาขัดความสุขของพวกฉัน แกต่างหากที่ต้องเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
สิ้นคำพูดของพวกมัน เท้าของซูอานก็กระแทกเข้ากับร่างของพวกมันจนลอยละลิ่วไปปะทะกับกำแพง แต่ก่อนที่จะร่วงลงพื้น ซูอานก็กระโดดเตะซ้ำเข้าไปอีกครั้ง แล้วร่างของพวกมันทั้งสองก็กระแทกเข้ากับกำแพงจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่
ห้องสี่เหลี่ยมที่ก่อด้วยปูนถึงกับสั่นคลอน และดูราวกับว่าจะพังครืนลงมาในทันที!
ซูอานหันไปสั่งซันกูกับซันฉวนว่า “พวกเจ้าพาตัวพวกนางสองคนกลับไปก่อน!”
ซันกูกับซันฉวนพยักหน้า และรีบวิ่งเข้าไปโอบร่างของหญิงสาวทั้งสองคนพาออกไปจากที่นั่นทันที
ร่างของชายร่างอ้วนหนวดเครารุงรังยังคงอัดอยู่ในรูของผนัง แม้มันจะยังไม่ตาย แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดได้
ชายร่างสูงผอมที่ร่วงลงกับพื้น รีบลุกขึ้นและพุ่งหมัดของตนเข้าใส่ร่างของซูอานทันที แต่ฝีมือเพียงแค่นั้นมีหรือที่จะทำอะไรซูอานได้ ยังไม่ทันที่มันจะได้เข้าใกล้ร่างของซูอาน เขาก็ยกเท้าถีบใส่ร่างของมันจนลอยไปกระแทกเข้ากับผนังอีกครั้ง และครั้งนี้ห้องสี่เหลี่ยมก็สั่นไปมาอย่างรุนแรง..
ครืน.. ครืน..
จากนั้น ห้องสี่เหลี่ยมก็ถล่มลงมา และร่างของพวกเขาทั้งสามคนก็ถูกฝังอยู่ใต้เศษปูน..
ซันกูกับซันฉวนได้แต่ยืนมองด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ในขณะที่หลานสาวทั้งสองคนของซูอานก็ได้แต่ยืนร้องไห้ด้วยความหวาดผวา..
ซันกูรีบปลอบโยนหลานสาวทันที “ไม่เป็นไรแล้วนะ.. ไม่ต้องตกใจ! ปู่มาช่วยหลานแล้ว..”
ในขณะเดียวกันนั้นซันฉวนก็ได้แต่ร้องถามซันกูด้วยความเป็นห่วง “พ่อครับ.. คุณชายซูจะเป็นอะไรไม๊?”
ซันกูตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “แค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆจะทำอะไรเขาได้ แม้แต่งูยักษ์เขายังฟันขาดมาแล้วเลย!”
“ห๊ะ?! งูยักษ์เหรอ?”
“ไว้วันหลังพ่อจะเล่าให้แกฟัง ตอนนี้แกรีบพาลี่ลี่กับหยวนหยวนกลับไปก่อน!”
“ครับพ่อ!”
ซันฉวนรีบถอดเสื้อของตนเองออกมาให้ลูกสาวทั้งสองคนสวมไว้ และรีบพาทั้งคู่ออกจากอาคานเตี้ยนซื่อทันที
ในระหว่างที่ห้องสี่เหลี่ยมกำลังถล่มลงมานั้น ร่างร่างหนึ่งก็กระโดดออกมาจากซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว
….
ทางด้านล่างของอาคารเตี้ยนซื่อเวลานี้ มีผู้คนพากันมามุงดูอยู่มากมาย และต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวและตกใจกันอย่างมาก
ซูอานเดินตรงเข้าไปหาซันกูพร้อมเอามือปัดเศษปูนที่ติดอยู่ตามร่างกาย ในขณะเดียวกันนั้นก็เอ่ยถามซันกูขึ้นว่า
“เจ้าสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ใช่หรือไม่?”
“ได้ครับ..”
คนกลุ่มที่นอนตายเกลื่อนกลาดนี้ คือพวกที่ลักพาตัวหลานสาวของเขาไป ซึ่งนับเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายอยู่แล้ว อีกทั้งด้วยอำนาจบารมีของซันกูในหลินโจว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ถ้าเช่นนั้น ก็กลับกันได้แล้ว!”
ในเมื่อสามารถช่วยหลานสาวของซันกูได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ แต่ในระหว่างที่ซูอานกำลังจะก้าวออกไปนั้น จู่ๆแสงสีฟ้าเจิดจ้าก็สว่างไสวขึ้น
แสงสีฟ้านี้ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีลักษณะคล้ายกับประตูบานหนึ่ง อีกทั้งยังมีพลังชีวิตปลดปล่อยออกมาจางๆ
สีหน้าของซูอานถึงกับเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมองแสงสีฟ้าสว่างไสวด้วยแววตาเย็นชา เพราะแสงสีฟ้านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังชีวิต และนั่นย่อมหมายความว่าผู้ที่เป็นเจ้าของแสงสีฟ้านี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
และนี่เป็นครั้งแรกที่ซูอานสัมผัสได้ว่า บนโลกใบนี้หาใช่มีคนเช่นเขาเพียงคนเดียว แต่น่าจะต้องมีผู้บ่มเพาะตนเช่นเขาอยู่อีก
แต่แล้วแสงสีฟ้านั้นก็ค่อยๆหดตัวลง และก่อตัวเข้าหากันกลายเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ ซูอานได้แต่ยืนมองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะจากสิ่งที่เขาเห็นอยู่เวลานี้ ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะมีฝีมือสูงส่งอยู่ในขั้นที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย และตัวเขาเองคงไม่ต่างจากมดปลวกในสายตาของอีกฝ่าย..
ซันกูถึงกับหน้าซีเผือด เขาไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อนในชีวิต และนั่นทำให้มุมมองเกี่ยวกับโลกใบนี้ของเขาต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าซูอานจะทำให้มุมมองเกี่ยวกับโลกใบนี้ของเขาเปลี่ยนไปมาก แต่ครั้งนั้นก็ยังสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า ‘ตกใจจนช็อค’ แต่ครั้งนี้.. ซันกูไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดใดมาอธิบายความตกอกตกใจของตนเองได้!
แสงสีฟ้านั้นค่อยหดตัวเข้าหากันเป็นรูปคนอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดร่างของชายชราผมขาวที่ดูราวกับเซียนก็ปรากฏขึ้น!
ชายชราลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แววตาของเขาดูบริสุทธิ์และลึกซึ้งอย่างไม่อาจหาที่ใดเปรียบได้ อีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างยังสว่างไสว ราวกับมีดวงอาทิตย์และดวงจันทรากำลังทอประกายแสงเจิดจ้าอยู่ภายใน
ริมฝีปากของชายชรายังคงเม้มสนิทไม่เคลื่อนไหว แต่กลับมีเสียงดังเปล่งออกมา “เจ้าบังอาจสังหารศิษย์ของข้า เจ้าสำนึกผิดบ้างหรือไม่?”
จิตใจที่ประหวั่นพรั่นพรึงของซูอานค่อยๆสงบลง เขาเริ่มรับรู้ได้ว่าภาพที่เห็นอยู่นี้หาใช่ร่างจริงของชายชราไม่? แต่มันเป็นเพียงแค่เงาซึ่งเป็นร่างจำลองของชายชราเท่านั้น..
ซูอานค่อยๆสงบสติอารมณ์ของตนเองลง สีหน้าของเขากลับมามีสีเลือดอีกครั้ง ซูอานจ้องมองชายชราพร้อมตอบกลับไปว่า
“ข้าสังหารศิษย์ของเจ้าแล้วทำไมรึ?”
ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ฆ่าก็คือฆ่า.. ในเมื่อเขาคือจักรพรรดิแห่งเซียนผู้ยิ่งใหญ่!
ซูอานเห็นชายชรานิ่งเงียบไปนาน และท่าทางน่าเกรงขามเมื่อครู่ก็ดูลดลง เงาจำลองของชายชรานั้นดูคล้ายกับคนจริงๆมาก จนเขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าหรือนี่จะเป็นร่างจริงกันแน่?!
ระหว่างที่ซูอานกำลังสงสัยอยู่นั้น ชายชราก็กำลังขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม
“เจ้ากล้ามาก.. ข้าจะให้เจ้าได้เห็นจุดจบของผู้ที่สังหารศิษย์ของข้า!”
“หึ.. น่าขันยิ่งนัก คนอย่างเจ้ากลับกล้าพูดจายะโสโอหังต่อหน้าข้าเชียวรึ?”
ซูอานรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงส่งยิ่งนัก อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับกลาง หรือไม่ก็ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียนแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะไม่สามารถจำลองเงาตนเองออกมาได้เช่นนี้ เพราะการจำลองเงาจำเป็นต้องใช้พลังชีวิตมากมายมหาศาล..
ในเมื่อไม่สามารถเจรจากับซูอานได้ ชายชราก็ยิ่งโมโหโกรธเกรี้ยวมากขึ้น ผมยาวสีขาวนั้นปลิวไสว และแววตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที
“ข้าจะสังหารเจ้า แก้แค้นให้กับศิษย์ของข้า!”
เงาจำลองของชายชราปลดปล่อยพลังปราณเข้าจู่โจมซูอานในทันที แม้จะเป็นเพียงแค่เงาจำลอง แต่พลังปราณที่ปลดปล่อยออกมานั้นก็รุนแรงมาก รุนแรงอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยพบเจอผู้ใดในโลกนี้ ที่มีพลังปราณแกร่งกล้าเช่นนี้มาก่อน
แต่สีหน้าของซูอานยังคงสงบเย็นชาเช่นเคย เขารวบรวมพลังชีวิตในจุดตันเถียนของตน เคลื่อนมารวมไว้ที่ฝ่ามือ และเวลานี้ฝ่ามือของเขาก็ปรากฏแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า
“ก็แค่เงาจำลองหาใช่ร่างจริงไม่ ริอาจจะสังหารข้างั้นรึ? คืนนี้ข้าจะทำลายเงาจำลองของเจ้าทิ้งเสีย!”
ซูอานพุ่งตรงเข้าหาร่างของชายชรา พร้อมกับซัดพลังปราณในมือเข้าใส่ร่างของเขาทันที แต่รอบตัวของชายชรากลับปรากฏกระแสลมแรงหมุนรอบตัวอย่างน่ากลัว ทำให้ซูอานไม่สามารถเข้าไปใกล้เงาจำลองนั้นได้
แม้คู่ต่อสู้ของซูอานจะเป็นเพียงแค่เงาจำลอง แต่ความแข็งแกร่งกลับไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาในเวลานี้เลย..
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******